หยุนชางแค่นเสียงอย่างเย็นชา "หวังจิ้นฮวน เจ้ายังจำได้ไหมว่าเมื่อคืนเจ้าไปไหนมา?"
เมื่อหยุนชางเอ่ยปากขึ้นหวังจิ้นฮวนก็อึ้งไป ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้สติ "พระ... พระชายา?"
หยุนชางพยักหน้าเบาๆ แล้วจ้องมองเขาโดยไม่ขยับเขยื้อน "ข้าขอเตือนให้เจ้านึกให้ดีๆ ว่าเมื่อคืนเจ้าไปที่ไหนและทำอะไรไปบ้าง"
หวังจิ้นฮวนได้ยินเช่นนั้นก็มองไปที่หยุนชางด้วยความข้องใจ แต่ก็เห็นว่านางไม่มีท่าทีล้อเล่นแต่อย่างใดจึงได้รู้สึกเอะใจขึ้นมา "ทำไมหรือ? เกิดเรื่องขึ้นหรือ?" เขาขมวดคิ้วทันที "ทำไมห้องนี้มีกลิ่นเหล้าแรงขนาดนี้ ใครทำไหเหล้าแตกหรือ?"
"เกิดเรื่องแล้ว เมื่อคืนเจ้าไม่ได้กลับมาทั้งคืน จนกระทั่งถึงเวลางานเลี้ยงก็ยังไม่กลับมา ฝ่าบาทส่งคนออกตามหาเจ้า แต่กลับพบเจ้าอยู่ในห้องของนางคณิกาของหอจุ้ยเฟิ่ง ตอนที่พบเจ้า ตัวเจ้าเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้านอนอยู่บนเตียงของนางโลมผู้นั้นและศพของนางนอนตายข้างเตียงนอน" สายตาของหยุนชางทอดลงไปยังร่างของหวังจิ้นฮวนและเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนจากงุนงงเป็นตกตะลึง นางจึงเอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้ง "เมื่อคืนนี้เจ้าไปไหนมา? ดื่มเหล้าหรือ? ดื่มไปเท่าไหร่? แล้วจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?"
หวังจิ้นฮวนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "ไม่ ข้าไม่ได้ดื่มเลยสักนิด หลังข้าออกจากเรือนรับรองไป ข้าก็ไปเดินเล่น เดินเล่นไปสักพักก็เบื่อจึงได้เข้าไปหาอะไรกินที่โรงเตี๊ยม ในห้องโถงมีเสียงดังน่ารำคาญ ข้าจึงไปอยู่ในห้องแยก แต่ข้าไม่ได้ดื่มเหล้า ต่อมาข้าจำได้ว่าตอนที่ข้ากำลังกินข้าวอยู่ มีผู้หญิงถือผีผาเข้ามาบอกว่านางจะเล่นผีผาให้ฟัง ข้าไม่ได้ให้นางเข้ามา นางจึงจากไป จากนั้นข้าก็ได้กลิ่นหอมและจำอะไรอย่างอื่นไม่ได้อีก"
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ก็นิ่งเงียบไปอยู่นาน ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหวังจิ้นฮวนแล้วโน้มหน้าลงไปใกล้หน้าเขา
หวังจิ้นฮวนผงะไปและถอยหลังหนีอย่างรวดเร็ว "จะทำอะไรข้า? อย่า อย่าเชียวนะ ถ้าถูกลั่วชิงเหยียนเห็นเข้าล่ะก็ ข้าต้องโดนฆ่าตายแน่"
หยุนชางขมวดคิ้วและสูดลมหายใจเข้าลึก นางยืดตัวขึ้นอีกครั้ง เลิกคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยว่า "ไม่มีกลิ่นเหล้าในปากเจ้า เจ้าไม่ได้ดื่มมาจริงๆ เกรงว่าคงจะถูกคนวางยาสัตตนิทราเข้าให้แล้ว"
"ยาสัตตนิทรา?" หวังจิ้นฮวนตกใจ "เป็นสิ่งใดกัน?"
"มันเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าดูราวกับร่ำสุราจนเมามาย เจ้าจะไม่อาจควบคุมตนเองได้และจะเมาไปเจ็ดวันเจ็ดคืนเต็ม"
"เจ็ดวัน? ข้าหมดสติไปเจ็ดวันแล้วเหรอ?" หวังจิ้นฮวนอ้าปากกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
"ไม่หรอก เมื่อครู่ข้าให้เจ้ากินยาแก้พิษไปแล้วและเอาน้ำแกงสร่างเมาให้เจ้าดื่มแล้ว เจ้าจึงได้ฟื้นขึ้นมา" หยุนชางมองไปที่หวังจิ้นฮวนแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย "บางทีนางคณิกาผู้นั้นอาจจะถูกเจ้าฆ่าจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าทุกอย่างจะยุ่งยากเสียแล้ว"
หวังจิ้นฮวนได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปอยู่นานแล้วจึงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ "จะกลัวอะไร อย่างไรข้าก็วิ่งเร็ว อย่างมากก็แค่หนีไปเท่านั้น"
หยุนชางหน้าบึ้งลงในพริบตา
"หนีงั้นหรือ? ตอนนี้เจ้าอยู่ในฐานะทูตของแคว้นหนิง เจ้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นไหม หากเจ้าหนีไปแล้ว แต่ที่แคว้นหนิงยังมีครอบครัวของเจ้าอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น หากแคว้นเซี่ยใช้เหตุผลนี้มาหาเรื่องแคว้นหนิง ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่"
หวังจิ้นฮวนขมวดคิ้ว "เฮ้อ ท่านกับลั่วชิงเหยียนสมกับเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ทั้งน้ำเสียงทั้งท่าทางแทบจะเหมือนกันไปเสียหมด ก็ได้ๆๆ ข้าไม่หนีหรอก ข้าจะอยู่นอนที่นี่ต่อ เรื่องสืบหาความจริงและจับตัวคนร้ายก็ฝากพวกท่านด้วยก็แล้วกัน" เขากล่าวพลางเอนตัวลงนอนอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด "เฮ้อ นี่มันยาบ้าบออะไรกัน ปวดหัวชะมัด หัวข้าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว"
หยุนชางไม่สนใจเขาอีก นางยืนขึ้นและออกจากห้องไป
เมื่อกลับมาที่ห้อง หยุนชางก็ถอดหน้ากากออก ล้างหน้าชำระล้างร่างกาย เอนตัวลงนอนบนเบาะนุ่มแล้วหยิบหนังสือมาอ่าน หลังจากพลิกหน้าไปสองสามหน้า นางก็หยิบหนังสือเล่มใหม่ นิ้วของนางหยุดอยู่บนบรรทัดหนึ่ง ยาสัตตนิทรา...
ดึกแล้วหยุนชางจึงวางหนังสือลง ตาของนางจ้องไปยังประตู ลั่วชิงเหยียนยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าด้านนั้นดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่ ขณะที่นางกำลังคิดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาจากด้านนอก หยุนชางตกตะลึง ผ้าม่านถูกแหวกออก ลั่วชิงเหยียนซึ่งยังคงสวมหน้ากากก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง