ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 228

เฉี่ยนอินพยุงหยุนชางไปนั่งบนเก้าอี้ในห้องโถงด้านหน้า ด้วยเหตุที่หยุนชางยังไม่ได้อภิเษกสมรสกับจิ้งอ๋อง ฉะนั้นจึงได้นำม่านลูกปัดมาแขวนไว้ข้างหน้า หยุนชางนั่งอยู่หลังม่านลูกปัด และแอบครุ่นคิดเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่ฮวากั๋วกงมาในครั้งนี้

พ่อบ้านได้พาฮวากั๋วกงเข้ามาแล้ว หยุนชางยิ้มและมองดูเงาลางๆที่ปรากฏอยู่นอกม่านลูกปัด แม้ว่าฮวากั๋วกงนั้นจะอายุมากแล้ว แต่เขายังคงเดินหลังตรง และเดินมาด้วยความสง่าของแม่ทัพใหญ่

หยุนชางสั่งให้พ่อบ้านนำเก้าอี้มาให้ฮวากั๋วกง และนำน้ำชามาให้ท่าน จากนั้นจึงเอ่ยปากกล่าวว่า "ฮวากั๋วกงมาคราวนี้ เดิมทีต้องเป็นท่านอ๋องที่มาต้อนรับเพคะ แต่ว่าบัดนี้ท่านอ๋องมิได้อยู่ในจวน และช่วงนี้สุขภาพชางเอ๋อร์ไม่ค่อยดีนัก ฉะนั้นจึงมาพบฮวากั๋วกงเช่นนี้เพคะ จึงหวังว่าฮวากั๋วกงจะไม่ถือสานะเพคะ"

ฮวากั๋วกงหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างเต็มที่ก่อนจะคารวะหยุนชาง "องค์หญิงทรงมากพิธีเกินไปขอรับ เป็นความผิดของหม่อมฉันที่มาเองโดยมิได้นัดหมาย จึงได้รบกวนองค์หญิงขอรับ ผู้ที่ต้องขอให้อย่าถือสานั้นควรเป็นหม่อมฉันเสียมากกว่า หม่อมฉันได้ข่าวว่าจิ้งอ๋องกับองค์หญิงกำลังจะอภิเษกสมรส ชื่อเสียงของจิ้งอ๋องนั้นเป็นที่เลื่องลืออย่างกว้างขวาง แม้ว่าหม่อมฉันจะอยู่ที่แคว้นเซี่ยแต่ก็เคยได้ยินมาก่อน แต่น่าเสียดายที่หม่อมฉันอายุมากแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีโอกาสได้สู้รบกับจิ้งอ๋อง วันนี้หม่อมฉันได้ยินว่าองค์หญิงอยู่ในจวน จึงรู้สึกแปลกใจอย่างมาก จึงอยากทราบว่าหญิงที่น่าอัศจรรย์เช่นไรจึงสามารถครอบครองหัวใจของจิ้งอ๋องได้ ฉะนั้นหม่อมฉันจึงได้มาขอพบ และการที่องค์หญิงมาพบหม่อมฉันถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงแล้วขอรับ"

หยุนชางได้ยินเช่นนี้ ตาก็เป็นประกายเล็กน้อย และยิ้มเล็กน้อย ที่แท้ก็คงสงสัยว่าจิ้งอ๋องเป็นบุตรของอดีตฮองเฮา ฉะนั้นจึงได้มาดูว่าตนนั้นคู่ควรกับหลานชายที่สูงส่งราวกับเทพของเขาได้หรือไม่ล่ะสิ

"หากเสด็จอาได้ยินฮวากั๋วกงชมท่านเช่นนี้ แน่นอนว่าท่านจะมีความสุขอย่างมากแน่นอนเพคะ เสด็จอาเคยกล่าวว่าฮวากั๋วกงนั้นเป็นเทพด้านการทหารตัวจริงเพคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกั๋วกงช่ำชองในวางทัพเดินทัพเพคะ การที่ไม่ได้พบกั๋วกงในตอนที่กั๋วกงอยู่ในจุดสูงสุดนั้น ถือเป็นความโชคดีและความน่าเสียดายของเสด็จอาอย่างมากเพคะ" คำพูดประจบประแจงเช่นนี้หยุนชางก็พูดเป็นเช่นกัน ตอนนี้ไม่สามารถทราบตัวตนที่แท้จริงของจิ้งอ๋องได้ จิ้งอ๋องเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆต่อสถานะนี้ของเขา ฉะนั้นทางที่ดีนางไม่ควรทำให้ฮวากั๋วกงโกรธเคืองจะดีกว่า เพียงแต่ว่าเมื่อนึกถึงทหารที่อยู่บนภูเขากิเลนทำให้ตนได้รับบาดเจ็บ ในใจของนางก็ไม่เข้าใจและสับสนเล็กน้อย การวางทัพบนภูเขานั้นไม่มีทางที่จะเสร็จสิ้นภายในชั่วข้ามคืนอย่างแน่นอน ข้าเกรงว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้านี้คงมีความเกี่ยวข้องอยู่เล็กน้อย

"จริงหรือขอรับ? จิ้งอ๋องพูดเช่นนี้จริงหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า…" ฮวากั๋วกงดีใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ "ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส หากว่ามีเวลา พวกเราก็สามารถมานั่งพูดคุยกันได้"

หยุนชางเอามือปิดรอยยิ้มบนหน้าเอาไว้ และกล่าวตอบ "ชางเอ๋อร์จะบอกเรื่องนี้กับเสด็จอาอย่างแน่นอนเพคะ"

ฮวากั๋วกงพยักหน้า แล้วเอามือเคาะที่วางแขนของเก้าอี้ ยิ้มและกล่าวว่า "เจ้าช่างเป็นเด็กที่น่าชื่นชมอย่างมาก แต่เสียดายที่เป็นองค์หญิงของแคว้นหนิง มิเช่นนั้นก็คู่ควรอยู่หรอก"

หยุนชางเลิกคิ้ว นี่หมายความว่า เขารู้สึกว่านางไม่คู่ควรกับจิ้งอ๋องงั้นหรือ? ก็จริง หากจิ้งอ๋องเป็นองค์ชายใหญ่ของแคว้นเซี่ยจริง ตามกฎของแคว้นเซี่ยแล้ว จำต้องแต่งตั้งบุตรชายคนโตหรือบุตรชายของฮองเฮาเป็นองค์รัชทายาท เช่นนั้นตำแหน่งขององค์รัชทายาทก็จะมีการขับเคลื่อน แม้ว่าจิ้งอ๋องนั้นจะมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากให้แคว้นหนิง แต่หากเป็นแคว้นเซี่ย เขานั้นมีรากฐานที่ไม่มั่นคงมากพอ หากเขาต้องการตั้งหลัก จึงมีเพียงวิธีที่อภิเษกสมรสกับองค์หญิงแคว้นอื่น แม้ว่าตนนั้นจะเป็นองค์หญิงของแคว้นหนิง แต่เมื่อไปถึงแคว้นเซี่ย สถานะของนางนั้นก็ไม่ค่อยมีประโยชน์นัก สิ่งที่นางสามารถช่วยจิ้งอ๋องได้ก็คงมีไม่เท่าคุณหญิงของตระกูลขุนนางของแคว้นเซี่ยหรอก

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หยุนชางก็หัวเราะออกมา "ใต้เท้ากั๋วกงก็เป็นคนที่กล้าหาญมากเช่นกันเพคะ แต่น่าเสียดายที่ท่านเป็นกั๋วกงของแคว้นเซี่ย มิเช่นนั้น ก็อาจกลายเป็นเพื่อนหรือคู่ต่อสู้ที่ดีของเสด็จอาได้ แต่ได้ยินมาว่า ใต้เท้ากั๋วกงนั้นเคยสู้รบกับท่านปู่มาอยู่หลายครั้งใช่หรือไม่เพคะ ท่านปู่ได้เลี้ยงดูเสด็จอามาตั้งแต่ยามเด็ก และท่านปู่ได้สอนกลยุทธ์การต่อสู้ให้กับเสด็จอา หากว่าใต้เท้ากั๋วกงมีศิษย์ยอดฝีมือ ชางเอ๋อร์คาดว่าเสด็จอาก็คงยอมที่จะประลองฝีมือกันอย่างแน่นอนเพคะ"

ฮวากั๋วกงเงียบไปในทันที เขารู้สึกว่าคำพูดของหยุนชางนั้นทำให้เขาขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่พบข้อโต้แย้งใด ๆ หากเป็นคนที่ทราบเรื่องทางการเมืองก็คงทราบดี รู้ว่าทั้งชีวิตนี้ตนเคยแพ้การรบแค่เพียงสองครั้ง แต่ทั้งสองครั้งนั้นแทบจะแพ้ให้กับอดีตจักรพรรดิของแคว้นหนิง อีกทั้งสิ่งที่ตนเสียดายมากที่สุดในชีวิตนี้ก็คือ การที่ไม่ได้พบคนที่สามารถสืบทอดวิชาของตนได้ และการที่พูดเช่นนี้ต่อหน้าเขาก็เท่ากับว่าจงใจทำให้เขาขุ่นเคืองมิใช่หรือ?

แต่ทว่าฮวากั๋วกงลังเลเล็กน้อย เพราะเขาทราบดีเช่นกันว่าในแคว้นหนิงนั้น หญิงสาวมิอาจยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองได้ แต่ถ้าหากว่านางไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ เช่นนั้นคำพูดเหล่านี้ของนาง ก็ไม่มีอะไรน่าโกรธเคือง อีกทั้งยังมีเจตนาที่ดีอีกด้วย

ฮวากั๋วกงเงยหน้ามองไปที่เงาหลังม่านลูกปัด และนานไม่มีการตอบรับ เขายกแก้วชาขึ้นมาแล้วจิบเบาๆ จากนั้นก็นำแก้วชาไปว่างข้างๆตน

เมื่อฮวากั๋วกงไม่ได้ตอบกระไร หยุนชางจึงไม่กล่าวกระไรเช่นกัน

ผ่านไปอยู่นาน ฮวากั๋วกงจึงกล่าวว่า " หม่อมฉันได้ข่าวว่าองค์หญิงไปถือศีลที่วิหารแคว้นหนิงตั้งแต่ยังเด็กใช่หรือไม่ขอรับ? องค์หญิงเชื่อในพระพุทธเจ้าหรือ?"

ว่าอย่างไรนะ? หยุนชางเงยหน้าขึ้น ถือศีล? ฮวากั๋วกงกำลังวางกลอุบายให้ตนหรือ?

หยุนชางอมยิ้ม แววตาของนางจับจ้องไปที่ลูปปัดที่อยู่ตรงหน้า ภายในลูกปัดนั้นมีใบหน้าที่มีความแข็งแกร่งเล็กน้อยของฮวากั๋วกง สีหน้าของเขาลองเชิงเล็กน้อย

"ถือศีลหรือ? หม่อมฉันเกรงว่าใต้เท้ากั๋วกงคงจะหูฝาดไปกระมั้ง ที่เป็นเช่นนั้นเพราะชางเอ๋อร์นั้นได้เปิดเผยความลับของฟ้าที่มิอาจเปิดเผยออกมา และมีเคราะห์ในชีวิต ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ฉะนั้นจึงได้ไปพักรักษาร่างกายที่วิหารแคว้นหนิงเพคะ ไม่ใช่การถือศีลแต่อย่างใดเพคะ"

ฮวากั๋วกงขมวดคิ้วและเอ่ยปากอีกครั้ง "องค์หญิงเติบโตในวิหารแคว้นหนิงมาตั้งแต่เด็ก หม่อมฉันคิดว่าองค์หญิงก็คงปฏิบัติตามศีลและกฎของวิหาร และคงมีความรู้ด้านพุทธศาสนามากมายใช่หรือไม่ขอรับ?"

หยุนชางส่ายหัวและกล่าวอีก "จะว่าไปชางเอ๋อร์ก็คงมิได้เคารพพระพุทธเจ้าเท่าที่ควร แม้ว่าชางเอ๋อร์จะอยู่ในวิหาร แต่ก็เป็นคนที่ห้ามปากตัวเองไม่ได้เพคะ บางครั้งก็ชอบสั่งให้คนนำเนื้อสัตว์มาเพื่อเป็นเครื่องสังเวยปากเพคะ อีกทั้งอาจเป็นเพราะชางเอ๋อร์อายุยังน้อย จึงไม่สามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งด้วยกระมั้ง แม้ว่าชางเอ๋อร์จะช่วยเจ้าอาวาสคัดลอกพระคัมภีร์พุทธมาแล้วจำนวนมาก แต่ก็จำไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียวเพคะ เช่นนี้อาจเป็นเพราะชางเอ๋อร์ไม่มีโชคชะตากับพระพุทธกระมั้ง"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง