หยุนชางขมวดคิ้ว จากนั้นก็เห็นเถ้าแก่ร้านวิ่งตามหลังมา แล้วโค้งคำนับหยุนชางและจิ้งอ๋องพร้อมกล่าว "ขอประทานโทษขอรับ มันเป็นความประมาทของทางร้านเองขอรับ ขอประทานโทษที่รบกวนแขกผู้มีเกียรติทั้งสองขอรับ ข้าน้อยจะจัดการประเดี๋ยวนี้ขอรับ"
"ยังไม่เร่งมืออีกหรือ อย่าได้รบกวนข้าและฮูเหรินเด็ดขาด" จิ้งอ๋องไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น เขาเพียงแต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขานิ้วมือเล็กน้อยและเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ
หยุนชางจ้องมองไปที่มือของจิ้งอ๋องแล้วก็ผงะ นิสัยของจิ้งอ๋องนี้ค่อนข้างคล้ายกับตน เมื่อตนครุ่นคิดอย่างมีสมาธิ หรือเมื่อรู้หงุดหงิดเล็กน้อย ตนมักจะเคาะไปที่โต๊ะโดยไม่รู้ตัว
เมื่อหลิ่วหยินเฟิงเห็นว่าหยุนชางไม่มองตนเลย สีหน้าของเขาก็แย่ลงอย่างมาก และเมื่อมองไปที่ผมที่มวยอยู่ด้านหลัง (เป็นทรงผมสำหรับผู้หญิงที่ออกเรือนแล้ว) ของหยุนชาง เขาก็โกรธเคืองมากกว่าเดิม จึงเงยหน้ากล่าวต่อจิ้งอ๋องว่า " เจ้าเป็นสามีประสาอะไร? ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะปล่อยให้ภรรยาของตนไปในสถานที่ที่กองทัพทั้งสองกำลังทำสงครามอยู่ เพื่อเก็บยาสมุนไพรให้คนเฒ่าในบ้าน อีกทั้งยังถูกศัตรูจับตัวไปอีก…"
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ เขาก็เห็นจิ้งอ๋องเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที หลิ่วหยินเฟิงรู้สึกมั่นใจในตัวเองมาเสมอ แม้จะอยู่ต่อหน้ากองทัพใหญ่พันหมื่นคน เขาก็ไม่สามารถสงบนิ่งได้ แต่ไม่คาดคิดว่า สายตาของชายที่อยู่ตรงหน้านั้น ทำให้เขารู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว และเย็นชาจนรู้สึกราวกับว่าตนตกลงไปอยู่ในห้องใต้ดินน้ำแข็ง ทันใดนั้นเขาก็ลืมสิ่งที่ตนต้องการจะพูดไป
"เถ้าแก่ โปรดเชิญชายหนุ่มคนนี้ออกไป" เสียงของหยุนชางเย็นชาเล็กน้อย จนทำให้หลิ่วหยินเฟิงอดที่จะหันมามองมิได้ เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันหลังแล้วค่อยๆ เดินออกไป
"เหตุใดเขาจึงจำได้?" หยุนชางขมวดคิ้ว
แววตาของจิ้งอ๋องจ้องมองไปที่หยุนชาง เขาถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม กลัวว่าผู้หญิงตรงหน้าคงจะไม่ทราบว่า แม้ว่านางสวมเสื้อผ้าผู้ชายแล้วจะเหมือนผู้ชายอย่างมากแล้ว แต่นิสัยหลายอย่างนั้นแค่เสื้อผ้าไม่สามารถปกปิดได้หรอก ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ในโลกนี้มีคนไม่มากนักที่มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเช่นนี้ นับประสาอะไรกับคนสองคนที่เกือบจะเหมือนกันทุกประการ
เนื่องจากหลิ่วหยินเฟิงมารบกวนเช่นนี้ หยุนชางจึงไม่มีอารมณ์ที่จะกินอาหารต่อ ทั้งสองกินไปเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็กลับไปที่จวนท่านอ๋อง
องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเซี่ยมาถึงแล้ว หนิงหัวจิ้งก็มาถึงแล้ว และหลิ่วหยินเฟิงก็มาด้วยเช่นกัน เกรงว่าเมืองหลวงนี้คงจะคึกคักขึ้นเรื่อยๆ มีเหล่าขุนนางมาเข้าพบที่จวนท่านอ๋องอยู่บ้าง หยุนชางครุ่นคิด แม้ว่าตัวตนของท่านอ๋องนั้นยังไม่ถูกเปิดเผย แต่เสด็จพ่อนั้นยังคงคิดมากอยู่ในใจ พระองค์แทบจะให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวในจวนท่านอ๋องอยู่ตลอดเวลา หากว่าเชิญเหล่าขุนนางเหล่านี้เข้ามาในจวนท่านอ๋อง คงจะทำให้เกิดเรื่องอย่างแน่นอน ฉะนั้นก็ใช้เหตุผลว่าท่านอ๋องยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บ จึงไม่เหมาะสมที่จะพบแขก เป็นข้ออ้างในการปิดจวนท่านอ๋องไว้ ไม่พบใครทั้งสิ้นเสียดีกว่า
แต่ทว่า งานเลี้ยงในวังนั้นจำเป็นต้องไปเข้าร่วม และด้วยพระราชพิธีการแต่งตั้งฮองเฮากำลังจะจัดขึ้นแล้ว จักรพรรดิหนิงจึงได้จัดงานเลี้ยงในพระราชวังขึ้นมา โดยกล่าวว่าเป็นการต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ
จักรพรรดิเซี่ยมาถึงเมืองหลวงเป็นเวลาสามวันแล้ว หยุนชางทราบข่าวนี้ตั้งแต่วันที่เขาเข้ามาในเมืองหลวง เพียงแต่สามวันที่ผ่านมานี้ จักรพรรดิแห่งแคว้นเซี่ยอยู่แต่ในหออาศัย แทบจะมิได้ออกไปไหนเลย ซึ่งทำให้หยุนชางแปลกใจเป็นอย่างมาก นางคิดว่าจักรพรรดิแห่งแคว้นเซี่ยคงจะไม่รอช้าที่จะมาจวนท่านอ๋อง เพื่อตรวจสอบว่าจิ้งอ๋องนั้นเป็นบุตรชายของเขาหรือไม่ แต่เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว ความอดทนของเขายอดเยี่ยมมากจริงๆ
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่ตำหนักจินหลวน หยุนชางและจิ้งอ๋องเดินทางไปถึงพระราชวังก่อนเวลา พวกเขาทั้งสองจึงไปที่วังจิ่นซิ่วเพื่อเยี่ยมเยือนจิ่นกุ้ยเฟยและองค์ชายน้อยเฉินซี แต่ไม่คาดคิดว่าฉินเมิ่งก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหยุนชางเข้ามาพร้อมจิ้งอ๋อง นางจึงเตรียมน้ำชามาถวาย ราวกับเป็นนางกำนัลของวังจิ่นซิ่ว
หยุนชางรู้สึกขบขัน ดูเหมือนว่านางจะลงมือกับตนมิได้ จึงมาเอาใจที่วังจิ่นซิ่วแล้ว หยุนชางครุ่นคิดแล้วหันไปมองเจิ้งมามาพร้อมกล่าวว่า "มามาเจ้าคะ นางกำนัลในวังจิ่นซิ่วไม่พอหรือ? ประเดี๋ยวข้าจะไปทูลเสด็จพ่อก็แล้วกัน ให้เสด็จพ่อส่งนางกำนัลมาเพิ่ม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมิ่งเจี๋ยยวี๋ก็เป็นนางสนมของเสด็จพ่อ งานแรงงานเช่นนี้ อย่าได้รบกวนเมิ่งเจี๋ยยวี๋จะดีกว่า หากมีคนอื่นมาพบเข้าจะไม่ดียิ่งนัก อาจจะคิดว่าเสด็จแม่นั้นสั่งนางสนมตามอำเภอใจโดยใช้อำนาจที่ตนนั้นเป็นกุ้ยเฟยหรอก"
สีหน้าของฉินเมิ่งขาวซีดเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางจึงรีบกล่าวว่า " หม่อมฉันต้องการทำเช่นนี้เองเพคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้อกับกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเพคะ"
แต่หยุนชางกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน และยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนและกว่าวต่อเจิ้งมามาว่า "เหล่านางกำนัลและขันทีที่ปากพล่อยในพระราชวังนี้มีไม่น้อย หากว่าเสด็จพ่อทราบเรื่องนี้ เช่นนนั้นคงจะไม่ดีอย่างมาก"
เจิ้งมามามิได้ตอบกลับ แต่จิ่นกุ้ยเฟยที่นั่งอุ้มเฉินซีพร้อมกล่อมเบา ๆ เอ่ยปากขึ้นมาว่า " พระชายาพูดถูก แต่ในวังข้านั้นมิได้ขาดแคลนนางกำนัลแต่อย่างใด ต่อไปนี้ระวังอย่างให้เมิ่งเจี๋ยยวี๋ลงมือทำเองอีกแล้วกัน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง