"นี่ย่อมเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทต้องการ ข้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทบานปลายกับซูฉีย่อมทำให้เรื่องนี้จบลงไปอย่างครึ่งๆ กลางๆ ฝ่าบาทเพียงกล่าวว่าให้กองกำลังอวี้หลินอยู่ที่เมืองจิ่นต่อไปดังที่เคยเป็นมา เมืองจิ่นเป็นเมืองหลวง อย่างไรก็ไม่อาจระดมพลเพียงเพราะทหารรักษาชายแดนไม่เพียงพอจากนั้นจึงบอกว่าพวกเราทะเลาะวิวาทกันในท้องพระโรงและตำหนิพวกเราอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงสั่งให้พวกเราไม่ต้องมาร่วมว่าราชการอีกในช่วงนี้และกลับไปพิจารณาตนเองที่จวน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หากมีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเกรงว่าจะต้องคิดให้รอบคอบ" ลั่วชิงเหยียนยิ้มบางๆ พลางโน้มตัวลงไปอุ้มหยุนชางและเดินไปที่เตียงทีละก้าว
เมื่อหยุนชางได้ฟังลั่วชิงเหยียนกล่าวเช่นนั้นจึงได้วางใจลง คิดไปแล้วก็น่ายินดีนัก "ข้าเพิ่งบอกฉินยีว่าเรามาอยู่ที่แคว้นเซี่ยนานแล้ว ฝ่าบาทประทานที่นาให้เราก็หลายที่แต่เรากลับไม่เคยไปมาก่อนเลย ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่เคยรู้ มิสู้ถือโอกาสนี้ไปเยี่ยมชมและพักผ่อนหย่อนใจเสียหน่อย"
เมื่อลั่วชิงเหยียนเห็นท่าทีคาดหวังของหยุนชางย่อมไม่อาจขัดใจ เขาครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงกล่าวว่า "จะไปย่อมไปได้ แต่ท่านราชครูเซียวยังอยู่ในจวน เขาเป็นทูตหากไม่อยู่ที่เมืองจิ่นก็ไม่เหมาะนัก อีกไม่นานก็จะถึงวันพระราชพิธีหมื่นพรรษาแล้ว เกรงว่าข้าคงจะพักผ่อนได้ไม่กี่วัน พวกเราต้องรีบไปรีบกลับ อย่างมากก็พักที่นั่นหนึ่งวันก็ต้องกลับแล้ว"
หยุนชางพยักหน้าเบาๆ "เช่นนั้นพรุ่งนี้ก็ไปที่นั่นแต่เช้าเถอะ"
ลั่วชิงเหยียนเพิ่งวางหยุนชางลงบนเตียงและถอดรองเท้าให้นางก็ได้ยินเสียงข้ารับใช้ที่อยู่ด้านนอกดังขึ้น "ท่านอ๋อง ท่านราชครูเซียวเชิญท่านอ๋องไปที่ศาลาริมสระขอรับ"
ลั่วชิงเหยียนชะงักไปแล้วจึงถอนหายใจและยืดตัวขึ้น มองหยุนชางที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และเอื้อมมือไปแตะปลายจมูกของนางอย่างช่วยไม่ได้ "เกรงว่าราชครูเซียวคงจะได้รับข่าวแล้ว ข้าจะไปคุยกับเขาเสียหน่อย หากเจ้าง่วงก็พักผ่อนเถอะ ไม่ต้องรอข้า"
หยุนชางพยักหน้าและมองดูลั่วชิงเหยียนเดินออกจากห้องไป ครู่หนึ่งจึงเรียก "ฉินยี..."
ม่านประตูถูกแหวกออก เสียงลูกปัดกระทบกันดังขึ้น ฉินยีเดินเข้ามาจากข้างนอกหยุดนิ่งอยู่ที่ข้างเตียง "พระชายามีอะไรหรือเพคะ?"
หยุนชางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า "ส่งคนไปแจ้งข่าวที่หยวนซานจวงว่าข้าและท่านอ๋องจะไปถึงวันพรุ่งนี้"
ฉินยีพยักหน้าและหยุนชางเงียบอยู่นานก่อนที่จะเอ่ยว่า "เจ้าส่งคนไปสืบที่วังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างประชุมขุนนางในวันนี้เป็นอย่างไรกันแน่..." นางหยุดไปนิดหนึ่งแล้วจึงกำชับอีกว่า "อย่าถามหวังหว่านจือ แต่สืบมายิ่งละเอียดยิ่งดี"
ลั่วชิงเหยียนเล่าเพียงผิวเผิน เพียงหยุนชางไม่อาจเชื่อได้จริงๆ ด้วยนิสัยของลั่วชิงเหยียนแล้ว เขาไม่มีทางเอะอะโวยวายจนทำให้เซี่ยหวนอวี่ออกคำสั่งให้เขาไม่ต้องเข้าร่วมประชุมขุนนาง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในขณะที่หยุนชางกำลังสะลึมสะลือก็รู้สึกได้ว่าที่นอนอีกด้านยุบลงไปเล็กน้อย หยุนชางลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียก็เห็นใบหน้าของลั่วชิงเหยียนปรากฏอยู่ด้านหน้า ราวกับกำลังยิ้มให้นาง หยุนชางจึงยิ้มบางๆ และเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาก่อนที่จะหลับไปอีกครั้ง
หยุนชางถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยลั่วชิงเหยียน ในขณะที่ยังสะลึมสะลืออยู่นั้น นางก็ได้ยินเสียงของลั่วชิงเหยียนดังอยู่ข้างหู "ชางเอ๋อร์ ตื่น มีข้อความส่งมาจากวังบอกว่าเซียงกุ้ยผินถูกพิษกำลังตกอยู่ในอันตราย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง