ลั่วอี้พลันหยักหน้า. หยุนชางเหลือบมองไปดูสีหน้าของเขานั้น เพียงเงียบไปชั่วครู่ แล้วจึงเปิดปากถามขึ้นมาอีกว่า "เจ้ายอมรับเฉี่ยนยินที่เป็นเช่นนี้หรือไม่ ?"
หยุนชางที่เห็นลั่วอี้กำลังจะเปิดปากตอบคำถามนั้น จึงรีบร้อนพูดขึ้นมาว่า "ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดทบทวนตัวเองให้ดี แล้วค่อยตอบข้าออกมา มีคำพูดหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า ผู้ชายกลัวเดินทางผิด สตรีกลัวแต่งเข้าผิดบ้าน เฉี่ยนยินเป็นคนที่ข้าเก็บมาตั้งแต่เด็ก เป็นสตรีที่ว่านอนสอนง่าย ข้าให้นางทำอะไร นางมิเคยต่อต้านข้าสักครา แม้ว่าข้าจักต้องการให้นางแต่งออกไป นางก็คงจะยินยอมแต่งออกไปโดยไม่อิดออด หากแต่นางอยู่กับข้ามานานนม ข้าก็หวังว่านางจะมีความสุข หากเจ้าไม่ยินยอม ก็ขอให้เอ่ยปากบอกข้าเถิด ข้าจะไม่กล่าวโทษเจ้า ข้าจักได้หาข้ออ้างไปบอกกับเฉียนยินได้ว่า งานแต่งครั้งนี้มิต้องให้นางแต่งแล้ว ถึงอย่างไรนางก็จะยังเป็นคนที่มีความสามารถอยู่ข้างกายข้าต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ข้าก็จะไม่ปฏิบัติตัวแย่ ๆ ใส่นาง"
สายตาของลั่วอี้จับจ้องไปยังพื้นที่ข้างห้องด้านข้าง หยุนชางเห็นเช่นนั้น พลันตกตะลึงไปเล็กน้อยแล้วจึงเหลือบมองไปที่สีหน้าของลั่วอี้ หรือว่า เฉี่ยนยินอยู่ห้องด้านข้างงั้นหรือ ?
หยุนชางที่กำลังขบคิดอยู่นั้น พลันได้ยินลั่วอี้เปิดปากพูดขึ้นมาว่า "หวางเฟย. กระหม่อมไม่ต้องการ"
หยุนชางชะงักไป. มือแอบกำแขนเสื้อด้านในอย่างแน่น ๆ เพียงครู่หนึ่งถึงคลายออก "ได้ ถ้า"
หยุนชางกำลังจะเอ่ยปากพูดนั้น กลับถูกลั่วอี้พูดตัดบทขึ้นมาว่า "กระหม่อมไม่ต้องการแต่งงานหลอก ๆ กับเฉี่ยนยินพะยะค่ะ กระหม่อม. กระหม่อมหวังว่าจะได้แต่งงานจริง ๆ กับเฉี่ยนยิน เป็นดั่งสามีภรรยาที่แท้จริง กระหม่อมชอบเฉี่ยนยิน นางไม่มีมือไม่เป็นไรพะยะค่ะ กระหม่อมเต็มใจจะเป็นมือให้นางเอง"
หยุนชางพลันตกตะลึง. ภายในใจราวกับมีมือเข้ามายกหินออกจากอก นางจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา
"ได้ หากเป็นดั่งที่เจ้าพูด ข้ารู้แล้วว่าจักต้องทำเช่นไร เจ้ากลับไปเตรียมตัวงานแต่งเจ้ากับเฉียนยินได้แล้ว ถึงแม้ว่าเฉี่ยนยินจะเป็นเพียงสาวใช้ ทว่าการแต่งงานจะจัดแบบพื้น ๆ ไม่ได้ พิธีกรรมทั้งหกห้ามขาดอันใดไปเป็นอันขาด สินสอดอย่างน้อยจักต้องเตรียมไม่น้อยไปกว่าห้าร้อยตำลึง" หยุนชางพลางยิ้มออกมา ตั้งใจที่จะหยอกล้อลั่วอี้
ลั่วอี้พลันยิ้มออกมาอย่างโง่เขลา พร้อมทั้งยกมือขึ้นมาเกาหัวเล็กน้อยว่า "ขอรับ ขอรับ ขอรับ ขอรับ กระหม่อมจะไปหาแม่สื่อทีหลัง ไม่ไม่ไม่ กระหม่อมจักไปตอนนี้ ไปหาตอนนี้ "เมื่อพูดจบ จึงรีบร้อนวิ่งออกไปจากห้อง
หยุนชางกับเฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วพลางมองหน้ากัน พร้อมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
"เจ้าโง่นั่น " หยุนชางพลางถอนหายใจออกมา พร้อมหันไปทางห้องด้านข้างนั้น "เฉียนยิน. เจ้ายังไม่ออกมาอีกหรือ ?"
ไม่มีการเคลื่อนไหวจากห้องด้านข้างมาแล้วครู่หนึ่ง ผ่านไปไม่นาน เฉี่ยนยินจึงค่อย ๆ โผล่ออกมา รอบดวงตาพลันมีร่องรอยสีแดงจาง ๆ ราวกับผ่านการร้องให้มาอย่างหนัก ใบหน้าพลันปรากฏรอยเปื้อนสีแดงจาง ๆ ราวกับลักษณะคนเขินอายยิ่งนัก
หยุนชางพลันหัวเราะออกมา "บ่อยครั้งที่เจ้าชอบหยอกล้อข้า. ครั้งนี้ ถึงตาเจ้าบ้างแล้วละ ข้าบอกเจ้าแล้ว. ว่ามิต้องกังวลอันใดมาก ลั่วอี้ไม่ใช่คนเช่นนั้นอยู่แล้ว ครั้งนี้เจ้าก็วางใจได้ ไม่ต้องห่วงอันใดอีก"
ใบหน้าเฉี่ยนยินเต็มไปด้วยสีแดงกร่ำ เพียงชั่วครู่จึงพูดขึ้นมาว่า " เจ้าคนโง่เง่านั้น จะไปมีเงินหลายตำลึงได้เช่นไรกันเพคะ " ในคำพูดนั้นมีร่องรอยความแปลกใจพลาง ๆ
หยุนชางพลันเบิกตาโต "ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ " เมื่อพูดจบพลางโบกมือไปมา "พอแล้ว พอแล้ว สตรีที่เติบใหญ่ล้วนแต่รั้งไว้ไม่อยู่ รั้งไปรั้งมากลับโกธรแค้น ยังมิทันได้ตบแต่ง กลับคิดคำนวณแทนเขาเสียแล้ว"
เฉี่ยนยินมองหยุนชางเช่นนั้น จึงอดไม่ได้ที่ต้องทำตัวไร้มารยาทหัวเราะออกมา เพียงชั่วครู่ทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
ทั้งเจ้านายและคนรับใช้หยอกล้อกันไปชั่วครู่ เฉี่ยนยินพลันนึกถึงคำสั่งที่หยุนชางสั่งก่อนออกไปนั้น. จึงรีบร้อนรายงานว่า "องครักษ์เงาได้ไปตรวจสอบมาหมดแล้วเพคะ นางสนมทุกนางล้วนแต่มีคนคอยตรวจสอบอยู่เบื้องหลังทุกนาง บางนางที่มีชาติตระกูลดีใบหน้างามเหนือคณา ด้านหลังมักจะหางปรากฏตัวอยู่"
หยุนชางพลันหยักหน้า "เจ้านัดพบหลินโยวหรานแล้วหรือ ?"
"นัดพบแล้วเพคะ นี่ก็ใกล้ได้เวลาแล้ว หวางเฟยจะออกไปแล้วหรือ ? "เฉี่ยนยินพลางกระซิบถาม
หยุนชางพลันพยักหน้าลงเล็กน้อย เมื่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ "นำหมวกคลุมหน้ามาให้ข้าที"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง