ดูเหมือนว่าหนิงเฉี่ยนจะหงุดหงิดเล็กน้อย นางยืนขึ้นและเดินวนไปมาในห้องโถงเป็นเวลานาน แล้วจึงพูดอีกครั้งว่า "หรือให้ข้าทูลฝ่าบาทว่า ไม่ค่อยสบายตัวนัก อีกทั้งในตำหนักเซียงจู๋ยังมีคนตั้งครรภ์อยู่อีกสองคน ให้ปิดตำหนักเซียงจู๋เอาไว้ ห้ามให้ใครเข้าออก?"
หยุนชางยิ้ม "ถ้าหากว่าเรื่องที่เจ้าตั้งครรภ์เป็นเรื่องหลอก แสดงว่ามีคนวางเส้นสายไว้รอบตัวเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่รู้สึกตัว เช่นนั้นแม้จะปิดตำหนักเซียงจู๋ไปก็ไม่มีประโยชน์อันใดหรอก"
หนิงเฉี่ยนถอนหายใจเบา ๆ ดูเหมือนหดหู่ใจแล้วนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
ทั้งสองเงียบอยู่นาน จากนั้นหยุนชางก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า "ตอนนี้ไม่มีทางอื่นแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงรอ รอดูว่าการเต้นของชีพจรเจ้าจริงหรือหลอก ระหว่างนี้เจ้าก็คิดดีๆ หากว่าเป็นเรื่องหลอก ใครเป็นผู้น่าสงสัยที่จะลงมือกับเจ้ามากที่สุด"
หนิงเฉี่ยนไม่มีทางเลือกอื่น ดังนั้นนางจึงพยักหน้าตอบรับเอาไว้
หยุนชางยืนขึ้น ครุ่นคิดเกี่ยวกับมันและพูดด้วยเสียงเบากับหนิงเฉี่ยนว่า "ข้าจะกลับไปเตรียมของให้เจ้า แล้วให้ฉินยีนำเข้ามาส่งให้เจ้าที่วัง เจ้าโรยมันลงบนตัวของคนที่เจ้าสงสัย เมื่อถึงเวลาข้าจะทราบเองว่าคนนั้นมีพิรุธกระไรหรือไม่"
หนิงเฉี่ยนตอบรับแล้วลุกขึ้นยืน และส่งหยุนชางออกจากตำหนักในไป หนิงเฉี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวต่อหยุนชางเบาๆ ว่า " เมื่อคืนข้าได้ยินมีคนมารายงานกับฝ่าบาท กล่าวว่าดูเหมือนว่ามีเบาะแสขององค์หญิงใหญ่ มีองค์หญิงใหญ่อาจจะอยู่แถวๆ เมืองจิ่น เพียงแต่นางซ่อนตัวอยู่"
นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินคำว่าองค์หญิงใหญ่ หยุนชางอมยิ้มแล้วกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ข้าก็สงสัยแล้ว เกรงว่านางคงไม่ยอมจากเมืองจิ่นไปหรอก คนเยี่ยงองค์หญิงใหญ่หลงใหลในอำนาจยิ่งกว่าทุกสิ่งอย่าง ตราบใดที่บัลลังก์นั่นอยู่ตรงนั้น นางก็ไม่ไปไหนไหลอย่างแน่นอน แต่นางก็ถือว่าเป็นคนใจกล้า หากฝ่าบาทจับตัวนางได้ เกรงว่านางคงมีจุดจบที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก"
หนิงเฉี่ยนพยักหน้า " แต่ทว่าก่อนหน้านี้แผนขององค์หญิงใหญ่แทบจะถูกพระชายาทำลายจนสิ้น ข้ากังวลว่านางฉวยโอกาสแก้แค้นพระชายา ตอนนี้พระชายาทรงตั้งครรภ์อยู่ ฉะนั้นต้องระวังอย่างมาก"
หยุนชางตอบด้วยเสียงเบาๆ แล้วจึงหันหลังเดินออกจากตำหนักเซียงจู๋ไป
หยุนชางเดินไปถึงอุทยานหลวงแล้วหยุดลง แววตาของนางเต็มไปด้วยความครุ่นคิดเล็กน้อย หากว่าอยากให้การเต้นของชีพจรเป็นเหมือนเป็นชีพจรของสตรีตั้งครรภ์นั้นมิยาก แต่จำเป็นต้องลงมือกับสิ่งของที่ต้องกินเข้าไป หนิงเฉี่ยนมิใช่คนที่ประมาท ตำหนักเซียงจู๋เป็นพื้นที่ของนาง แน่นอนว่านางไม่ปล่อยให้ตนตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน อีกทั้งนางทราบดีว่าตัวตนของนางค่อนข้างพิเศษ เช่นนั้นนางไม่กล้าชะล่าใจอย่างแน่นอน และคนที่คอยรับใช้อยู่ข้างๆ ต่างก็เป็นคนที่เชื่อใจได้ ส่วนเรื่องความภักดีและความสามารถของหนิงเฉี่ยนนั้น หยุนชางไม่มีทางสงสัยอย่างแน่นอน
สายตาของหยุนชางมืดมนเล็กน้อย นางเม้มปากและจ้องมองไปที่ดอกบ๊วยในอุทยานหลวงอย่างเงียบๆ หากว่าหนิงเฉี่ยนเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังปล่อยให้คนอื่นได้ประโยชน์จากช่องโหว่ได้ แสดงว่าไม่ควรประมาทต่อฝีมือของอีกฝ่ายแล้วล่ะ
หยุนชางติดอยู่ในความคิดของตน แต่ฉินยีมองเห็นคนที่เดินมาจากไกลๆ นางเร่งก้าวเข้าไปใกล้หยุนชางอย่างรวดเร็ว และกล่าวเบาๆ ว่า " พระชายาเพคะ ฝ่าบาทเสด็จเพคะ"
หยุนชางจึงรู้สึกตัว แล้วเงยหน้ามองไปทางด้านหน้า แล้วพบว่าเซี่ยหวนอวี่ยังคงสวมชุดราชสำนักอยู่ ด้านหลังพระองค์ตามมาด้วยหลิวเหวินอันและเหล่านางกำนัลพร้อมขันที หยุนชางพยายามจะเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ แต่เซี่ยหวนอวี่มองมาที่นางแล้ว หยุนชางจึงหยุดเดินและในที่สุดก็พาฉินยีเดินก้าวเข้าไป
"หม่อมฉันน้อมถวายบังคมต่อฝ่าบาทเพคะ" หยุนชางถวายบังคมต่อเซี่ยหวนอวี่
แววตาของเซี่ยหวนอวี่ค่อย ๆ จับจ้องไปที่หยุนชาง แล้วพยักหน้าเบาๆ "ยืนขึ้นเถิด"
หยุนชางยืนขึ้น เซี่ยหวนอวี่ได้ละสายตาออกจากนางไปแล้ว "เจ้าเพิ่งออกมาจากตำหนักเซียงจู๋หรือ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง