หยุนชางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางจ้องไปที่ลั่วชิงเหยียนเป็นเวลานานและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา นางเดินไปด้านหลังลั่วชิงเหยียนแล้วกอดเขาพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า " เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าห้องนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความน้อยใจนะ?"
ลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะขึ้นมา และกล่าวด้วยเสียงเบาๆ ว่า "ใช่สิ ใช่ไหม?"
หยุนชางยิ้มและปล่อยมือที่กอดลั่วชิงเหยียนไว้ออก แล้วเดินไปนั่งข้างๆ เขา " ก่อนหน้านี้ฮองเฮาเรียกตัวข้าเข้าวัง ข้าคิดว่าเจ้าเห็นว่าไม่มีใครในลานบ้านแล้วจะถามพ่อบ้านเสียอีก"
"ฮองเฮา?" ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาหันกลับมามองหยุนชาง "ฮองเฮาเรียกตัวเจ้าเพื่อการใด? นางทำอะไรให้เจ้าลำบากใจหรือไม่?"
หยุนชางส่ายหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เปล่าหรอก แค่ถามเรื่องฮุ่ยจาวอี๋เมื่อวานนี้ ข้าโยนทุกอย่างให้ฝ่าบาทไปแล้ว ฉะนั้นนางจึงไม่มีกระไรจะพูด
ลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนี้จึงยิ้ม "ถือว่าเจ้าฉลาด แต่หากต่อไปนางเรียกตัวเข้าวังอีก ก็ส่งคนมาแจ้งข้า มิเช่นนั้นข้าจะเป็นห่วง"
หยุนชางตอบรับด้วยรอยยิ้ม และลั่วชิงเหยียนจึงพูดขึ้นอีกกว่า "ว่าแต่ อีกสิบกว่าวันจะเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของฝ่าบาทแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นแคว้นอื่นๆ จะส่งท่านทูตมาที่เมืองจิ่นเพื่อแสดงความยินดี เดาสิว่าแคว้นหนิงส่งใครมา?"
หยุนชางเอียงศีรษะและคิดอยู่ครู่หนึ่ง " คงเป็นหลิวฉีเหยียนกระมั้ง ตอนนี้เขาเป็นบุคคลสำคัญในแคว้นเซี่ย อีกทั้งยังเป็นพี่ชายของฮองเฮา หากว่าส่งเขามาจะเหมาะสมกว่า"
ลั่วชิงเหยียนแต่ส่ายหัวและยิ้มอย่างลึกลับ กล่าวด้วยความมีเล่ศนัยว่า "มิใช่ มิใช่"
หยุนชางมองดูเขาทำท่าทีได้ใจ จึงตบไปที่ไหล่ของเขาอย่างห้ามและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "นิสัย คงมิใช่เสด็จพ่อของข้ากระมั้ง?"
"ไม่ใช่ แต่เจ้าจะโปรดปรานคนที่มาอย่างมาก" ลั่วชิงเหยียนยิ้มแหละกล่าวว่า "เสด็จพี่ส่งตัวเซียวหย่วนซานมา"
ดวงตาของหยุนชางเป็นประกายทันที แต่ก็สับสนเล็กน้อย "ท่านตาหรือ? แต่ท่านตาลาออกจากราชการและอยู่อย่างสันโดษแล้วมิใช่หรือ? อีกทั้งเฉลิมพระชนมพรรษาของฝ่าบาทถือได้ว่าเป็นงานอลังการ เป็นงานใหญ่ เสด็จพ่อจะส่งท่านตามาได้อย่างไร?"
ลั่วชิงเหยียนเอาหัวของหยุนชางมาพิงที่หน้าอกของตน และกล่าวเบาๆ "เจ้ายังไม่ทราบหรือ? เสด็จพี่ออกพระราชโองการให้ท่านตาของเจ้ากลับมารับราชการในตำแหน่งมหาราชครู รับผิดชอบในการสอนองค์ชายเฉินซี"
หยุนชางดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ " ดีเลย ดีมาก เดิมทีข้าคิดว่าจะให้หลิวฉีเหยียนเป็นอาจารย์ของเฉินซีเสียอีก แต่ไม่คาดคิดว่าเสด็จพ่อจะเชิญท่านตากลับมา เช่นนี้ย่อมดีที่สุด เฉินซีมีท่านตาคอยสั่งสอน อนาคตจะต้องเป็นจักรพรรดิที่ดีอย่างแน่นอน"
ลั่วชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและยิ้ม " ถ้าข้าจำไม่ผิด ตอนนี้เฉินซีน่าจะอายุหนึ่งขวบกว่าใช่หรือไม่ เจ้าแน่ใจขนาดนั้นเลยหรือว่าเขาจะได้ครองบัลลังก์?"
หยุนชางนั่งตัวตรงด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจอย่างยิ่งที่มุมปากของนาง "ข้ารู้ เว้นแต่เฉินซีจะไม่เต็มใจ นั่งบนบัลลังก์นั้นเอง มิเช่นนั้นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่ของแคว้นหนิง ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน"
ลั่วชิงเหยียนยิ้มแต่ไม่พูดกระไรเป็นเวลานาน หยุนชางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเล่าเรื่องที่ฮวาอวี้ถงกล่าวในวันนี้ให้ลั่วชิงเหยียนฟัง "วันนี้อวี้ถงมาที่จวน นางกล่าวว่าเช้านี้อ๋องเจ็ดได้เรียกแม่ทัพเฝิงหมิงเข้าพบ"
"เฝิงหมิง?" ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้ว หันไปมองหยุนชาง "เฝิงหมิงประจำการอยู่ที่หวยซีที่อยู่ตรงข้ามเมืองคังหยางมิใช่หรือ? เขาจะปรากฏตัวที่จวนอ๋องเจ็ดได้อย่างไร"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง