เมื่อนางรอได้ประมาณหนึ่งชั่วยามจึงได้ยินเสียงแส้สามครั้งดังมาจากทางตำหนักจินหลวน
ขันทีเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว "ฝ่าบาทว่าราชการเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
เป็นไปดังคาด เพียงชั่วครู่จักรพรรดิหนิงก็เดินเข้ามา หยุนชางเพิ่งจะลุกขึ้นยืนก็ได้ยินว่า "ไม่ต้องทำความเคารพหรอก เจิ้นได้ยินว่าเจ้ามารอนานแล้ว? มีเรื่องอะไรหรือ?"
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองเหล่าข้ารับใช้ในตำหนักที่ยืนห่างออกไปอยู่หลายก้าวแล้วเงียบลง จักรพรรดิหนิงกวาดตามองไปรอบตำหนักแล้วจึงโบกมือ "พวกเจ้าออกไปเถอะ"
เหล่าข้ารับใช้ในวังต่างก็ทำความเคารพแล้วถอยออกไป
เมื่อหยุนชางเห็นว่าขันทีเจิ้งปิดประตูแล้วจึงหยิบกระดาษสองม้วนออกมาจากแขนเสื้อยื่นส่งให้จักรพรรดิหนิง จักรพรรดิหนิงรับมันมาอย่างประหลาดใจ เขาดูอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า "คำสารภาพของนักเลียนเสียงเจิ้นอ่านเข้าใจแล้ว ที่หอยวี่หมั่นวันนั้นเป็นเขาที่เลียนเสียงของจิ้งอ๋อง?"
หยุนชางพยักหน้า จักรพรรดิหนิงจึงได้รับกระดาษอีกแผ่นมาดู "นี่... เป็นภาพป้ายหยกที่เจิ้นมอบให้แก่จิ้งอ๋อง? เจ้านำมาทำไมหรือ?"
"นี่เป็นสิ่งที่ได้มาจากตัวหลี่เชียน เมื่อวานหลี่เชียนถูกคนสังหารไปแล้วเพคะ" หยุนชางตอบอย่างราบเรียบ
"หลี่เชียน? ผู้ที่มีฉายาว่าสุดยอดจอมปลอมแปลงในใต้หล้านี้น่ะหรือ?" จักรพรรดิหนิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เอ่ยว่า "เจ้าจะบอกว่าป้ายหยกในมือของชางเจียคังหนิงนั้นเป็นของปลอมงั้นหรือ?"
หยุนชางพยักหน้า "หม่อมฉันเข้าวังมาด้วยเรื่องนี้เพคะ หม่อมฉันเห็นว่าในภาพนั้นมีสัญลักษณ์ที่หลี่เชียนทำไว้ ดังนั้นจึงอยากขอป้ายหยกอันนั้นมาดูสักหน่อยว่าเป็นของจริงหรือของปลอมกันแน่"
จักรพรรดิหนิงมองดูภาพนั้นอยู่นานแล้วจึงขมวดคิ้ว "มีสัญลักษณ์ที่หลี่เชียนชอบใช้จริงๆ ด้วย" เขาพูดพลางหันไปหยิบป้ายหยกสีขาวมาจากด้านข้างแล้วมองมันอยู่ครู่ใหญ่ด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น ผ่านไปสักพักก็ลูบตรงที่เป็นตัวอักษรหลี่ (李) ในรูปภาพนั้นแล้วจึงเอ่ยว่า "เป็นของปลอมจริงๆ เดิมป้ายหยกเป็นสีขาว สัญลักษณ์นั้นถูกซ่อนไว้อย่างแยบยล มองอย่างไรก็มองไม่เห็น เพียงแต่เมื่อลูบที่ยังตรงนั้นแล้วถึงจะรู้สึกได้" เขาเอ่ยพลางยื่นป้ายหยกให้หยุนชาง
หยุนชางรับมันมาและลูบไปตรงนั้น มีรอยนูนเล็กๆ เป็นรูปอักษรหลี่ (李) อยู่จริงๆ หยุนชางชะงักไป มือของนางลูบไปมาอยู่ตรงอักษรนั้นโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอยู่ครู่ใหญ่
จักรพรรดิหนิงมองสีหน้าท่าทางของนางก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยว่า "เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จิ้งอ๋องย่อมไม่ใช่ผู้ร้าย แล้วเช่นนั้นคนร้ายตัวจริงคือใคร" เขาหยุดเว้นวรรค "หลังจากที่ชางเจียคังหนิงตาย ทูตจากแคว้นเย้หลางก็มาหาเรื่องอยู่หลายครั้ง แต่จิ้งอ๋องก็ไม่เคยปรากฏตัวเลย พวกเขาไม่มีทางอื่นจึงได้แต่เขียนจดหมายส่งกลับไปที่แคว้น ได้ยินมาว่าจักรพรรดิแห่งแคว้นเย้หลางรู้เรื่องนี้แล้วโกรธมากและกำลังมุ่งหน้ามาที่เมืองหลวง"
หยุนชางพยักหน้า "ในเมื่อพวกเราหาตัวหลี่เชียนและนักเลียนเสียงพบแล้ว ผู้ร้ายตัวจริงก็คงหนีไม่พ้น แม้เรื่องนี้ชางเอ๋อร์ไม่ควรเข้าไปแทรกแซง แต่นี่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับจิ้งอ๋อง ชางเอ๋อร์หวังว่าจะได้เป็นผู้สืบหาตัวคนร้ายด้วยตนเองเพคะ เดิมทีคนร้ายไม่ได้คิดจะฆ่านักเลียนเสียงเพราะรู้สึกว่าเขายังมีประโยชน์ แต่จู่ๆ กลับเปลี่ยนความคิด เกรงว่าคงจะกลัวว่าเขาจะปากพล่อยเอ่ยอะไรออกมา ผู้ที่เสด็จพ่อสั่งการลงไปล้วนแต่เป็นขุนนาง ยามพวกเขาสืบคดีก็มักจะทำอย่างเอิกเกริก ชางเอ๋อร์เกรงว่านั่นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง