หยุนชางหลับตาลงแล้วพยักหน้า นางเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้รับรู้ความคิดของพวกคนในปกครองที่ชอบประจบสอพลอ เหอะ พอเกิดเรื่องขึ้นกับฮ่องเต้ ก็พากันร้อนใจขึ้นมาทันที เกรงว่าประตูจวนอ๋องเจ็ดจะถูกพังทลายด้วยน้ำมือของคนพวกนี้ ไม่รู้เลยว่า ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ อ๋องเจ็ดจะตัดสินใจเช่นไร"
เฉี่ยนจั๋วเมื่อได้ยินหยุนชางพูดถึงอ๋องเจ็ดขึ้นมา จึงนึกขึ้นมาได้ว่าช่วงนี้ตนก็ได้ฟังข่าวเกี่ยวกับอ๋องเจ็ดมาเช่นเดียวกัน "หม่อมฉันได้ยินมาว่า ตอนนี้ท่านอ๋องเจ็ดได้กลายเป็นผู้ดูแลชิดใกล้คนไข้ไปเสียแล้ว วันๆก็เอาแต่ขลุกอยู่แต่ในวัง แม้ยามกลางค่ำกลางคืนก็บรรทมในตำหนักหารือด้วยล่ะเพคะ"
"ผู้ดูแลชิดใกล้คนไข้?" หยุนชางแสยะยิ้ม นางรู้สึกนับถือท่านอ๋องที่หน้าตาอ่อนโยนเรียบร้อยผู้นี้จริงๆ "ช่างชาญฉลาดยิ่งนัก ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว การกระทำเช่นนี้ของเขาทั้งทำให้ชาวบ้านยกย่องสรรเสริญในเรื่องความกตัญญู แถมยังได้มีโอกาสศึกษากิจการงานในวังอีกด้วย หากมีข่าวร้ายเกิดขึ้น เขาคงจะได้สวมฉลองพระองค์สีเหลืองทองขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ คนในวังแต่ละคน ไม่มีใครใสซื่อเลยจริงๆ"
เมื่อเฉี่ยนจั๋วได้ฟังแล้ว นางก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที "อย่างที่พระชายาได้ตรัสมา หากฮ่องเต้ทรงเป็นอะไรไป จะไม่เป็นการเปิดโอกาสให้กับท่านอ๋องเจ็ดหรอกหรือเพคะ?"
"ฮ่องเต้ไม่เป็นอะไรหรอก" หยุนชางพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ "หากองค์หญิงใหญ่ทรงสังหารฮ่องเต้ นางก็ไม่มีเหตุผลมาสนับสนุนให้นางได้ขึ้นเป็นจักรพรรดินีอยู่ดี สตรีที่ฉลาดหลักแหลมอย่างเช่นองค์หญิงใหญ่ คงไม่ทำการโดยปราศจากการไตร่ตรอง นางคงทำได้แค่นั่งบัญชาการหลังม่านไม้ไผ่จึงจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน แม้จะไม่ได้รับเกียรติยศอันสูงสุด แต่คงพอจะบรรลุความตั้งใจของนางได้"
"แล้วเราจะนั่งดูเฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้ท่านอ๋องเจ็ดเฝ้าอยู่ในวังเช่นนี้หรือเพคะ?" เฉี่ยนจั๋วตั้งคำถาม
หยุนชางหาได้รู้สึกร้อนใจไม่ นางยิ้มและพูดว่า "เขาอยากจะเฝ้าอยู่แต่ในวังก็ปล่อยให้เขาเฝ้าไปเถอะ ครานี้เขาจะไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย ดูเขาอยากจะประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดดมากเกินไป ฮ่องเต้ทรงพระปรีชา พระองค์คงกำลังคอยเฝ้าดูว่าอ๋องเจ็ดคิดจะทำการเช่นใด แล้วก็จะค่อยๆเกิดความรู้สึกแง่ลบต่ออ๋องเจ็ด นั่นแหละ คือสิ่งตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับอ๋องเจ็ด" หยุนชางยิ้มอย่างมีเลศนัย นัยน์ตากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง "บางที การอยู่เฉยๆก็เป็นแผนการที่ดีที่สุด"
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกัน เฉี่ยนหลิ่วก็นำเสื้อผ้ากลับเข้ามาในห้อง ที่หอไม่มีเสื้อผ้าผู้ชายที่มีขนาดเหมาะกับพระชายาเลยเพคะ พี่เฉียนสุ่ยก็เลยสั่งคนแก้ไขเสื้อผ้าชุดนี้ขึ้นมา พระชายาลองสวมดูสิเพคะ"
หยุนชางพยักหน้า นางลุกขึ้นมาลองสวมเสื้อผ้าที่เฉี่ยนหลิ่วเตรียมให้ เฉี่ยนหลิ่วช่วยนางผูกเอว "สวมได้พอเหมาะพอดี พระชายาสวมชุดผู้ชายแล้วดูเหมือนคุณชายผู้สุภาพอ่อนโยนเลยเพคะ แต่ครั้งก่อนตอนที่พี่เฉี่ยนอินเกิดเรื่อง มีคนจับได้เรื่องที่พระชายาสวมใส่เสื้อผ้าผู้ชาย ครั้งนี้เห็นทีว่าจะต้องใช้วิชาแปลงโฉมควบคู่กันไปด้วยแล้วเพคะ"
หยุนชางเห็นด้วย เฉี่ยนหลิ่วจึงเรียกสายลับมาแปลงโฉมให้กับหยุนชาง ทำให้หยุนชางดูแนบเนียนได้มากที่สุด
ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว หยุนชางพาเฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วที่ได้รับการแปลงโฉมมาแล้วออกไปนอกเมือง พวกนางมุ่งหน้าไปยังป่าแห่งหนึ่งทางชานเมืองฝั่งตะวันตก
เดิมที หยุนชางคิดว่าเมื่อมาถึงในป่าแล้วจะมีกองทหารอวี้หลินคอยตั้งแถวเรียงราย แต่กลับไม่เป็นไปตามคาด ในป่าแห่งนั้นกลับมีคนมารอหยุนชางเพียงแค่ 4 คน
หลิวหมิงในตอนแรกก็จำพวกนางไม่ได้ จนกระทั่งหยุนชางได้นำป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์ออกมาให้ดู หลิวหมิงถึงกับอ้าปากค้างแล้วพูดอย่างตะกุกตะกัก "ท่าน...ท่านก็คือพระชายารุ่ยอ๋อง? ทำไม ทำไมถึงได้......"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง