เมื่อฮวากั๋วกงได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ดังสนั่นใส่หูตนอย่างมาก และทุกคำก็แทงเข้าที่หัวใจอย่างแรง ฮวากั๋วกงกำหมัดไว้แน่นและยืนขึ้นพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นเขาก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้มีรอยยิ้มที่ขมขื่นอยู่บนใบหน้า ตนไม่สามารถตำหนิเขาได้ เขาไม่ทราบอะไรทั้งนั้น ทุกคำพูดของเขานั้น เป็นความจริงทั้งหมด
เมื่อจิ้งอ๋องเห็นเช่นนี้ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ค่อยๆ เย็นชาลง "ฮวากั๋วกงเป็นกระไรไปหรือ? รู้สึกไม่สบายหรือ?"
ฮวากั๋วกงพยักหน้า "ขอรับ จู่ๆ หม่อมฉันก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมา เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวกลับก่อนขอรับ"
จิ้งอ๋องหยิบแก้วน้ำชาขึ้นมา แววตาของเขาจ้องมองไปที่ใบชาที่คลายตัวอยู่ในแก้ว ก็ไม่ได้มองฮวากั๋วกงเลยแต่อย่างใด " เช่นนั้น ข้าก็จะไม่ส่งท่านแล้ว พ่อบ้าน ไปส่งแขก"
หลังจากที่พ่อบ้านนำทางไปส่งฮวากั๋วกงออกไป จิ้งอ๋องจึงวางแก้วชาในมือลง ขมวดคิ้วและนั่งบนเก้าอี้เป็นเวลานานก่อนที่จะลุกขึ้นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเดินตรงไปที่ตำหนักด้านใน
หยุนชางกำลังพิงอยู่เบาะนุ่มและอ่านหนังสือเกี่ยวกับวิชาหมอ จิ้งอ๋องนั่งลงที่โต๊ะอย่างสบายๆ และมองไปที่หญิงสาวผู้งดงามที่นั่งบนเบาะนุ่มด้วยสีหน้าสบาย ๆ " จิ่นเฟยเหนียงเหนียงกลับมาที่วังแล้ว"
"หืม?" หยุนชางเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของนางเผยความสุขออกมาเล็กน้อย แต่ก็มีความกังวลเล็กน้อยเช่นกัน "เสด็จแม่กลับพระราชวังแล้วหรือ? แล้วเหตุใดหม่อมฉันจึงไม่ทราบข่าวเลยเพคะ? และท่านกลับไปที่พระราชวังโดยตรง พระราชวังนั้นไม่ค่อยสงบนัก ตอนนี้พระวรกายของเสด็จแม่ไม่เหมือนที่ผ่านมา ท่านไม่สามารถรับผลกระทบใดๆ ได้ และอยู่ในพระราชวังไม่ได้หรอกเพคะ"
จิ้งอ๋อวอมยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้มากจนเกินไป " ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นห่วง ข้าจึงมิได้บอกกับเจ้า ข้าเป็นคนส่งคนให้ไปรับท่านกลับมาอย่างลับๆ เอง วันมะรืนนี้เราก็จะอภิเษกสมรสแล้ว เสด็จแม่ของเจ้าจึงควรอยู่ในงานพิธีด้วย มิเช่นนั้นเจ้าคงจะเสียใจไปตลอดชีวิต"
เมื่อได้ยินจิ้งอ๋องพูดถึงเรื่องอภิเษกสมรสของเขาสองคน หยุนชางก็รู้สึกร้อนที่หูขึ้นมา นางอมยิ้มและกล่าวว่า " เช่นนี้หม่อมฉันทราบดีเพคะ แต่ตอนนี้หม่อมฉันมิได้อยู่ในวัง และฮองเฮาก็ได้ครองอำนาจอีกครั้ง หม่อมฉันกลัวจะมีเรื่องกระไรเกิดขึ้นกับเสด็จแม่เพคะ หรือว่าพาเสด็จแม่มาที่จวนจิ้งอ๋องดีหรือไม่เพคะ?"
จิ้งอ๋องได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มขึ้นมาด้วยความเอ็นดู "เสด็จแม่ของเจ้าคือนางสนมในพระราชวัง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยได้มีกรณีเช่นนี้มาก่อน หากว่ารับตัวเสด็จแม่ของเจ้ามาที่นี่จริงๆ ข้าไม่ทราบเช่นกันว่าเรื่องนี้จะลือกันไปถึงไหน เจ้าเนี่ยนะ ทุกครั้งที่เจ้ากังวลขึ้นมาเรื่องก็เริ่มยุ่งเหยิง"
หยุนชางขบริมฝีปาก แน่นอนว่านางทราบดีเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นจริง รู้ แต่ช่วงนี้นางมักจะรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย ราวกับว่ามีเรื่องบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น หากนางไม่สามารถปกป้องคนที่นางต้องการปกป้องให้อยู่ภายใต้การดูแลของตนได้นั้น นางมักจะรู้สึกไม่ไว้วางใจเล็กน้อย
ราวกับว่าเขารู้คิดของหยุนชาง จิ้งอ๋องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า "หากว่าเจ้ากังวลจริงๆ ข้าจะส่งสายลับไปปกป้องเสด็จแม่ของเจ้าเพิ่ม ผ่านไปนานหลายปีเสด็จพ่อของเจ้าก็มีบุตรอีกครั้ง พระองค์ก็ทรงปกป้องเป็นอย่างดี พระองค์ก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องกระไรต่อเสด็จแม่ของเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย ทั้งซ้ายและขวาล้วนเป็นอาณาจักรของเสด็จพ่อของเจ้า หากเขาคิดจะปกป้องใครสักคน คงไม่มีทางเกิดความผิดพลาดอย่างแน่นอน"
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ก็เงียบลง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้พยักหน้าและกล่าวว่า " ก็ได้เพคะ เอาจะเป็นเพราะว่าหม่อมฉันมิได้พบเสด็จแม่มานานกระมั้ง ให้หม่อมฉันได้พบท่านได้หรือไม่เพคะ?"
จิ้งอ๋องส่ายหน้า "ตอนนี้เสด็จแม่ของเจ้ากำลังตั้งครรภ์ เกือบจะแปดเดือยแล้ว วันนี้ข้าเห็นว่าท้องนั้นโตอย่างน่ากลัวมาก ท่านเหนื่อยมากกับการเดินทางมาจากวังเฟิ่งไหล หากให้ท่านมาพบเจ้าก็คงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ร่างกายของเจ้าก็ไม่แข็งแรง ไม่เหมาะสมกับการเดินทาง เจ้าวางใจเถอะ เมื่อถึงเวลาได้พบกันเจ้าก็จะได้พบเอง"
หยุนชางหมดหนทาง แต่นางก็ทราบว่าสิ่งที่จิ้งอ๋องกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริง สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างไม่สะดวก หลังจากครุ่นคิด สุดท้ายนางก็ถอนหายใจและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก
หลังจากเงียบไปนาน นางก็เอ่ยปากลองเชิง" เจ้าและฮวากั๋วกง.........."
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของจิ้งอ๋องแย่ลงอย่างกะทันหัน หยุนชางจึงหยุดสิ่งที่กำลังจะกล่าวออกไปอย่างกะทันหันและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ " หากสิ่งที่ฮวากั๋วกงกล่าวในวันนั้นเป็นเรื่องจริงล่ะก็ เจ้าก็คงเป็น............" หยุนชางจ้องมองไปที่สีหน้าของจิ้งอ๋องอย่างระมัดระวัง นางลดเสียงลงและกล่าวว่า "ข้าได้ยินมาว่าตอนนั้น อดีตพระราชินีของแคว้นเซี่ยได้ตกลงมาจากหน้าผาขณะตั้งครรภ์ระหว่างสงคราม เมื่อพวกเขาพบพระราชินี ท่านก็เหลือเพียงแต่กะโหลก ใครก็ไม่ทราบทั้งนั้นว่า........เรื่องนี้ทำให้ฮวากั๋วกงผมหงอกขาวในค่ำคืนเดียวเช่นกัน เรื่องนี้โทษพวกเขาไม่ได้หรอก..."
จิ้งอ๋องนิ่งเงียบ สีหน้าของเขาแย่ลงเล็กน้อย หยุนชางถอนหายใจและหยุดพูด เรื่องบางอย่าง นางช่วยเขาไม่ได้...
หลังจากเวลาผ่านไปอยู่นาน เมื่อหยุนชางคิดว่าจิ้งอ๋องคงจะเปลี่ยนเรื่องคุยหรือทำเป็นเมินตน จิ้งอ๋องกลับพูดขึ้นทันทีว่า "เจ้าอยากให้ข้าทำเช่นไร? กลับไปหาบรรพบุรุษของข้าหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างแคว้นเซี่ยและแคว้นหนิงในตอนนี้ยากที่จะคืนดีกันแล้ว หากว่าข้า..........เจ้าคิดว่าแคว้นหนิงจะทำเช่นไร?"
เรื่องเหล่านี้หยุนชางได้พิจารณามาอย่างดีแล้ว เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของจิ้งอ๋อง หยุนชางรู้สึกว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน จึงไม่เคยได้พูดถึงมันเลย แต่ไม่คาดคิดว่าจิ้งอ๋องจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
คราวนี้ถึงคราวที่หยุนชางเงียบแล้ว จิ้งอ๋องยิ้มอย่างเย็นชา เขายืนขึ้นและเดินออกไปนอกประตู
หยุนชางถอนหายใจเบา ๆ และพึมพำ "ข้าแค่รู้สึกว่า เจ้าอยู่ตัวคนเดียวมันเหงาเกินไป…"
จิ้งอ๋องหยุดเดินแต่เขาไม่ได้หันกลับมา เขาแค่ยิ้มพร้อมหัวเราะอย่างประชดประชัน " นี่ข้ากำลังจะอภิเษกสมรสอยู่แล้วมิใช่หรือ"
มือของหยุนชางชะงักเล็กน้อย มองดูจิ้งอ๋องเดินออกจากห้องชั้นในไป นางจึงยิ้มอย่างขมขื่น ก้มหน้าแล้วพลิกอ่านหนังสือ จิ้งอ๋องพูดถูก นางไม่ต้องการให้จิ้งอ๋องกลับไปหาบรรพบุรุษ ไปเป็นองค์ชายแคว้นเซี่ย หากว่าส่วนลึกในใจของนางคิดเช่นนี้ ฉะนั้นสิ่งที่กล่าวไปเมื่อสักครู่นั้นก็ไม่มีประโยชน์เสียจริง
เนื่องจากหยุนชางสลบไปนาน เรื่องอภิเษกสมรสนั้นจิ้งอ๋องจึงตัดสินใจเองทั้งหมด ในพระราชวังนั้นฮองเฮาเป็นคนจัดการ ทุกอย่างก็ราบรื่นดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง