หยุนชางขมวดคิ้ว นางลุกขึ้นและกล่าวว่า "เอาชาและของทานเล่นไปที่โต๊ะหินข้างนอกแล้วไปเรียกเฉี่ยนอินมา"
สาวใช้ขานรับอย่างรวดเร็วแล้วจึงออกไปเตรียมของ
หยุนชางจงใจขลุกอยู่ในห้องอีกครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปและยิ้มบางๆ ให้ชายในอาภรณ์สีน้ำเงินที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหินใต้ต้นไม้ในลาน "ขอโทษ เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไปขณะอ่านหนังสือจึงได้ออกมาช้าไปเสียหน่อย ทำให้ท่านต้องรอนานเสียแล้ว"
หลิ่วหยินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองหยุนชางด้วยแววตาอ่อนโยน "ไม่เป็นไร"
เมื่อเขาเพิ่งพูดจบ หยุนชางก็เห็นเฉี่ยนอินเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นหลิ่วหยินเฟิงนางก็ตะลึงไป จากนั้นจึงยิ้มและทักทายเขาก่อนจะไปยืนนิ่งอยู่ด้านหลังหยุนชาง
หลิ่วหยินเฟิงมองไปยังเฉี่ยนอินที่แปลงโฉมด้วยเช่นกัน สายตาของเขาทอดไปยังแขนเสื้อข้างขวาที่ว่างเปล่าพลางครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ดูแล้วแม่นางเฉี่ยนอินฟื้นตัวได้ไม่เลวเลย เป็นเรื่องน่ายินดีนัก"
เฉียนอินตกตะลึงและรีบกล่าวว่า "เฉี่ยนอินต้องขอบคุณคุณชายหลิ่วอีกครั้งที่ช่วยชีวิตข้าไว้"
"เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น" หลิ่วหยินเฟิงหัวเราะเบาๆ สายตาของเขามองไปที่ใบหน้าของหยุนชางกับเฉี่ยนอินแล้วเอ่ยยิ้มๆ "ปรมาจารย์ด้านการแปลงโฉมที่อยู่ข้างกายอาหยุนช่างฝีมือประณีตนัก ข้าแทบจำไม่ได้"
หยุนชางยิ้มรับเล็กน้อยและไม่ได้กล่าวอะไร
"ตอนที่ข้าอยู่ที่บ้านเกิด ข้าตกใจแทบแย่เมื่อได้ยินข่าวการตายของพระชายารุ่ยอ๋องจึงรีบส่งหนังสือไปยังเมืองหลีจึงรู้ว่าเจ้าสบายดี โชคดีที่ไม่เป็นอะไร ไม่เช่นนั้นข้าคงเสียใจไปชั่วชีวิต" หลิ่วหยินเฟิงจ้องมองหยุนชางอย่างไม่วางตาทำให้หยุนชางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ความคิดในหัวของนางผุดขึ้นและหายไปหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
หลิ่วหยินเฟิงกลับพูดต่อว่า "เมื่อวานอาหยุนแปลงโฉมเป็นข้าเข้าไปหาหวังจิ้นฮวนหรือ?"
เมื่อเข้าประเด็นหลัก หัวใจของหยุนชางก็กระตุกวูบ นางยิ้มและพยักหน้าเบาๆ "มีเรื่องแบบนี้จริงๆ หลังจากที่ข้ากลับมาที่เรื่องรับรองก็ได้ยินว่าคุณชายหวังเมามายไม่ได้สติ ข้าจึงกังวลว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เพียงแต่มีทหารเฝ้าอยู่และไม่อนุญาตให้เข้าไป ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนี้ ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ"
เมื่อหลิ่วหยินเฟิงได้ยินเช่นนั้น ประกายรอยยิ้มในดวงตาของเขาก็ยิ่งมากขึ้น "อาหยุนไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้ เพียงแต่ตอนที่ข้าไป ทหารผู้นั้นทักข้าว่าข้ามาอีกแล้วหรือ ข้าจึงรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อข้ากำลังจะถาม แต่จู่ๆ ก็นึกถึงเจ้า เกรงว่าจะเป็นเจ้าข้าจึงเออออไปตามนั้น เป็นเจ้าจริงๆ เสียด้วย โชคดีที่ข้าไม่ได้ถามออกไป"
หยุนชางยิ้มบางและก้มหัวขอบคุณเขาเบาๆ แต่นางกลับรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย เมื่อวานนางคิดแต่เพียงว่านางจะเข้าไปได้อย่างไร แต่กลับคิดไม่ถึงว่าด้วยเหตุนี้นางจึงเป็นหนี้บุญคุณของเขาอีกแล้ว สิ่งที่นางไม่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือการเป็นหนี้บุญคุณของหลิ่วหยินเฟิง แม้จะไม่รู้ว่าที่หลิ่วหยินเฟิงบอกว่าชอบนางนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง ตอนนี้นางก็แต่งงานแล้วจึงไม่อยากจะมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับผู้ใดอีก เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้วก็ล้วนไม่ยุติธรรมสำหรับทั้งหลิ่วหยินเฟิงและลั่วชิงเหยียน
หยุนชางก้มศีรษะลงและครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า "คุณชายหลิ่วช่วยข้าครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไรข้าก็ไม่อาจเป็นคนเนรคุณ แม้ว่าตอนนี้ข้าเพิ่งจะมาถึงแคว้นเซี่ยได้ไม่นาน สิ่งที่ข้าสามารถทำได้ก็มีไม่มากนัก แต่ในไม่ช้าสายลับทั้งหมดของข้าจะตามมาที่แคว้นเซี่ย แม้ว่าข้าจะไม่สามารถบอกคุณชายหลิ่วได้ว่าข้ามาสายลับจำนวนเท่าใด แต่หากพวกเขามาถึงแคว้นเซี่ยแล้วก็จะสามารถทำอะไรหลายอย่างได้อย่างสะดวก ข้าสัญญาว่าจะให้คุณชายหลิ่วสามารถใช้สายลับของข้าได้สามครั้งเป็นการตอบแทน หากคุณชายหลิวมีความประสงค์อันใดก็สั่งมาได้เลย"
เมื่อหลิ่วหยินเฟิงได้ยินคำพูดนั้น นิ้วของเขาขยับเล็กน้อย รอยยิ้มในดวงตาของเขาค่อยๆ จางลง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า "ตกลง ข้าจะจำไว้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง