ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 600

"แม่นางหลิ่วทราบหรือไม่ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องเจ็ดนั้น เป็นฝีมือของผู้ใด?" ฉินยีหาได้ใส่ใจการวิงวอนของหลิ่วฉูฉู่ไม่ นางยังคงตั้งคำถามต่อไป

หลิ่วฉูฉู่ส่ายหน้า "เช้าวันที่ข้าแต่งงาน ข้าหนีออกมานอกจวนโดยอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังชุลมุน สาวใช้คนสนิทของข้าขึ้นไปบนเกี้ยวแต่งงานแทนข้า ข้ากลัวถูกคนจับได้ จึงหลบอยู่ในห้องเล็กๆแห่งหนึ่ง จนกระทั่งได้เวลาส่งอาหารเช้าในเช้าวันถัดมา สาวใช้อีกคนก็ได้มาบอกข้าว่าเกิดเรื่องขึ้นที่จวนอ๋องเจ็ด ทำให้ข้ายิ่งไม่กล้าออกมาข้างนอก สุดท้ายแล้ว ก็มาถูกพวกเจ้าจับตัวมาที่นี่"

หยุนชางเห็นว่าถึงจะถามต่อไปก็คงไม่ได้สาระอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี นางจึงส่ายหน้าให้ฉินยี ทำสัญญาณมือส่งให้เฉี่ยนจั๋วดู ให้พวกนางนำตัวหลิ่วฉูฉู่ออกไปได้

เมื่อหลิ่วฉูฉู่ถูกนำตัวออกไปแล้ว หยุนชางก็หันมาพูดกับลั่วชิงเหยียน "ท่านอ๋องคิดเห็นอย่างไรเพคะ?"

ลั่วชิงเหยียนหัวเราะออกมา "ให้พูดต่อไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่รู้ว่าที่นางพูดมาจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน"

หยุนชางรู้สึกว่าคำให้การของหลิ่วฉูฉู่เหมือนจะยังแอบซ่อนเงื่อนงำบางอย่างเอาไว้ นางไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า "หม่อมฉันจะสั่งให้สายลับลองไปสอบปากคำเพิ่มเติมดูก็แล้วกันนะเพคะ"

ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า "หากสอบปากคำแล้วไม่ได้อะไรกลับมา ก็ให้คนพานางไปส่งที่จวนเถอะ ให้คนคอยจับตาดูไว้ ไม่แน่ว่าตอนนั้นเราอาจจะได้เบาะแสเพิ่มเติมก็เป็นได้"

หยุนชางตกปากรับคำ

งานเฉลิมฉลองในพระราชวังมีขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากเป็นงานเลี้ยงที่เป็นทางการ การแต่งกายจะต้องมีกฎระเบียบเคร่งครัด หยุนชางตื่นแต่เช้าและให้ฉินยีช่วยนางแต่งตัวและทำผม นางสวมใส่ชุดพระชายาเต็มยศ และแต่งหน้าอย่างพิถีพิถัน

เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว หยุนชางก็นั่งรออย่างสง่างาม เมื่อลั่วชิงเหยียนได้เห็นนางก็จ้องมองนางตาไม่กะพริบ เขามองเครื่องประดับบนศีรษะของหยุนชาง "ดูท่าทางเครื่องประดับของเจ้าคงจะหนักมิใช่น้อย เจ้าทนไหวหรือไม่?"

หยุนชางยิ้มอย่างฝืนๆ "ก็ทำเอาหม่อมฉันเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกันเพคะ แต่ก็ยังพอทนไหว พิธีทางการในวังหลวงก็มิได้มีบ่อยๆ อดทนสักครู่ประเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้วล่ะเพคะ"

ลั่วชิงเหยียนกำลังจะพูดต่อ แต่ก็มิได้พูดอะไรออกมา เขาเห็นว่าใกล้จะได้เวลาแล้ว จึงประคองหยุนชางเดินไปขึ้นรถม้า มุ่งหน้าสู่วังหลวง

หน้าประตูวังมีรถม้าจอดอยู่เต็มไปหมด ผู้คนเดินกันขวักไขว่ หยุนชางตามลั่วชิงเหยียนเข้าไปในวัง พวกเขาเดินขึ้นไปบนบันไดที่ทอดขั้นยาวเหยียด มีจุดหมายเป็นตำหนักไท่จี๋ หยุนชางกวาดสายตามองดูรอบๆตำหนักไท่จี๋ นางทำความเข้าใจรูปแบบการจัดงานในวันนี้ ที่นั่งของพระสนมและนางในชั้นสูงรวมไปถึงองค์หญิงองค์ชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตั้งอยู่ที่ฝั่งซ้ายของตำหนัก ในวังคงออกคำสั่งให้พระสนมและนางในชั้นสูงทุกคนมาเข้าร่วมงาน คนกลุ่มนี้จึงมากันหลายสิบคน ทางฝั่งขวาของตำหนัก เป็นที่นั่งสำหรับขุนนางและผู้ติดตาม โดยมีการจัดเรียงที่นั่งไปตามยศตำแหน่ง

หยุนชางมองไปยังที่นั่งของเหล่าพระสนมและนางในชั้นสูง ตอนนี้หยุนกุ้ยเฟยได้หายตัวไป เสิ่นซู่เฟยถูกกักบริเวณ ที่นั่งของเหล่าพระสนมหลักจึงว่างอยู่หลายที่ ผู้ที่นั่งอยู่ตำแหน่งนี้เป็นคนแรก ก็คือหนิงเชียนนั่นเอง

หยุนชางขมวดคิ้ว หาสาเหตุไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเช่นนี้

ที่นั่งอำมาตย์แถวแรกเป็นที่นั่งของรุ่ยอ๋อง ตามด้วยอ๋องเจ็ด ซูฉี และฮวากั๋วกงตามลำดับ

ที่นั่งตำแหน่งสูงสุดยังไม่มีผู้ใดมา บรรยากาศภายในตำหนักยังคงมีความครึกครื้น มีเสียงพูดคุยกันแว่วสะท้อนอยู่ภายในตำหนัก หยุนชางมองดูแล้ว จำนวนของคนที่มาร่วมงานในวันนี้มีไม่น้อยเลย ผู้คนมักจะคอยมองมาที่ลั่วชิงเหยียนอยู่บ่อยครั้ง แต่เนื่องจากลั่วชิงเหยียนมีสีหน้าเย็นชา จึงไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาสนทนากับเขา

หยุนชางและฮวาอวี้ถงประสานสายตากันและส่งยิ้มทักทายกันและกัน ฮวาอวี้ถงดูท่าทางตื่นเต้น นางกำผ้าในมือแน่นเสียจนยับยู่ยี่ ใบหน้าก็ขาวซีดด้วยความประหม่า

หยุนชางมองไปยังอ๋องเจ็ดที่ยืนอยู่ข้างๆฮวาอวี้ถง เขามีท่าทางเหมือนเพิ่งฟื้นไข้ สีหน้ายังคงซีดอยู่เล็กน้อย

ทันใดนั้นเอง ก็มีขันทีเดินเข้ามาภายในตำหนัก พวกเขาแยกกันยืนเป็น 2 แถว หยุนชางเห็นการจัดแถวเช่นนี้แล้วก็รู้ในทันทีว่าฮ่องเต้และฮองเฮากำลังจะเสด็จมา นางจึงหยุดสังเกตผู้คนแล้วมองตรงไปไม่ให้สายตาว่อกแว่ก

"ฮ่องเต้เสด็จแล้ว ฮองเฮาเสด็จแล้ว......" เสียงขันทีตะโกนเข้ามาจากนอกประตูตำหนัก เมื่อเสียงนั้นสิ้นสุดลงแล้ว ขันทีที่ประจำการอยู่ภายในตำหนักก็ตะโกนรับช่วงต่อในทันที "ฮ่องเต้เสด็จแล้ว ฮองเฮาเสด็จแล้ว......"

ทุกคนในตำหนักรีบลุกขึ้นยืนแล้วคุกเข่าลง "ถวายบังคมฮ่องเต้ ถวายบังคมฮองเฮา"

ทั้งฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จพระราชดำเนินผ่านแผ่นพื้นที่ทำมาจากหยก หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงที่น่าเกรงขามพูดขึ้นต่อหน้าทุกคน "ลุกขึ้นได้"

ทุกคนกล่าวขอบพระทัยฮ่องเต้แล้วลุกขึ้นยืน แต่ละคนเข้าประจำที่ของตนเอง

เซี่ยหวนอวี่กวาดสายตาทอดพระเนตรผู้คนที่มาร่วมงาน ในตำหนักเงียบกริบไม่มีเสียงพูดคุย เซี่ยหวนอวี่ได้เอ่ยขึ้นมาว่า "วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า เชิญทุกท่านตามสบาย ฮองเฮาทรงจัดเตรียมกิจกรรมต่างๆเอาไว้มากมาย วันส่งท้ายปีเก่าเป็นวันที่ทุกท่านจะได้มารวมตัวกันพร้อมหน้า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา พวกท่านทำงานเพื่อบ้านเมืองมากันอย่างเหน็ดเหนื่อย ข้าขอดื่มฉลองให้กับทุกท่าน ขอให้สนุกกันให้เต็มที่"

เซี่ยหวนอวี่ยกแก้วสุราขึ้นมาจากโต๊ะอาหาร เขาสบตาผู้มาร่วมงาน ทุกคนยกแก้วขึ้นมาแล้วยกดื่มจนหมดในคราเดียว

"ฮองเฮา เริ่มได้เลย" เซี่ยหวนอวี่หันไปทอดพระเนตรฮองเฮา ฮองเฮาแย้มพระสรวล แล้วหันไปพยักหน้าให้กับนางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างๆ นางกำนัลก็ได้นำแท่งไม้สีเหลืองทองเคาะไปยังระฆังที่อยู่ข้างๆ

โคมไฟภายในตำหนักค่อยๆดับไปทีละดวง เหลือไว้แต่เพียงโคมไฟดวงที่อยู่ตรงกลางสุด จากนั้นเสียงดนตรีก็ได้บรรเลงขึ้นมา หญิงงามในชุดสีแดงสดก็ค่อยๆเดินเข้ามาแล้วทำการร่ายรำประกอบดนตรี

งานเฉลิมฉลองในพระราชวังก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ หยุนชางรู้สึกเบื่อหน่าย นางไม่อยากรับชมการแสดง สายตาของนางจับจ้องไปยังบริเวณที่นั่งของเหล่าสนมและนางในชั้นสูง

ฮุ่ยไฉเหรินนั่งอยู่ตำแหน่งหลัง ใบหน้าของนางขาวซีด

หยุนชางเข้าใจดี คงเป็นดังเช่นที่ลั่วชิงเหยียนได้กล่าวไว้ว่านางมีอาการแพ้ท้องรุนแรง อาหารงานเลี้ยงในวังก็มีแต่เนื้อแต่ปลา แล้วยิ่งต้องไปนั่งอยู่กับกลุ่มพระสนมและนางในชั้นสูงแล้ว กลิ่นน้ำปรุงของแต่ละนางคงจะตลบอบอวล คงทำให้นางรู้สึกคลื่นไส้ แต่ผู้คนกำลังให้ความสนใจกับการแสดง หามีผู้ใดสังเกตนางไม่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง