หยุนชางหรี่ตาลงแววตามีประกายโหดเหี้ยมฉายเข้ามาแวบหนึ่ง "กลับวัง"
ทันทีที่นางกลับมาถึงตำหนักชิงซิน นางก็รีบเปลี่ยนเป็นชุดพระราชวังและไปที่ตำหนักฉินเจิ้ง จักรพรรดิหนิงไม่ได้อยู่ในตำหนักฉินเจิ้ง หยุนชางกังวลใจจึงไปตามหาเขาและพบเขากำลังเดินเล่นอยู่ในอุทยานหลวง หยุนชางก้าวไปข้างหน้าและร้องเรียกเสียงเบา "เสด็จพ่อ"
จักรพรรดิหนิงหันกลับมา หยุนชางจึงเห็นได้ชัดเจนว่าสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายจักรพรรดิหนิงคือหลี่ฝูยี
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เสด็จพ่อใกล้ชิดกับหลี่ฝูยีเช่นนี้และเหตุใดนางจึงไม่เคยรู้เลย
"ชางเอ๋อร์?" จักรพรรดิหนิงเอ่ยเสียงเบาและกวักมือเรียกหยุนชางพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา "ชางเอ๋อร์ออกไปเที่ยวนอกวังอีกแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้พ่อได้ผ้าดีๆ มาฝืนหนึ่ง ให้ขันทีเจิ้งส่งมันไปให้เจ้าเพื่อทำเป็นชุดแต่งงานให้เจ้า แต่ไม่รู้ว่าเจ้าไม่ได้อยู่ในวัง"
หัวใจของหยุนชางกระตุกวาบ แต่ใบหน้าของนางยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มสดใส "ชุดแต่งงานของชางเอ๋อร์เสด็จแม่เตรียมไว้ให้นานแล้วเพคะ ยี่สิบปีที่แล้วก็ทำเสร็จแล้ว สวยมากเลยเพคะ เมื่อครู่นี้ชางเอ๋อร์ไปเยี่ยมเสด็จพี่ที่จวนมา เมื่อวานนางกำนัลในวังของชางเอ๋อร์กลับมาจากไปเยี่ยมญาติและบอกเรื่องที่เขาลือกันไปทั่วตามโรงน้ำชา ชางเอ๋อร์ได้ยินแล้วก็กังวลเสด็จพี่จึงได้ไปเยี่ยมนาง เห็นว่านางอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เสด็จพ่อเพคะ ชางเอ๋อร์ว่าชางเจียชิงซูก็เป็นผู้มากความสามารถ วันนั้นที่เขาทูลขอแต่งงานกับเสด็จพี่ ทำไมเสด็จพ่อไม่อนุญาตหรือเพคะ หากเสด็จพ่ออนุญาตก็คงไม่มีคนนินทาว่าร้ายเสด็จพี่มากมายขนาดนี้"
จักรพรรดิหนิงหรี่ตามองลูกสาวที่อยู่ด้านหน้า เขาคิดประเมินความจริงจากคำพูดของนาง ยังไม่ทันได้ตอบก็ได้ยินเสียงนุ่มนวลของหลี่ฝูยีดังขึ้นเบาๆ "ฝ่าบาท อย่างไรองค์หญิงหัวจิ้งก็นับว่าเป็นหลานสาวของหม่อมฉัน เดิมทีหม่อมฉันไม่ควรพูด แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินองค์หญิงหยุนชางพูดแล้ว หม่อมฉันก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ไม่ว่าอย่างไรองค์หญิงหัวจิ้งก็เป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์ของเรา ตั้งแต่เล็กจนโตนางได้รับการสอนมารยาทมาอย่างดีที่สุดในแคว้นหนิง นางย่อมไม่อาจทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน หม่อมฉันรู้สึกมาตลอดว่าเรื่องเหล่านี้ราวกับมีคนจงใจเล็งเป้าไปที่นาง หม่อมฉันเกรงว่าจะมีใครบางคนต้องการเล็งเป้าไปที่ฮองเฮาเพคะ"
หยุนชางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว "ใช่เพคะ"
ดวงตาของจักรพรรดิหนิงเป็นประกายเย็นวาบ เขาเหลือบมองหญิงที่ยืนอยู่ข้างกายเขาและยิ้มเย็น "เรื่องนี้เจิ้นมีข้อสรุปของตัวเอง พวกเจ้าอย่าได้พูดอะไรอีก"
หยุนชางก้มศีรษะลงอย่างเศร้าใจ จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วและกล่าวว่า "เจ้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เจิ้นได้เตรียมคนที่จะสอนงานเจ้าไว้แล้วสองคน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปพวกนางจะไปสอนเจ้าในสิ่งที่จำเป็นต่ออนาคต เจ้าจงเรียนให้ดี เมื่อเจ้าแต่งงานออกไปแล้ว มามาสองคนนั้นก็จะตามไปอยู่ข้างกายเจ้าด้วย หากเจ้ารู้จักใช้คน พวกนางจะช่วยเจ้าได้มาก"
"เพคะ ชางเอ๋อร์ขอบพระทัยเสด็จพ่อเพคะ" หยุนชางขานรับ แต่ในใจกลับรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย นางมาที่นี่เพื่อทูลขออนุญาตออกไปข้างนอก นางต้องการไปที่ภูเขากิเลนด้วยตนเอง นางอยากรู้ว่าทำไมเซี่ยโหจิ้งถึงได้ปรากฏตัวที่นั่น แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จักรพรรดิหนิงก็พูดเรื่องมามาฝึกสอนนี้ขึ้นมา แม้ว่าเขาจะเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วและนางก็เคยใช้ข้ออ้างนี้ในการปฏิเสธตอนที่ฮองเฮาต้องการมอบมามาให้นางสองคน แต่จักรพรรดิหนิงไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเอ่ยปากพูดเรื่องนี้ออกมาอีกครั้งในยามนี้... ดังนั้นนางคงจะออกจากวังลำบากเสียแล้ว
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดคุยอีกสองสามประโยคกับจักรพรรดิหนิงและหลี่ฝูยีแล้วจึงรีบกลับไปที่ตำหนักชิงซิน "จิ้งอิ่ง ไปบอกเจ้านายของเจ้าว่าข้าอยากพบเขา"
เสียงขานรับเบาๆ ดังขึ้นจากในตำหนัก หยุนชางถอนหายใจและล้มตัวลงบนเบาะนุ่ม เซี่ยโหจิ้ง หากนางไม่ได้คาดผิดไปแล้วละก็เกรงว่าผู้ที่ทำตัวเสมือนไร้ตัวตนผู้นี้คงจัดการยากไม่แพ้ชางเจียชิงซูเลย
หยุนชางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยหลังจากตะลอนอยู่นอกวังมาทั้งวัน เพียงไม่นานนางก็ผล็อยหลับไป
เมื่อตื่นนอน นางก็รู้สึกได้ว่าในตำหนักมีคนอื่นอยู่ด้วย แต่ไม่ฉินยีและเฉี่ยนอิน หยุนชางรีบลืมตาขึ้นทันทีและมองไปยังที่ที่นางสัมผัสได้ถึงตัวตนนั้นก็เห็นจิ้งอ๋องสวมชุดสีขาวนวลนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะด้านข้าง หนังสือเล่มนั้นน่าจะเป็นหนังสือเล่มโปรดที่นางชอบอ่านในยามปกติ ดูจากลักษณะแล้วคงเป็นตำราพิชัยสงครามสกุลชี
ไม่บ่อยนักที่จะเห็นจิ้งอ๋องแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีนี้ หยุนชางตะลึงงันไปเล็กน้อย นางคิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาสวมอาภรณ์สีนี้แล้วกลับทำให้เดิมทีคนที่เย็นชาไม่เป็นมิตรกลับดูไม่เหมือนเดิม ยิ่งขับให้ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นงดงามราวกับเทพเซียนก็ไม่ปาน
"ตื่นแล้วหรือ?" จิ้งอ๋องพูดอย่างราบเรียบโดยไม่เงยหน้าขึ้น
หยุนชางพยักหน้าแต่คิ้วน้อยๆ กลับขมวดมุ่น ทำไมจิ้งอ๋องจึงได้มาที่นี่ หนำซ้ำเฉี่ยนอินและฉินยียังอนุญาตให้เขาเข้ามาอีก แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นคู่หมั้นกัน แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงคำครหานินทา เพราะอย่างไรพวกเขาก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน
จิ้งอ๋องวางหนังสือในมือลงและมองดูหยุนชาง สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย หยุนชางเพิ่งตื่นขึ้น ดวงตาของนางก็ยังปรืออยู่เล็กน้อย ผมสยายไปทั่วเบาะ ใบหน้าขาวนวลแดงระเรื่ออย่างหายาก กลับทำให้จิ้งอ๋องอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่าย หยุนชางที่เป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้เขาไม่อาจต้านทานไหว
"เจ้ามักจะอ่านหนังสือเล่มนี้หรือ?" จิ้งอ๋องละสายตาจากนาง ยกหนังสือในมือและถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง