ลั่วชิงเหยียนที่เดินเข้ามาในห้องนั้น พลันจ้องมองไปที่หยุนชาง หยุนชางตกตะลึงเล็กน้อย พร้อมลอบมองสีหน้าของลั่วชิงเหยียนด้วยความระมัดระวัง หากแต่เมื่อเห็นท่าทางของแล้ว ไม่มีเหมือนลักษณะคนกรุ่นโกธรเลยแม้แต่น้อย ภายในใจงุงงงยิ่งนัก หรือว่าเขาจะโกธรเรื่องหลิ่วหยินเฟิงจริง ๆงั้นหรือ ?
เมื่อกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น พลันได้ยินลั่วชิงเหยียนพูดขึ้นมาว่า "พวกเจ้าทั้งหมดออกไปเสีย " เขากำลังส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ออกไป
หยุนชางพลันเลิกคิ้วขึ้น ลักษณะเช่นนี้ หรือว่าเขาจะปิดประตูคิดบัญชีกับนางกัน ? หยุนชางที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นกลับคิดว่านางชิงลงมือก่อนจะดีกว่า จึงรีบร้อนพูดขึ้นมาว่า "ก่อนหน้านั้น หม่อมฉันแค่อยากจะไปลอบสังเกตุการณ์เหล่านางสนมทั้งหลายที่หน้าวัง หากแต่เมื่อเปิดม่านของรถม้าออกมานั้น แต่เดิมเพียงแค่อยากจะเปิดดูแล้วก็จากไป ไม่คาดคิดว่าจะถูกหลิ่วหยินเฟิงพบเข้า จึงพูดคุยกับเขาแค่สองสามประโยคเท่านั้น"
เมื่อพูดจบ พลันเงยหน้ามองสีหน้าของลั่วชิงเหยียน สีหน้าของลั่วชิงเหยียนแปลกประหลาดยิ่งนัก ภายในห้องของหยุนชางรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
เมื่อกำลังคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ตรงหน้านั้น จู่ ๆ ลั่วชิงเหยียนก็ดึงหยุนชางเข้ามาในอ้อมกอดของเขา พร้อมกระซิบบอกว่า "ชางเอ๋อร์ เจ้ามิต้องกังวลไป ภรรยาของข้า จะมีเจ้าเพียงผู้เดียว ข้าจะไม่ยอมมีสตรีอื่นเป็นแน่ "
หยุนชางได้ยินเช่นนั้น พลันรู้สึกตกตะลึงไปเล็กน้อย. เพียงชั่วครู่จึงได้สติกลับมา เกรงว่าองครักษ์เงาคงไปรายงานเขาถึงเรื่องราวที่นางพูดคุยกลับหลิ่วหยินเฟิงกระมัง แม้แต่คำพูดของหลิ่วหยินเฟิงก็ต้องรายงานงั้นหรือ
หยุนชางพลันยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของลั่วชิงเหยียน เพื่อฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ของเขา พลันมุมปากของนางก็ยกสูงขึ้น "หม่อมฉันเชื่อในตัวท่าน"
ลั่วชิงเหยียนค่อยลูบ ๆ ท้ายทอยของหยุนชาง พร้อมกระซิบบิกว่า "ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เมื่อมาถึงแคว้นเซี่ยแล้ว ข้าความจะทำเรื่องราวให้มันชัดเจนเสียที หากมีใครคนใดตั้งใจเข้ามาในเขตต้องห้ามของข้าแล้ว ข้าอดทนมาครั้งแล้วครั้งเล่า หากคนเหล่านั้นเห็นความอดทนอดกลั้นของข้าเป็นเรื่องเล่น ๆละก็ ครั้งนี้ หากไม่ทำการสั่งสอน เกรงว่าต่อแต่นี้ผู้คนคงจะลืมไปแล้วกระมัง"
หยุนชางไม่รู้ว่าลั่วชิงเหยียนต้องการจะทำอะไร หากแต่เมื่อลั่วชิงเหยียนพูดออกมาแล้ว เขาจะต้องทำได้อย่างที่พูดอย่างแน่นอน หยุนชางพลันหัวเราะออกมา พร้อมตอบรับด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ทว่า ภายในใจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ที่ต้องเปิดปากพูดว่า "ท่านอ๋อง พวกเรามีลูกกันเถอะเพคะ"
เมื่อพูดออกไปแล้ว หยุนชางกลับรู้สึกเสียดายยิ่งนัก แต่ก่อนพวกเขาเคยถกเถียงเรื่องนี้กันมาแล้ว หากแต่สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน จึงมิใช่เวลาที่ดีนักสำหรับการมีทายาท เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว หยุนชางจึงรีบร้อนเอ่ยขึ้นมาว่า "มิต้องรีบร้อนเพคะ พวกเราจักต้องมีทายาทได้แน่ รอจนสถานการณ์ภายนอกดีขึ้นเสียก่อน พวกเราค่อยมีลูกก็ไม่สาย"
ลั่วชิงเหยียนค่อยๆ ดึงหยุนชางออกมา พร้อมก้มมองนาง เพียงชั่วครู่จึงพูดขึ้นมาว่า "เป็นเพราะก่อนหน้านั้น ข้าคิดไม่รอบคอบ ข้าเพียงคิดแค่ว่ารอให้สถานการณ์ภายนอกดีขึ้นเสียก่อน ไม่คิดเคยคิดเลยว่าเจ้าจะถูกถามเช่นไรบ้าง ตอนนี้ในแคว้นเซี่ยอำนาจของพวกเราก็มีมากแล้ว การคัดเลือกนางสนมในครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นฝีมือของข้าเองที่วางแผนการคัดเลือกให้เข้าวัง. แม้ว่าอำนาจพวกนี้จะไม่สามารถทำการใหญ่อันใดได้ ทว่า ใช้เพียงปกป้องภรรยาลและลูก ๆของข้าก็พอ หากพวกเรา. อยากมีลูก. " ประโยคของลั่วชิงเหยียนพลันขาดหายไป พร้อมทั้งอุ้มหยุนชางมาวางไว้ที่เตียง หยุนชางพลันตกใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันเช่นนี้ เมื่อสติพลันกลับมา ก็เห็นลั่วชิงเหยียนปลดผ้าม่านลงเสียแล้ว หยุนชางตกตะลึงไปเล็กน้อยรอบดวงตาอดไม่ได้ที่จะมีร่องรอยเปียกชื้นอยู่
หยุนชางมิรู้ว่าลั่วชิงเหยียนต้องการทำเช่นไร เนื่องจากว่าเขาจะจัดการเรื่องราวของเขาด้วยตัวเอง
"การคัดเลือกนางสนมรอบที่สอง มีนางกำนัลข้าหลวงหลายคน มาตรวจสอบร่างกายของนางสนมที่เข้าคัดเลือกเพื่อดูว่าพวกนางเป็นหญิงพรหมจารีหรือไม่ มีรอยแผลเป็นหรือความพิกลพิการทางใดหรือเปล่า ร่างกายมีกลิ่นแปลกปลอมหรือไม่ ลักษณะคุณธรรมใด ๆ ยังมิได้รับการคัดเลือก "เฉี่ยนจั๋วกระซิบบอกนางเบา ๆว่า "การคัดเลือกนางสนมรอบที่สองจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า"
หยุนชางพยักหน้ารับ "เจ้ารู้หรือไม่ว่านางกำนัลที่ดูแลการคัดเลือกนางสนมรอบที่สองคือผู้ใด ? "
เฉี่ยนจั๋วพลันสายหน้าไปมา "เรื่องในพระราชวัง นู๋ปี๋มิได้สอบถามมากนัก หากแต่เรื่องนี้เป็นของเถ้าแก่เฉี่ยนเฉียนที่รับหน้าที่ หวางเฟยจะเข้าวังไปถามงั้นหรือ ? "
"เข้าวัง ? " หยุนชางส่ายหน้าน้อย ๆ ลั่วชิงเหยียนกักขังนางเช่นนี้ นางไม่สามารถเข้าวังไปได้แน่นอน
พลันได้ยินเสียงของลั่วอี้ดังเข้ามาจากด้านนอก "หวางเฟย ท่านอ๋องฝากข้อความมาบอกว่า วันนี้จักไปที่หอหลงเฟิ่งเพื่อรับประทานอาหารกับเพื่อนร่วมงาน จะไม่มารับสำรับที่จวน จึงไม่ให้หวางเฟยรั้งรอพะยะค่ะ"
หยุนชางพลันตกปากรับคำ ภายในใจรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก ลั่วชิงเหยียนเป็นบุคคลที่ออกไปเข้าสังคมน้อยมาก มิใช่ว่าไม่เข้าร่วม หากแต่เมื่อถูกชักชวนมาก ๆ พวกเขามักจะได้รับการปฏิเสธจากลั่วชิงเหยียน ไม่รู้ว่าผู้ที่นัดหมายคราวนี้เป็นใคร ลั่วชิงเหยียนถึงได้เต็มใจไปเข้าร่วมด้วยได้
ลั่วชิงเหยียนมิได้กลับมานั้น. หยุนชางจึงรับสำรับเร็วกว่าปกติ พลางอยู่ในห้องอ่านตำรา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง