เมื่อเพลงจบลง ไฟในตำหนักก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ทุกคนยังคงเพลิดเพลินไปกับการร่ายรำนั้น หญิงสาวที่ร่ายรำหลายคนเดินเข้ามาในตำหนักและย่อกายคำนับเซี่ยหวนอวี่ "ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท ถวายพระพรเพคะฮองเฮา"
เซี่ยหวนอวี่ยิ้มเล็กน้อย "ลุกขึ้นเถอะ"
เมื่อพูดจบ เขาก็ปรบมือและหันไปมองฮองเฮา "การแสดงชุดนี้ช่างงดงามจริงๆ แต่เจิ้นไม่ค่อยได้เห็นนางรำสวมผ้าปิดหน้านัก..."
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮองเฮาก็หัวเราะขึ้น "ในเมื่อฝ่าบาททรงตรัสเช่นนั้นแล้วก็ให้แม่นางผู้นั้นปลดผ้าคลุมออกเถิด"
หญิงสาวชุดขาวได้ยินเช่นนี้ก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและยื่นมือไปปลดผ้าคลุมหน้าออกอย่างเชื่องช้า
คิ้วของนางโก่งดังจันทร์เสี้ยว ดวงตาดำขลับ มุมหางตาของนางเฉียงขึ้นเล็กน้อยทำให้ดูมีเสน่ห์อย่างยากจะอธิบาย จมูกของนางตั้งตรงแต่น่ามอง ปากเล็กๆ ราวกับลูกเชอร์รี่ของนางราวกับกำลังเชิญชวนอย่างไร้เสียง ทุกคนในตำหนักต่างก็ตกอยู่ในภวังค์
หยุนชางกวาดตามองนางอย่างเรียบเฉย ที่จริงแล้วหญิงสาวคนนี้ไม่ได้สวยมากนัก อย่างน้อยก็ไม่สวยเท่าหนิงเชียน แต่เพราะการร่ายรำเมื่อครู่และความลึกลับของผ้าคลุมหน้ากลับทำให้นางดูน่าทึ่ง
เซี่ยหวนอวี่ยังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ฮองเฮาก็ยิ้มและหันไปมองเสิ่นซูเฟยซึ่งจ้องมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นอย่างไม่วางตา แล้วจึงค่อยๆ เอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ "จะว่าไปแล้วแม่นางชิงหมิงก็มีวาสนาต้องกันเสิ่นซูเฟยนัก นางรู้จักกับเสิ่นซูเฟยมาตั้งแต่เด็ก"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยหวนอวี่ก็หันไปมองเสิ่นซูเฟย เสิ่นซูเฟยยิ้มบางๆ แต่ดวงตากลับไร้รอยยิ้ม "เพคะ ชิงหมิงกับข้าคุ้นเคยกันดี นางอายุน้อยกว่าหม่อมฉันเจ็ดปี บ้านของเราอยู่ใกล้กัน ตั้งแต่นางเกิดข้าก็อยู่กับนางมาโดยตลอด"
"หือ? มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเช่นนี้เชียวหรือ" ฮองเฮายิ้มแล้วหันไปหาเซี่ยหวนอวี่ "ฝ่าบาท น้องซูเฟยนั้นตั้งแต่ตอนที่ฉีอ๋องไปอยู่ที่ฉีโจวแล้วก็ดูไม่ค่อยมีความสุขนัก หากมีเพื่อนสมัยเด็กอยู่คุยกันอาจจะช่วยให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้าง"
เซี่ยหวนอวี่เบนสายตากลับไปมองสตรีชุดขาวแล้วจึงเอ่ยว่า "เช่นนั้นก็ให้แม่นางชิงหมิงอยู่ในวังเถอะ อยู่ที่ตำหนักซู่หย่านั่นแหละ"
หญิงสาวชุดขาวรีบย่อกายคำนับเซี่ยหวนอวี่เพื่อขอบคุณ "ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท"
สายตาของหยุนชางประเมินซูเฟยอยู่อย่างเงียบๆ แม้ว่านางจะบอกว่านางรู้จักกับแม่นางชิงหมิงตั้งแต่เล็ก แต่สายตาของนางกลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย หากคิดดูให้ดีแล้ว ฮองเฮาไม่มีทางใจดีพาเพื่อนสมัยเด็กของซูเฟยเข้าวังมาอยู่เป็นเพื่อนนางแน่ ชิงหมิงผู้นี้ เกรงว่าจะเป็นคนที่ฮองเฮาพามาเพื่อจัดการรับมือกับเสิ่นซูเฟยโดยเฉพาะเสียมากกว่า
มีกระแสความไม่พอใจในสายตาของฮองเฮาเช่นกัน เมื่อครู่เซี่ยหวนอวี่เพียงพูดว่าให้นางอยู่ในวัง แต่ไม่ได้ให้ตำแหน่งใดๆ กับนาง ดังนั้นชิงหมิงจึงมีเพียงสองฐานะยามอยู่ในวังเท่านั้น หนึ่งก็คือญาติของเสิ่นซูเฟย แต่หากอยู่ในสถานะญาติแล้ว ในวังหลังย่อมมีกฎอยู่ว่าการมาเยี่ยมนั้นจะอยู่ได้ไม่เกินสามวัน เพียงสามวันนั้นเกรงว่าจะไม่อาจบรรลุจุดประสงค์ของฮองเฮาได้ ส่วนอีกฐานะหนึ่งก็คือนางกำนัล ฮองเฮาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชิงหมิงได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาท หากได้รับเพียงตำแหน่งนางกำนัล สำหรับฮองเฮาแล้วก็คงเป็นความอัปยศอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะที่ฮองเฮากำลังจะเอ่ยปากพูดก็ได้ยินเสียงของเซี่ยหวนอวี่ดังขึ้น "ฮองเฮาดูแลเหล่านางสนมทั้งหมดในวังหลังเป็นอย่างดี เจิ้นขอดื่มให้เจ้าหนึ่งจอก"
นางจึงต้องกลืนคำพูดที่นางตั้งใจจะพูดกลับลงคอไป "นี่เป็นความรับผิดชอบของหม่อมฉันอยู่แล้วเพคะ ฝ่าบาทก็พูดเกินไป"
ทั้งสองดื่มเหล้าก็ได้ยินเสียงขันทีประกาศขึ้น "ท่านอ๋องเจ็ดมาถึงแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง