"หาเจิ้นทำไมหรือ?" จักรพรรดิหนิงค่อย ๆ เอ่ยปาก เสียงของเขาทุ้มต่ำ ทำให้ผู้หญิงคนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัว จากนั้นนางก็เงียบลงทันที ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามามองจักรพรรดิหนิง แล้วชะงักอยู่นาน จากนั้นสีหน้าก็ตะลึงอย่างมาก "ฝ่าบาทเพคะ ฝ่าบาทโปรดช่วยองค์หญิงหัวจิ้งด้วยเถิดเพคะ องค์ชายสามจะสังหารท่าน จะสังหารองค์หญิงเพื่อปิดปากเพคะ........."
เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง และพูดอย่างเย็นชาว่า "เหตุใดองค์ชายสามจึงต้องสังหารหัวจิ้งเพื่อปิดปากหรือ?"
สาวใช้เงียบในทันที นางกัดริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของนางดูเปียกไปด้วยน้ำตาเล็กน้อย และผ่านไปนานนางจึงเอ่ยปากว่า "หม่อมฉันคือชิงเหมย สาวใช้ในจวนองค์หญิงของแคว้นหนิงเพคะ หม่อมฉันเคยติดตามองค์หญิงหัวจิ้งเข้าวัง ฝ่าบาทก็คงได้พบหม่อมฉันอยู่บ้างเพคะ ช่วงก่อนหน้านี้หลังจากที่องค์หญิงหัวจิ้งเสด็จกลับมายังเมืองหลวงแล้ว องค์หญิงก็บอกว่าเหล่านางกำนัลที่แคว้นเย้หลางนั้นปรนนิบัติท่านได้ไม่ดี จึงได้ตามตัวหม่อมฉันไปเพคะ อันที่จริงแล้วองค์หญิงหัวจิ้งมาถึงที่เมืองหลวงนานแล้ว และอาศัยอยู่ในหอเฉี่ยนสุ่ย องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเซี่ยนั้นรักใคร่องค์หญิงอย่างมาก แต่องค์หญิงกลับดูเศร้าเล็กน้อย หม่อมฉันพบว่า บางครั้งจะมีคนมาหาองค์หญิงช่วงเวลากลางดึก เพื่อพูดคุยกับองค์หญิง หม่อมฉันอาศัยอยู่ห้องข้างๆเลย องค์หญิงคิดว่าหม่อมฉันหลับไปแล้ว แต่อันที่จริงหม่อมฉันได้ยินทุกอย่างเพคะ"
ชิงเหมยกัดริมฝีปากของตนแล้วพูดต่อ "คนที่มาหาองค์หญิงบอกว่า ให้องค์หญิงเร่งลงมือได้แล้ว และยังพูดอีกว่าองค์ชายสามรอไม่ไหวแล้ว หม่อมฉันไม่ทราบความจริงที่แน่ชัด ฉะนั้นจึงแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้อะไรเลย"
"ต่อมา ไม่ถึงสองวัน องค์หญิงก็พาหม่อมฉันไปที่วิหารแคว้นหนิงเพคะ อันที่จริงตอนที่อยู่ในวิหารแคว้นหนิงนั้นมิได้ทำกระไร แต่เมื่อกลับมาที่เมืองหลวงกลับมีพระภิกษุสงฆ์เพิ่มมาสองรูป" ชิงเหมยหยุดสักพักและกล่าวว่า "ต่อมาก็เกิดเรื่องในงานเลี้ยงขึ้น และองค์หญิงก็ถูกขังตัวไว้ในคุกหลวง แต่หม่อมฉันกลับถูกลักพาตัวไปเพคะ หลังจากที่หม่อมฉันถูกลักพาตัวไป หม่อมฉันก็พบว่า คนที่ลักพาตัวหม่อมฉันคือมหาเสนาบดีหลี่เพคะ หม่อมฉันไม่คาดคิดว่าจะพบองค์หญิงหัวจิ้งอยู่กับมหาเสนาบดีหลี่ มหาเสนาบดีหลี่เพียงแค่สั่งให้หม่อมฉันดูแลองค์หญิงหัวจิ้งให้ดีก็เท่านั้น ฉะนั้นหม่อมฉันจึงอยู่กับองค์หญิงตลอดเวลา ต่อมาลานบ้านที่เราอาศัยอยู่ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ หม่อมฉันหนีไปกับองค์หญิง และพบว่ามหาเสนาบดีหลี่และคุณชายวัยหนุ่มที่อยู่กับท่านถูกล้อมด้วยชายชุดดำจำนวนมากเพคะ หม่อมฉันหวาดกลัวอย่างมาก จึงรีบดึงองค์หญิงหัวจิ้งแล้ววิ่งหนีไป และเมื่อวิ่งไปครึ่งทางก็พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งถือดาบไว้ พวกเขาดูไม่เหมือนคนแคว้นหนิงเท่าไหร่ องค์หญิงหัวจิ้งบอกว่าพวกเรารอดแล้ว และพวกคนที่ถือดาบไว้ที่พาตัวหม่อมฉันและองค์หญิงไปเพคะ"
เมื่อชิงเหมยพูดตรงนี้ ร่างกายของนางก็สั่นขึ้นมา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อว่า "องค์หญิงและหม่อมฉันต่างก็คิดว่าเรารอดแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่า เมื่อเราไปถึงลานบ้านแห่งหนึ่ง คนเหล่านั้นก็จับตัวองค์หญิงและทำการสอบถามโดยใช้การลงโทษอย่างทรมานต่างๆ เพื่อบีบบังคับให้องค์หญิงตอบ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังถามองค์หญิงว่า จดหมายสัญญาอยู่ที่ใด? หลังจากที่องค์หญิงถูกทรมานอย่างหนัก ท่านจึงบอกเบาะแสของจดหมายสัญญานั่นไป แต่พวกเขากลับไม่ยอมปล่อยองค์หญิงไป แลใช่ท่อนไม้ทุบตีองค์หญิง จนทำให้องค์หญิงแท้งลูกเพคะ และเฆี่ยนตีพร้อมๆ กับด่าทอว่า คิดอยากจะมีบุตรกับองค์ชายสาม คิดว่าเหมาะสมหรือ?"
ชิงเหมยตัวสั่นอย่างรุนแรง น้ำตาของนางไหลออกมาไม่หยุด เสียงของนางชะงักเล็กน้อย " พวกเขาทำให้องค์หญิงแท้งลูก จากนั้นก็เอาดาบมากรีดที่คอขององค์หญิงเพคะ หม่อมฉันหวาดกลัวอย่างมาก คนเหล่านั้นข่มขืนหม่อมฉัน และขังหม่อมฉันไว้กับองค์หญิง หม่อมฉันฉวยโอกาสที่พวกเขาหลับอยู่ แล้วหนีออกมาพร้อมองค์หญิงเพคะ เพียงแต่ว่าหม่อมฉันคิดว่าคงไม่สามารถเข้าพระราชวังได้ และนึกได้ว่าผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่นั้นเป็นคนรับผิดชอบคดีเหล่านี้ และครั้งที่แล้วองค์หญิงก็ถูกผู้พิพากษาขังตัวอยู่ในคุกหลวง ฉะนั้นจึงพาองค์หญิงมาที่นี่ แต่ร่างกายของหม่อมฉันนั้นอ่อนแออย่างมาก เมื่อมาถึงหน้าประตูจวนก็สลบไปในทันทีเพคะ......."
หลังจากนั้นไม่นาน ชิงเหมยก็ระงับอารมณ์ของตัวเองไว้และหันไปหาจักรพรรดิหนิงจากนั้นก็กราบอยู่หลายครั้ง " หม่อมฉันขอร้องให้ฝ่าบาททรงเรียกร้องความเป็นธรรมให้องค์หญิงและหม่อมฉันด้วยเพคะ"
จักรพรรดิหนิงเงียบอยู่นาน แล้วจึงหันหน้าไปบอกกับผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ว่า " เจ้าส่งคนไปที่จวนจิ้งอ๋องแล้วเชิญองค์หญิงหยุนชางมา"
ผู้พิพากษาตะลึงไปครู่หนึ่ง และไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงต้องไปเชิญองค์หญิงหัวจิ้ง เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบว่า "พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันรับคำสั่ง" หลังจากพูดจบเขาก็เดินไปด้านข้างและสั่งผู้ติดตาม
ผู้ติดตามได้ไปตามตัวหยุนชาง จักรพรรดิหนิงนั่งอยู่เงียบ ๆ มือของเขาเคาะไปที่เก้าอี้เบาๆ ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่เหลือบไปมองศพขององค์หญิงหัวจิ้ง จากนั้นก็มองไปที่สาวใช้ที่ทรุดตัวลงนอนร้องไห้กับพื้นจนแทบเป็นลม จากนั้นก็ขมวดคิ้ว แต่ก็มิได้เอ่ยปากกล่าวอะไร
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง หยุนชางก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาจากด้านนอก ฝีก้าวของนางดูสงบ และหลังจากที่เดินเข้ามา นางก็เดินไปถวายบังคมตรงหน้าจักรพรรดิหนิงและพูดว่า "ตอนนี้เสด็จพ่อควรอยู่ระหว่างประชุมราชการกับเหล่าขุนนางมิใช่หรือเพคะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง