หยุนชางรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก "หากแต่กองกำลังของป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์ของหลิ่วจิ้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทั้งสามคน แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะเอาไปได้ หากแต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายตามอำเภอใจได้ นางจักทำเช่นไร ?"
ลั่วชิงเหยียนเมื่อดื่มน้ำซุปเสร็จ จึงแย้มยิ้มออกมาว่า "นางมิได้คิดจะเคลื่อนย้ายกองกำลังองครักษ์ นางคิดว่า หากพวกเราไม่สามารถเคลื่อนกองกำลังองครักษ์ได้ ทุกอย่างก็จะสูญเปล่า"
"หากแต่นางคาดการณ์ผิดไป ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมีแผนรับมือกับนางเช่นนี้ " แม้ว่าน้ำเสียงจะหยุดชะงักไปบ้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองลั่วชิงเหยียนนั้น "ฝ่าบาทคงจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะนำป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์มาไว้ในมือท่าน ทำไมถึงได้โดนองค์หญิงใหญ่หลอกล่อให้ไปอยู่ในมือนางได้เล่า ? วันนั้นมิใช่พวกเราก็พูดไปแล้วหรือ ฝ่าบาทดูเหมือนจะโปรดปรานทั้งหยุนกุ้ยเฟยและองค์หญิงเชียนหลิงมากไป หากแต่ภายในใจกลับคิดแผนการรับมือไว้ก่อนหน้าแล้ว หากเป็นเช่นนั้น องค์หญิงใหญ่จึงใช้หยุนกุ้ยเฟยและลูกเป็นเหยื่อล้องั้นหรือ ทำไมฝ่าบาทถึงมิได้ป้องกันไว้ ?"
มือของลั่วชิงเหยียนที่ถือถ้วยซุปพลันชะงักไป ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกว่า"ตอนนี้พวกเรามิรู้ว่า คืนนั้นเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นมาบ้าง ผู้คนในตำหนักหยุนชีล้วนแต่ไม่มีผู้ใดมีชีวิตรอดแม้แต่คนเดียว ข้ารับใช้ล้วนถูกฆ่าตายลงในดาบเดียวด้วยคนคนเดียว ร่องลอยทุกอย่างล้วนแต่สะอาดหมดจด"
หยุนชางขบริมฝีปากไปมา หากเซี่ยหวนอวี่ผู้นี้ตกเข้าไปในแผนการขององค์หญิงใหญ่แล้ว แลจะดูแปลก ๆ ไปกระมัง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามขึ้นมาว่า "ข้าสามารถเข้าวังได้หรือไม่ ?"
ลั่วชิงเหยียนพลันส่ายหัว "เกรงว่ายามนี้จะยังไม่ได้ เจ้าสงบจิตสงบใจรออยู่ที่จวนเถิด ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้แล้ว ข้าจักพาเจ้าเข้าไป"
หยุนชางรับรู้ได้ว่าลั่วชิงเหยียนต้องการปกป้องนาง เกรงว่าองค์ใหญ่จะลงมือกับนางได้ ภายในใจซาบซึ้งไม่น้อย พร้อมยิ้มออกมาว่า "ท่านอ๋องต้องการให้หม่อมฉันเป็นสตรีว่านอนสอนง่าย หม่อมฉันเข้าใจว่าท่านต้องการให้หม่อมฉันปลอดภัย องค์หญิงใหญ่จับตัวฝ่าบาทไปได้ เป้าหมายต่อไปที่ต้องกำจัดทิ้งย่อมต้องเป็นท่านอ๋องหรืออ๋องเจ็ด. ข้าจึงเป็นเหยื่อล่อที่ดีที่สุดที่จะใช้จับท่าน หากแต่ ท่านอ๋องเพคะ ตอนนี้ก็มิรู้ว่าองค์หญิงใหญ่อยู่ที่ใดแล้ว หากข้าสามารถใช้วิธีนี้ล่อนางออกมาได้ ก็คงไม่แย่นัก"
ลั่วชิงเหยียนแม้มิได้พูดอันใดออกมา ทว่าส่ายหัวปฏิเสธท่าเดียว "ต้องการล่อลวงองค์หญิงใหญ่ออกมา มีหลายวิธีเลยทีเดียว ข้าไม่ให้เจ้าต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเป็นแน่"
หยุนชางเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรู้ว่าไม่สามารถหว่านล้อมอันใดได้แล้ว จึงมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก เมื่อเห็นถ้วยซุปของลั่วชิงเหยียนที่ว่างเปล่าวางอยู่บนโต๊ะ จึงรีบร้อนกล่าวว่า "ท่านอ๋องยุ่งวุ่นวายมาทั้งคืนแล้ว ไปนอนพักผ่อนบนตั่งสักครู่เถิด"
ลั่วชิงเหยียนพลันนำมือโอบไปที่ไหล่ของหยุนชาง พร้อมถอนหายใจออกมาเล็กน้อยว่า "มิต้องหรอก ข้ากลับมาเพียงแค่ต้องการมาดูเจ้าเท่านั้น วันนี้จักต้องเข้าไปตรวจสอบทั้งในและนอกตำหนักหยุนชีอีกสักรอบ ข้าจักต้องรีบเข้าวังแล้ว"
หยุนชางมิคาดคิดว่าลั่วชิงเหยียนจะต้องเข้าไปในวังเร็วถึงเพียงนี้ จึงตกตะลึงไปชั่วครู่ แล้วจึงรีบร้อนพูดออกมาว่า "อากาศเย็นไปหน่อย ท่านอ๋องสวมใส่อาภรณ์ให้หนาสักนิด " เมื่อพูดจบจึงเดินเข้าไปในห้อง พร้อมหยิบค้นเสื้อผ้าในหีบออกมาตัวแล้วตัวเล่า จึงหยิบชุดเสื้อคลุมตัวยาวมาให้ลั่วชิงเหยียนได้สวมใส่ อีกทั้งยังมีเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวหนาคลุมทับเข้าไปอีกด้วย พร้อมกล่าวว่า "ถึงแม้ว่าท่านอ๋องจะยุ่งเพียงใด ก็ต้องหาเวลาพักผ่อนบ้างนะเพคะ หม่อมฉันว่านอนพักสักหน่อยจะดีกว่า"
ลั่วชิงเหยียนพลันรับคำ พร้อมออกคำสั่งกำชับหยุนชางว่า อย่าได้กังวลมากไป แล้วจึงออกจากจวน
เมื่อลั่วชิงเหยียนออกไปแล้ว หยุนชางจึงเดินเข้าไปในห้องตำรา เพียงมิถึงหนึ่งชั่วยาม พลันได้ยินน้ำเสียงที่รีบร้อนขององครักษ์เงาวิ่งเข้ามารายงานว่า "รายงานหวางเฟย เกิดเรื่องกับท่านอ๋องแล้วพะยะค่ะ"
หยุนชางที่กำลังดูแผนที่อยู่นั้น เมื่อได้ยินองครักษ์เงาพูดขึ้นมาเช่นนี้ จึงรีบเงยหน้าขึ้นมาด้วยลำคอแห้งผาดว่า "เจ้าพูดเรื่องอะไร ? เกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋อง ? เป็นเรื่องอะไร ? มิใช่ว่ามีองครักษ์เงาคอยติดตามอยู่หรือ จะเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร ?"
องครักษ์เงาพลันรีบร้อนตอบว่า "เป็นคำสั่งของท่านอ๋องที่บอกว่าไม่ต้องการองครักษ์เงาติดตามมากไปพะยะค่ะ ท่านอ๋องกล่าวว่า ในพระราชวัง การป้องกันล้วนแต่หนาแน่น มิต้องใช้องค์รักษ์เงามากมาย จึงสั่งให้องครักษ์เงาที่อยู่ข้างกายทั้งสิบสองนายลดเหลือเพียงสองนายเท่านั้น พร้อมสั่งให้องครักษ์เงามาส่งข่าวให้ที่จวน เมื่อท่านอ๋องเดินทางมาถึงทางแยกเหวินอู๋นั้น สองข้างทางพลันมีชายชุดดำโผล่เข้ามา องครักษ์เงาทั้งสองจึงช่วยกันปกป้องท่านอ๋อง ทว่าท่านอ๋องกลับสั่งด้วยน้ำเสียงทุ้ม ๆกับองครักษ์เงาอีกคนหนึ่งให้ลอบมาส่งข่าวที่จวน คนทั้งสามล้วนแต่ต่อสู้กับชายชุดดำไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ท่านอ๋องก็ถูกจับตัวไปแล้ว"
หยุนชางพลันบีบแผนที่ในมือโดยไม่รู้ตัว แผนที่มีรอยยับเล็กน้อยเท่านั้น เพียงครู่หนึ่ง หยุนชางพลันคลายออก พร้อมกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา ลั่วชิงเหยียนสั่งนางมิให้ไปเป็นเหยื่อล่อต่อองค์หญิงใหญ่ ทว่ากลับเป็นเขาที่เต็มใจไปเอง เมื่อได้ยินองครักษ์เงากล่าวว่าลั่วชิงเหยียนทิ้งองครักษ์เงาไว้ที่จวนแล้ว หยุนชางจึงรู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร
องครักษ์เงาที่ลอบมองหยุนชางอยู่นั้น ใบหน้าพลันปรากฏแววตาร้อนรนเล็กน้อย "หวางเฟย. ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดีพะยะค่ะ ?"
"ทำเช่นไรงั้นหรือ ? " หยุนชางพลันลุกขึ้นยืน พร้อมสั่งให้เฉี่ยนจั๋วนำเสื้อคลุมขนสัตว์มาคลุมให้นาง "ข้าจักเข้าวัง"
องครักษ์เงาเห็นหยุนชางเช่นนั้น ใบหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย "เข้าวัง ? ทว่า ท่านอ๋อง"
หยุนชางจึงรู้ได้ว่าเขาอยากจะพูดว่าคำสั่งของท่านอ๋องที่ไม่ให้นางเข้าวังนั้น หยุนชางพลันยิ้มอย่างเย็นชาออกมา "ตอนนี้ท่านอ๋องถูกจับตัวไปแล้ว ผู้ใดจะสนใจชายาตัวเล็ก ๆ อย่างข้ากัน เตรียมรถม้า. ข้าจักเข้าวัง"
หากแต่ใบหน้าของหยุนชางในตอนนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงได้ แม้แต่องครักษ์เงายังมิกล้าขัดคำสั่งนาง จึงรีบร้อนไปจัดเตรียมรถม้า พร้อมทั้งเตรียมอารักขาการป้องกันจากองครักษ์เงาไว้ด้วย พร้อมส่งหยุนชางออกนอกประตูจวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง