คนที่พูดนั้นคือจิ้งอ๋อง
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนี้ ก็พยักหน้า "วิธีการของพระอนุชานั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก ชางเอ๋อร์ เจ้าก็วาดภาพมาอีกหนึ่งภาพต่อหน้าเหล่าขุนนางแล้วกันนะ"
หยุนชางคร่ำครวญสักครู่ ยังไม่ทันได้ตอบ ก็ได้ยินเสียงของหลี่ลั่วอีกครั้ง "หรือว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วทรงกลัวที่จะวาดภาพ? ของปลอมก็ยังเป็นของปลอม ไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก องค์หญิงคิดว่าอย่างไรขอรับ?"
หยุนชางยิ้มออกมาเล็กน้อย นางไม่ได้ตอบ เพียงแต่เงยหน้าขึ้นและมองไปที่จักรพรรดิหนิง "เสด็จพ่อเพคะ ผู้ที่บริสุทธิ์ย่อมรู้ตนเอง แต่ทว่ามักจะมีผู้คนที่ต้องการสร้างความวุ่นวาย หากเป็นเช่นนั้นชางเอ๋อร์ก็อยากจะเดิมพันกับพวกเขาเพคะ หากว่าอยากเล่นจริงๆ ก็เล่นอะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านี้ ถ้าหากชางเอ๋อร์สามารถวาดภาพนั้นออกมาได้ คุณชายท่านนี้จะต้องทำอะไรบางอย่างให้ชางเอ๋อร์ หากว่าช่างเอ๋อร์แพ้ เช่นนั้นชางเอ๋อร์จะทำอะไรบางอย่างเพื่อคุณชายผู้นี้ ไม่คืนคำอย่างแน่นอนเพคะ คุณชายคิดว่าอย่างไรเพคะ?"
หลี่ลั่วยิ้มเยาะเย้ย "ตกลงขอรับ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเจ้านั้นสามารถวาดภาพฝีมือเช่นนี้ออกมาได้"
ทันทีที่หลี่ลั่วพูดจบ ก็มีเสียงดังขึ้น "พวกเรายินดีที่จะเดิมพันกับองค์หญิงขอรับ และเราขอพนันว่าหลี่ลั่วจะชนะ"
หยุนชางพยักหน้า และสั่งหัวหน้าเจิ้งว่า " รบกวนท่านหัวหน้าช่วยข้าจนบันทึกไว้ด้วยเพคะ"
และก็มีผู้คนอีกมากมายเข้าร่วมการเดิมพันครั้งนี้ด้วย แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นทีมของหลี่ลั่ว เมื่อหัวหน้าเจิ้งลงบันทึกได้ระยะหนึ่งแล้ว ก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นอีกครั้ง " ข้าเองก็ร่วมด้วยแล้วกัน ข้าพนันว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วชนะ"
การเข้าร่วมของจิ้งอ๋องทำให้สถานการณ์นั้นดุเดือดขึ้นมาทันที หลังจากที่หัวหน้าเจิ้งจนบันทึกเรียบร้อยแล้ว หยุชางก็รับกระดาษจากหัวหน้าเจิ้งและส่งให้จักรพรรดิหนิง กล่าวว่า "หม่อมฉันขอให้เสด็จพ่อทรงเป็นพยานแก่ชางเอ๋อร์ด้วยเพคะ"
"ได้" จักรพรรดิหนิงเห็นด้วยทันที เขากลับไปนั่งที่เก้าอี้มังกรของตน " นำหมึก หินบดหมึก พู่กัน และกระดาษ มาให้องค์หญิง"
มีนางกำนัลนำหมึก หินบดหมึก พู่กัน และกระดาษขึ้นมา หยุนชางหยิบพู่กันขึ้นมาและยิ้ม "ดอกบัวข้าเคยวาดแล้ว นอกจากดอกบัวแล้ว ชางเอ๋อร์ยังชอบดอกไอริสอีกด้วย นั่นเป็นดอกไม้ในตำนานที่บานบนหน้าผ่าข้างแม่น้ำ วันนี้ก็วาดดอกไอริสแล้วกัน "
หลังจากพูดจบ นางก็เริ่มลงมือ แววตาของทุกคนจับจ้องไปที่มือของหยุนชาง นางลงมือวาดภาพอย่างแน่วแน่เฉียบขาด โดยไม่มีการลังเลใดๆ แทบไม่ต้องคิดใด ๆ เลย ราวกับว่ารูปร่างของดอกไอริสนั้นได้พิมพ์ลงในสมองของนางแล้ว ราวกับว่าวาดมานับครั้งไม่ถ้วน หยิบจับมันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เวลาผ่านไปไม่นาน หยุนชางก็วางพู่กันลง และมีนางกำนัลเข้ามานำภาพที่หยุนชางวาดแสดงให้ทุกคนได้เห็น
บนใบหน้าของจักรพรรดิหนิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ขุนนางหนวดขาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าผู้คนอย่างเงียบๆ มาตลอดก็เอ่ยปากว่า " ไท่ฟู่ เจ้าเป็นผู้ที่มีความรู้มากที่สุดในพระราชวังนี้ และเจ้ายังช่ำชองเรื่อง ขิม หมากรุก การเขียน และการวาดภาพอีกด้วย เจ้าลองมาพิสูจน์ว่าภาพวาดดอกบัวชิ้นก่อนกับภาพดอกไอริสนี้เป็นภาพที่วาดจากคนคนเดียวกันหรือไม่ "
ไทฟู่ตอบอย่างรวดเร็ว " หม่อมรับทราบขอรับ" หลังจากพูดจบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและเปรียบเทียบอย่างละเอียด
เวลาผ่านไปอยู่นาน เขาจึงหันไปกล่าวต่อจักรพรรดิหนิงว่า " ทูลฝ่าบาทพะยะค่ะ แม้ว่าภาพดอกไอริสนี้จะวาดออกมาอย่างเร่งรีบ และรายละเอียดของจังหวะการลงแปรงนั้นจัดการได้ไม่ดีนัก แต่รูปแบบนั้นเป็นเหมือนกับภาพดอกบัวชิ้นนี้พะยะค่ะ อีกทั้ง ทั้งสองภาพวาดนี้มีจุดเด่นที่เหมือนกัน นั่นก็คือการลงพู่กันอย่างหนัก และเก็บปลายพู่กันได้อย่างธรรมชาติ เป็นผลงานจากคนคนเดียวกันพะยะค่ะ"
"เป็นไปได้อย่างไร? " สีหน้าของหลี่ลั่วดูแย่ลง เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปที่ภาพวาดทั้งสองและมองดูอยู่นาน ก่อนจะขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่เต็มใจว่า "ข้าแพ้แล้ว" เมื่อพูดจบ เขาก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง