หยุนชางได้คัดเลือกสายลับที่ทำงานดีที่สุดมาจำนวน 10 คน พลันนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องอยากจะถามจิ้งอ๋อง "เสด็จอาเพคะ ป่าทึบบนเขากิเลนสภาพอากาศร้อนชื้นอันตรายนี่นา แล้วพวกเราจะเข้าไปได้อย่างไรล่ะเพคะ?"
จิ้งอ๋องกางแผนที่ออก เขาชี้ไปยังจุดจุดหนึ่งที่แยกออกจากกันบนเขากิเลน "นี่คือแม่น้ำสายหนึ่ง พวกเราจะไปทางแม่น้ำสายนี้"
หยุนชางอึ้งไปสักพัก แล้วนำแผนที่มาดูอยู่นาน "หากแม่น้ำสายนี้สามารถเข้าไปภายในภูเขาได้ แล้วเหตุใดสัญลักษณ์ชี้แจงรายละเอียดบนแผนที่จึงมีอยู่น้อยมาก ไม่มีการระบุความกว้างของแม่น้ำ และไม่มีการบอกเล่าลักษณะทางกายภาพว่าเป็นเช่นไรเลยเพคะ......"
"เพราะแม่น้ำสายนี้มีหน้าผาอยู่ทางตอนกลาง น้ำจากแม่น้ำไหลลงมากลายเป็นน้ำตก หน้าผานี้สูงหลายร้อยเมตร ตลอดหน้าผาไม่มีจุดที่จะสามารถให้เกาะเพื่อปีนป่ายได้เลย ต้องคนมีวิทยายุทธขั้นสูงเท่านั้น ที่จะอาศัยกำลังภายในเพื่อขึ้นไปได้" จิ้งอ๋องกล่าวด้วยสีหน้าแน่นิ่ง
"......" หยุนชางหันไปมองสายลับทั้งสิบคนซึ่งล้วนมีทีท่าหนักใจ "มิน่าล่ะ พระองค์จึงไม่มอบหมายให้สายลับคนใดทำงานนี้เลย......" นางพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ "เหตุใดพระองค์จึงไม่บอกหม่อมฉันตั้งแต่แรกล่ะเพคะ......"
แต่ว่า ระหว่างที่หันหลังมานั้น ก็ฉุกคิดเรื่องสำคัญอีกเรื่องขึ้นมาได้ "เมื่อครู่นี้ท่านบอกว่าต้องใช้คนมีวิทยายุทธขั้นสูง และต้องอาศัยกำลังภายในใช่ไหมเพคะ? เช่นนั้นก็ต้องใช้ผู้ที่มีกำลังภายในขั้นสูงน่ะสิ?"
จิ้งอ๋องพยักหน้า จากนั้นเขาก็ได้ยินหยุนชางพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แน่นิ่งผิดปกติ "แต่ว่า หม่อมฉันไม่มีกำลังภายใน"
หยุนชางนั้นลำพังวิทยายุทธของตนเองแม้จะนับได้ว่าไม่เลว ทว่านางนั้นหามีกำลังภายในไม่ ร่างกายของนางนั้นไม่เหมาะสมที่จะฝึกฝนกำลังภายในสักเท่าไร นางได้แต่เพียงใช้ยามาเสริมพลังให้กับร่างกาย การใช้วิทยายุทธแต่ละครั้งก็ไม่สู้จะเต็มร้อยเท่าใดนัก
จิ้งอ๋องเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยว่า "หากบนหน้าผาพอจะมีที่ยึดเหนี่ยวบ้าง ข้าก็คงพาเจ้าขึ้นไปได้ แต่ว่า......"
"ไม่เป็นไรเพคะ พวกเราลองไปดูกันก่อนเถอะ" หยุนชางลุกขึ้น จูงม้าเตรียมจะออกเดินทาง
"ช้าก่อน เรายังไม่ได้ทำลายร่องรอยการเดินทางของพวกเราเลย แม้เซี่ยโหจิ้งจะไม่รู้ว่าเป็นเรา แต่ก็ต้องรู้แน่ๆว่ามีคนต่างถิ่นเดินทางเข้ามาในหมู่บ้านเถาซี แล้วก็จะมีการเพิ่มมาตรการการเฝ้าระวังแน่นหนาขึ้นกว่าเดิม ข้าเกรงว่า อาจจะมีใครบางคนกำลังจับตาดูพวกเราอยู่ หากพวกเราจะขึ้นไปบนภูเขา จำเป็นจะต้องสละเวลาเพิ่ม เพื่อปกปิดร่องรอยการเดินทางที่หลงเหลือไว้เบื้องหลังให้มิดชิด" จิ้งอ๋องยังคงนั่งต่อไป
หยุนชางพยักหน้า นางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ดูเหมือนว่าตอนที่มีจิ้งอ๋องอยู่ด้วย นางมักจะด่วนตัดสินใจทำเรื่องต่างๆโดยไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน
โชคยังดี สิ่งที่สายลับถนัดที่สุดก็คือการปกปิดร่องรอยของตนเอง จากนั้นไม่นาน ที่แห่งนั้นก็เหลือเพียงแค่หยุนชางและจิ้งอ๋องสองคน ท้องฟ้าเริ่มมืด จิ้งอ๋องลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยว่า "ข้าจะออกไปล่าสัตว์มาเป็นอาหาร เจ้าอยู่คนเดียวก็ระวังตัวด้วยล่ะ"
หยุนชางรับคำ นางมองดูจิ้งอ๋องเดินออกไป แล้วลุกขึ้นหาเศษกิ่งไม้มาเตรียมก่อไฟ แต่นางกลับนึกขึ้นได้ว่าตนเองไม่ได้นำหินก่อไฟมาด้วย หยุนชางยิ้มหน้าเศร้า นางนั่งลงไปใต้ต้นไม้ ดูท่าแล้ว คืนนี้คงต้องนอนที่นี่ไปก่อน
ดีที่จิ้งอ๋องไปไม่นาน เพียงครู่เดียวก็หิ้วไก่ป่า 2 ตัวกลับมาได้ เขาก่อไฟอย่างชำนิชำนาญ เมื่อนำไก่ไปล้างที่ริมลำธารจนสะอาดแล้วก็เดินกลับมา เขานำกิ่งไม้เสียบเข้าไปในตัวไก่ แล้วจัดการย่างโดยการนำไก่แขวนไว้เหนือกองไฟ
"หม่อมฉันรู้สึกว่า หม่อมฉันเริ่มจะทำให้พระองค์ต้องลำบากเสียแล้วเพคะ" หยุนชางพูดพลางยิ้ม แม้ว่าหลายปีมานี้นางจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมามากมาย แต่นางก็ไม่เคยขาดเหลือในด้านเสื้อผ้าอาภรณ์หรืออาหารการกิน และไม่เคยมาลองใช้ชีวิตท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นแล้ว หลายๆเรื่องที่เรียนมาก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่จารึกไว้บนกระดาษเท่านั้น เมื่อต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์จริงจึงได้รู้ว่าตนนั้นไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
ลั่วชิงเหยียนมองไปยังหยุนชาง "เจ้ามีความโดดเด่นซึ่งคนอื่นไม่มี ข้าจำได้ว่า เจ้ามีความสามารถด้านการแพทย์ นั่นแสดงว่าเจ้าสามารถแยกแยะว่าหญ้าชนิดใดมีพิษ ชนิดใดไม่มีพิษ ข้าคิดมาตลอดว่า สภาพอากาศที่ร้อนชื้นรุนแรงนั้นแม้จะมีสารพิษเจือปนอยู่ ทว่าสรรพสิ่งบนโลกใบนี้สามารถส่งเสริมและหักล้างกันและกันได้ ในเมื่อมีสารพิษในสภาพอากาศที่ร้อนชื้น บริเวณโดยรอบก็ต้องมีแหล่งกำจัดสารพิษชนิดนี้ได้เช่นกัน เหล่าทหารของแคว้นเซี่ยกล้าหาญไม่หวาดหวั่นต่อพิษนี้ หากแม้นเจ้าได้ลองศึกษาเจาะลึกถึงวิธีขจัดพิษดังกล่าวได้ ก็จะเป็นการสร้างผลงานชิ้นเลิศ"
หยุนชางยิ้มเล็กยิ้มน้อย "ถึงหม่อมฉันจะรู้ว่าพระองค์เพียงแค่ตรัสเพื่อปลอบใจหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันก็รู้สึกดีมากๆเลยเพคะ"
จิ้งอ๋องย่างไก่ป่าเสร็จเรียบร้อย เขาฉีกน่องไก่ 1 น่องส่งให้หยุนชาง หยุนชางรับมาแล้วกัดเข้าไป 1 คำ ก็สัมผัสได้ถึงความหอมที่ค่อยๆกระจายกลิ่นออกมาภายในปาก ถึงแม้จะไม่มีการปรุงรสใดๆ แต่ก็มีรสดั้งเดิมของเนื้อไก่ที่ไม่เคยได้ทานที่ไหนมาก่อน
สองคนทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็อิงหลังนั่งพักที่ใต้ต้นไม้
ราตรีดึกสงัด เป็นช่วงเวลาที่กำลังหลับๆตื่นๆ หยุนชางกลับได้ยินเสียงสวบสาบแว่วเข้ามา หยุนชางสะดุ้งตกใจ ทว่านางกลับไม่ยอมลืมตา นางใช้มือขวาล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ ในนั้น มีเข็มเงินที่นางมักจะใช้อยู่เป็นประจำ
มือซ้ายค่อยๆยื่นออกมาโดยวางไว้ข้างลำตัว แล้วนางก็ค่อยๆขยับตัวไปด้านข้าง หากจำไม่ผิดล่ะก็ จิ้งอ๋องอยู่ทางด้านซ้ายของนาง หยุนชางคลำไปเจอดาบของจิ้งอ๋อง แล้วค่อยๆเลื่อนมือเหนือขึ้นมาเรื่อยๆ ก็ไปสัมผัสกับมือที่เย็นเฉียบของจิ้งอ๋อง มือนั้นพลิกมือของหยุนชางแล้วกดไว้ เขาเขียนคำสองคำลงไปบนฝ่ามือของหยุนชางคือคำว่า มีคน
หยุนชางค่อนข้างจะเบาใจขึ้นมาหน่อย ที่แท้เขาก็รู้สึกตัวอยู่ หยุนชางสัมผัสได้ว่าสายลับรอบตัวนางก็คอยจับตาเฝ้าดูอยู่เช่นกัน จึงรู้สึกวางใจขึ้นมาอีกขั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง