แต่หลิ่วหยินเฟิงกลับมองหลิ่วจิ้นอย่างไม่แยแส และกล่าวเบา ๆ ว่า " ท่านควรคิดดีๆ เรื่องนี้คงจะไม่ทำให้ท่านนั้นรู้สึกโกรธเคืองใช่หรือไม่ ท่านนั้นได้วางแผนมานานหลายปี กว่าจะได้ชื่อเสียงดีๆในแคว้นเซี่ยนี้มา หากเขาทราบว่าฮวานเชิงได้สร้างปัญหาใหญ่เช่นนี้ขึ้นมา ก็คงยากที่จะไม่โกรธเคือง"
หลิ่วจิ้นตัวสั่น แต่ก็กล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ "ตอนนี้เขาโตขึ้นแล้ว ปีกกล้าขาแข็ง เมื่อก่อนเขาจะยังฟังข้าอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ตอนนี้คำพูดของข้านั้นเป็นเหมือนลมปาก ช่างเถอะ ข้าเองก็เกียจคร้านที่จะสนใจเขาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นหลานชายเพียงคนเดียวของข้า อีกทั้งความเฉลียวฉลาดของเขาเหมือนกับแม่ของเขาไม่มีผิด ข้าหวังว่าเขาจะดีขึ้นบ้างหลังจากที่ผ่านความลำบากที่แคว้นหนิงมา เช่นนี้ก็ไม่เสียแรงที่ข้าไปขอร้องฝ่าบาทให้ไว้ชีวิตเขา เรื่องสังหารพี่น้องเขาทำออกมาได้อย่างไร หากมิใช่เพราะว่าฝ่าบาท.....เกรงว่าเขาคง....."
หลิ่วจิ้นถอนหายใจ "แม้ว่าเราจะสามารถควบคุมอำนาจในพระราชวังได้ทันที เมื่อรุ่นอ๋องกลับมา แต่หลังจากการรบของชาวหย่าแล้ว เกรงว่าหลายๆเรื่องคงจะมีการเปลี่ยนแปลง"
เปลือกตาของหลิ่วหยินเฟิงสั่นอย่างแรงเมื่อได้ยินคำว่าชาวหย่า สุดท้ายเขาก็มิได้เอ่ยปากกล่าวอะไร
หลิ่วจิ้นกล่าวต่ออีกว่า "ข้าไม่ทราบเช่นกันว่าแผนของท่านนั้นไปถึงไหนแล้ว บรรพบุรุษของนางเป็นคนชาวหย่า ด้วยเหตุที่นางได้มีอำนาจกลายเป็นพระราชินี เช่นนี้พ่อและแม่ของนางจึงถือว่ามีความสำคัญต่อชาวหย่าอย่างมาก หากพวกเขาลงมือก็คงง่ายอย่างมาก หวังว่ารุ่ยอ๋องจะไม่มีโอกาสได้กลับจากถิ่นชาวหย่า เช่นนั้นทุกๆอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ไม่สิ องค์รัชทายาทไม่อยู่แล้ว ทุกๆอย่างก็จะดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก"
หลิ่วหยินเฟิงเงียบตลอด แต่ความคิดของเขาล่องลอยไปไกลแล้ว
เมื่อหลิ่วจิ้นเห็นเช่นนี้ เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง และใช้ไม้เท้าเคาะผนังรถม้าดังตึกตึกตึก แล้วกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ว่า " หากว่ามีเจ้าคอยช่วยเสี่ยวชีก็ดียิ่งกว่าเดิม แต่เจ้ากลับ......."
หลิ่วหยินเฟิงเรียกสติตัวเองกลับมา แล้วก้มหน้าลง เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับคำถามเดิมๆเหล่านี้ " นี่เป็นคำสั่งของฝ่าบาท จัดการของฝ่าบาท ท่านพ่ออย่าลืมนะขอรับ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อ๋องเจ็ดจะได้เป็นจักรพรรดิหรือไม่นั้น ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่าบาท"
เมื่อหลิ่วจิ้นได้ยินเช่นนี้ เขาจึงทำเสียงไม่พอใจออกมา แล้วเอนกายพิงผนังรถม้า และมิได้กล่าวกระไร
"ไม่ทราบว่าท่านพ่อจะจัดการอย่างไรกับเรื่องฮูเหรินน้อยขอรับ?" หลิ่วหยินเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง แต่หลังจากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา
"จัดการ?" หลิ่วจิ้นกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ "ข้าสามารถจัดการอะไรได้บ้างหรือ? ในเมื่อมอบเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของกรมอาญาแล้ว เช่นนั้นก็ให้คนของกรมอาญาไปปวดหัวกับมันแล้วกัน ข้าจะไปทรมานตัวเองทำไมกัน รองเจ้ากรมอาญาคนใหม่ชื่ออะไรหรือ? หลี่เฉี่ยนโม่หรือ? ข้าได้ยินมาว่าตัวตนของหมอนั่นแปลกๆ ได้ข่าวว่าเป็นเพราะเขาเคยช่วยองค์ชายสิบเอ็ดเอาไว้ เสิ่นซูเฟยจึงพบว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถ ฉะนั้นจึงได้แนะนำให้ฝ่าบาท หลังจากที่ฝ่าบาททรงพบเขามาหลายครั้งก็ได้ชื่นชมเขาอย่างมาก ก่อนหน้านี้ข้าก็สังเกตเป็นพิเศษ พบชายคนนั้นเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ และเขาก็จัดการเรื่องต่างๆได้โฉบเฉี่ยวและรอบคอบ ตอนนี้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี เขาก็ได้ไต่ขึ้นตำแหน่งรองเจ้ากรมอาญาแล้ว ตั้งแต่ข้าเป็นขุนนางมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีการเลื่อนขั้นเร็วเช่นนี้"
หลิ่วหยินเฟิงพยักหน้า " ก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงสงสัยตัวตนของคนนั้น จึงได้ส่งคนจำนวนมากไปตรวจสอบโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่พบความพิเศษใดๆ เขาเป็นเพียงบุตรชายของครอบครัวที่ร่ำรวยเมืองหลินฉี อีกทั้งเป็นศิษย์ลับของฤๅษีหลิ่วหยุนฉี ข้าได้ไปเยี่ยมหลิวหยุนฉีเป็นการส่วนตัวและทราบมาว่าคนคนนั้นเป็นศิษย์ของท่านจริงๆ ได้ฝึกฝนวิชากับท่านมาเป็นเวลาหกปี ก่อนหน้านี้เขาได้อาศัยอยู่ในป่าลับกับหลิ่วหยุนฉี เขาเพิ่งถูกหลิ่วหยุนฉีส่งตัวออกมาฝึกฝนเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว"
หลิ่วจิ้นขมวดคิ้ว "เช่นนี้เขาก็เป็นคนมีความสามารถอย่างมาก เหตุใดเราจึงไม่พบเขาก่อน มิน่าปล่อยให้เสิ่นซู่เฟยได้ของดีเช่นนี้ ต่อไปองค์ชายสิบเอ็ดจะมีที่ปรึกษาอีกคนที่ต้องระวังให้ดี"
หลังจากพูดคุยเรื่องต่างๆกันเป็นเวลานาน หลิ่วจิ้นก็นึกถึงเจ้าเด็กไม่เอาไหนของตระกูลตัวเองขึ้นมา เขากัดฟันและกล่าวว่า "หลิ่วฮวานเชิงไอ้สารเลวนี่ ครั้งนี้เขาทำตัวเหลวไหลอย่างมาก กลับจวนไปข้าจะสั่งสอนมันให้ดี ให้มันไม่สามารถออกนอกจวนได้สักครึ่งปี"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง