ลั่วชิงเหยียนส่ายหัวเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า "หวังจิ้นฮวนไม่ได้รับมือง่ายอย่างที่เจ้าคิด วิชาตัวเบาของเขาแม้ข้าก็ยังเทียบไม่ติดและวิทยายุทธ์ของเขาก็ไม่ด้อยเลย คนธรรมดาทำอะไรเขาไม่ได้แน่"
หยุนชางเงียบไปอยู่นานก่อนจะพูดว่า "เช่นนั้นตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี? จะถึงเวลาร่วมงานเลี้ยงแล้ว"
ลั่วชิงเหยียนใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ "ไม่เป็นไร บอกความจริงไปก็พอ หวังจิ้นฮวนเป็นทูตจากแคว้นหนิง หากเกิดเรื่องขึ้นที่แคว้นเซี่ย ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องสืบสวนอย่างละเอียด"
"เช่นนั้นก็ดี" หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดเล็กน้อยและรับคำ จากนั้นจึงพาสามคนที่เคยเข้าวังไปในวันนั้นกับหวังจิ้นฮวนและลั่วชิงเหยียนที่แปลงโฉมเรียบร้อยแล้วมุ่งหน้าไปที่วัง
มีนางกำนัลมาต้อนรับพวกเขาที่ประตูวังและพาพวกเขาไปยังตำหนักไท่จี๋ เมื่อเข้าไปในตำหนักก็มีนางระบำร้องรำทำเพลงอยู่ภายในตำหนักอยู่แล้ว เซี่ยหวนอวี่ก็นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรแล้ว
เมื่อเห็นพวกหยุนชางเข้ามา สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่พวกเขา เซี่ยหวนอวี่กวาดสายตาไปที่กลุ่มคนทั้งห้าอย่างแผ่วเบาพลางขมวดคิ้วและพูดว่า "ใต้เต้าหวังของพวกเจ้าล่ะ?"
หยุนชางรีบเดินเข้าไปย่อกายถวายพระพรต่อเซี่ยหวนอวี่และเอ่ยว่า "ฝ่าบาทโปรดให้ความยุติธรรมแก่ใต้เท้าหวังด้วย เมื่อวานนี้ให้เท้าหวังออกจากเรือนรับรองไปบอกว่าจะไปเดินเล่น แต่จนถึงป่านนี้แล้วเขาก็ยังไม่กลับมาเลยเพคะ ใต้เท้าหวังไม่เคยเป็นเช่นนี้ อีกทั้งวันนี้ยังเป็นงานเลี้ยงของฝ่าบาท ใต้เท้าให้ความสำคัญอย่างมาก หม่อมฉันขอร้องให้ฝ่าบาทช่วยส่งคนไปตามหาใต้เท้าหวัง หม่อมฉันกลัวว่า..."
เซี่ยหวนอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเรียกหลิวเหวินอันมา "เจ้าให้คนไปตามหาเถอะ"
หลิวเหวินอันขานรับแล้วจึงจากไป เซี่ยหวนอวี่กล่าวว่า "ท่านทั้งห้าโปรดนั่งลงก่อนเถอะ เจิ้นเชื่อว่าใต้เท้าหวังจะไม่เป็นไร"เขาพูดพลางทอดสายตามองไปที่ลั่วชิงเหยียน
หัวใจของหยุนชางบีบแน่นแล้วจึงเห็นว่าเซี่ยหวนอวี่ทำท่าราวกับไม่ได้มีเรื่องอะไรมาก่อนและหันศีรษะไป หยุนชางตะลึงงันแล้วจึงจำได้ว่าวันที่เข้าเฝ้านั้นลั่วชิงเหยียนไม่ได้มาด้วย เมื่อวันนี้เซี่ยหวนอวี่ว่ามีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เขาย่อมต้องสงสัยอยู่บ้าง
ในขณะที่นางกำลังคิดอยู่ก็เห็นซูฉีเอ่ยปากขึ้นด้วยท่าทางประหลาด "ไม่ได้กลับมาทั้งคืน? ไปเมาอยู่ที่ห้องสาวงามคนไหนหรือเปล่า? ใต้เท้าหวังยังหนุ่มแน่น เรื่องบางเรื่องเราย่อมเข้าใจไปตามธรรมชาติ เพียงแต่ใต้เท้าหวังรูปโฉมเช่นนั้น... ไม่รู้ว่าหญิงงามคนนั้นจะเป็นผู้ใดกัน..."
หยุนชางเข้าใจความหมายในคำพูดของซูฉี นางขมวดคิ้วแล้วมองไปทางเขา "หญิงสาวหรือ เกรงว่าแขกประจำของแม่นางเหล่านั้นจะเป็นใต้เท้าซูเสียมากกว่า ได้ยินมาว่าลูกคนสุดท้องของใต้เท้าซูยังอายุไม่ถึงขวบดี ส่วนแม่ของลูกก็คือ..."
บางครั้งการไม่พูดจนจบประโยคจึงจะเหนือกว่า หยุนชางมองไปที่ซูฉีอย่างมีความหมาย ดวงตาของนางแฝงแววเย้ยหยันเล็กน้อย
"เจ้า!" ซูฉียืนขึ้นทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ หยุนชางมองเห็นเหล่าข้าราชบริพารที่เฝ้าดูด้วยความถูกใจ ในใจนางจึงลอบยิ้ม ขุนนางเหล่านี้ปลิ้นปล้อนเป็นที่สุด พวกเขาย่อมรู้ว่าอนุคนใหม่ที่ซูฉีรับเข้าจวนมามีสถานะเป็นอย่างไรโดยไม่ต้องให้หยุนชางกล่าวออกมาอย่างชัดเจน
"ใต้เท้าซูนั่งลงเถอะ"เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้วมองซูฉี ดวงตาของเขาฉายแววไม่พอใจ
ซูฉีรับใช้ใกล้ชิดอยู่ข้างกายเซี่ยหวนอวี่มานานหลายปีแล้ว เขาย่อมรู้นิสัยของเซี่ยหวนอวี่เป็นอย่างดี แค่ฟังน้ำเสียงของเขาก็รู้แล้วว่านายเหนือหัวของตนไม่ค่อยพอใจนัก ดังนั้นเขาจึงรับคำและนั่งลงในที่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว ทั้งยังดื่มเหล้าไปเรื่อยๆ อย่างเหนื่อยหน่าย
ลั่วชิงเหยียนเหลือบมองซูฉีแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง เขาโน้มตัวไปกระซิบที่หูของหยุนชางสองสามคำ หยุนชางขมวดคิ้วและหันศีรษะไปพยักหน้าเบาๆ ให้เขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง