หยุนชางพลันชะงักออกไปเล็กน้อย อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ด้วยหรือ เมื่อนางจะเข้าวัง เขาก็มีเรื่องที่จะต้องเข้าวังพร้อมนางพอดี ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ครั้งที่แล้วจะสร้างความหวาดกลัวให้ลั่วชิงเหยียนเป็นอย่างมาก ภายในใจหยุนชางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา จึงคล้องแขนลั่วชิงเหยียนพร้อมพูดว่า "ดีจริง ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันจะได้เข้าวังพร้อมท่านอ๋อง"
ทั้งสองคนเมื่อเดินทางเข้าวังแล้ว. เมื่อกำลังแยกทางที่ด้านหน้าของตำหนักไท่จี๋นั้น หยุนชางที่กำลังจะเดินจากไปกลับถูกลั่วชิงเหยียนดึงแขนเสื้อเอาไว้ว่า "ข้าให้เวลาเจ้าเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น หลังจากหนึ่งชั่วยามไปแล้ว ข้าจะไปตามเจ้าที่ตำหนักเซียงจู๋ หากฮองเฮาเรียกให้เข้าเฝ้าแล้วละก็ เจ้าไม่สามารถปฏิเสธนางได้ ก็ให้นางกำนัลในตำหนักเซียงจู๋มาตามหาข้าที่ท้องพระโรง"
หยุนชางที่ฟังน้ำเสียงจู้จี้สั่งการของเขาจบลงนั้น พลันค่อย ๆ ยิ้มรับ พร้อมหันกายเดินไปที่ตำหนักเซียงจู๋
หนิงเฉี่ยนที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ในตำหนักนั้น เมื่อเห็นหยุนชางเดินเข้ามา จึงรีบร้อนวางตำราลงพร้อมเดินเข้าไปรับนาง หยุนชางนั่งลงตรงข้ามกับหนิงเฉี่ยน พร้อมเหลือบมองสีหน้าของหนิงเฉี่ยนแล้ว จึงพูดขึ้นมาว่า "มีอะไรงั้นหรือ ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?"
หนิงเฉี่ยนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จึงพูดออกมาว่า "เมื่อวานตอนกลางคืน ฝ่าบาทกล่าวว่าองค์หญิงใหญ่ส่งข่าวมาบอกว่าจะกลับมาถึงเมืองจิ่นในไม่ช้า"
"องค์หญิงใหญ่ ? " หยุนชางเคยได้ยินหนิงเฉี่ยวกล่าวถึงบุคคลผู้นี้อยู่บ้าง หนิงเฉี่ยนเป็นผู้ที่องค์หญิงใหญ่แนะนำนางให้เข้าวัง เกรงว่าผู้คนในราชวังนั้นจะรู้สึกได้ว่า หนิงเฉี่ยนเป็นคนขององค์หญิงใหญ่
เมื่อครั้งที่มาถึงแคว้นเซี่ยนั้น หนิงเฉี่ยนเคยเล่าเรื่องขององค์หญิงใหญ่ให้ฟังว่า องค์หญิงใหญ่ผู้นี้เชื่อในพระพุทธเจ้า ทว่าในใจคงจะรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก จึงได้แนะนำหนิงเฉี่ยนให้เข้าวัง
"ตอนนี้กำลังเริ่มเข้าสู่การคัดเลือกนางสนมแล้ว การที่นางเลือกเวลากลับมายังเมื่องจิ่นในตอนนี้นั้น เกรงว่าคงเพราะเรื่องนี้กระมัง " หนิงเฉี่ยนพลันขมวดคิ้วลง "หม่อมฉันคลุกคลีอยู่กับองค์หญิงมาช่วงเวลาหนึ่ง นางมิได้เป็นคนง่าย ๆ อย่างที่พวกเราคิดเป็นแน่เพคะ หม่อมฉันกลับคิดว่า นางมีจิตใจที่ทะเยอทะยานสูงมาก"
หยุนชางเงียบไปชั่วครู่ จึงหันหน้าไปหาหนิงเฉี่ยน "ไม่เป็นไร ถึงตอนนี้จะไม่รู้ว่านางกำลังคิดจะทำอะไรก็ตาม พวกเรามิต้องไปใส่ใจนางมากนัก หากนางมีแผนการบางอย่างจริง ตอนนี้เจ้าเป็นถึงกุ้ยเฟยแล้ว ได้เปรียบกว่าพวกนางสนมที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เจ้ามีประโยชน์กว่าพวกนางสนมคนอื่นมาก นางจะต้องติดต่อเจ้ามาแน่"
หนิงเฉี่ยนพลันพยักหน้ารับ "เช่นนั้นคงต้องรอต่อไป ใช่แล้วเพคะ เสิ่นซู่เฟยมิใช่ว่าเข้าตำหนักเย็นไปแล้วหรือ ? หม่อมฉันได้ยินมาว่า ก่อนหน้านั้นสองวันฮองเฮาต้องการจะเข้าไปที่ตำหนักอู๋เหยียน ทว่ากลับถูกองครักษ์ขวางไว้ อีกทั้งยังไปโวยวายกลับฝ่าบาทที่ท้องพระโรงเสียยกใหญ่ กลับถูกฝ่าบาทตอกกลับมาอย่างเจ็บแสบกลับมา ตอนนี้ที่ตำหนักอู๋เหยียนนั้น ถือว่าเป็นตำหนักที่ปลอดภัยที่สุดในวังหลวง ราวกลับว่าฝ่าบาทกำลังปกป้องเสิ่นซู่เฟยอยู่ "
หยุนชางพลันนึกถึงคำพูดของฮูหยินกั๋วกงขึ้นมา พร้อมทั้งยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางกระพริบตามองไปยังหนิงเฉี่ยน แล้วจึงเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูนาง เพียงชั่วครู่ จึงพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า "ท่านจะให้หม่อมฉันไป "มีบางคำที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ จึงยกมือขึ้นมา พร้อมงอนิ้วโป้งชนกัน "ฝ่าบาท ? "
"มิจำเป็นว่าจะต้องเป็นเจ้า หากแต่เรื่องเช่นนี้ จำเป็นจะต้องมีคนทำเพียงผู้เดียวเท่านั้น " หยุนชางพลันชะงักไปเล็กน้อย "ฮองเฮาต้องการให้เสิ่นซู่เฟยตาย ข้าก็เช่นกัน หากแต่ข้าก็ต้องการทำให้ฮองเฮาอยู่ไม่สุขด้วยเช่นกัน นี่เป็นวิธีที่ไวที่สุด"
หนิงเฉี่ยนเงียบไปสักพัก พร้อมพูดขึ้นมาว่า "ชีวิตของเสิ่นซู่เฟยนั้น หากมีชีวิตอยู่ต่อเพียงวันเดียวเปรียบเสมือนดั่งตัวแปร หากจำเป็นจะต้องใช้วิธีเช่นนี้ละก็ ต้องเลือกคนของเราเท่านั้น รอจนกว่าการคัดเลือกนางสนมเข้าวังแล้ว เมื่อเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทเมื่อใดก็ยังต้องรอไปอีกช่วงเวลาหนึ่งเสียก่อน เรื่องนี้ยกให้หม่อมฉันจัดการเถอะ"
หยุนชางพลันยิ้มออกมาเล็กน้อย. พร้อมกระซิบบอกว่า "หากเป็นเจ้าลงมือแล้ว นั่นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด คนของเราในเมืองจิ่นก็มิใช่น้อยแล้ว เจ้าต้องการอะไร เพียงแค่บอกข้ามาก็พอ"
หนิงเฉี่ยนยิ้มรับ เมื่อกำลังเอ่ยปากพูดนั้น พลันได้ยินข้ารับใช้ข้างนอกดังเข้ามาว่า "เหนียงเหนียง. ฝ่าบาทและรุ่ยอ๋องกำลังเสด็จมาเพคะ"
หนิงเฉี่ยนจึงรีบร้อนลุกขึ้นว่า "อื้ม"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง