หยุนชางเอนหลังพิงเบาะและเงียบไปนานแล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ "ตั้งแต่เรื่องเฝิงหมิงไปถึงเรื่องเสียนฮูหยินจนถึงเรื่องการทำสงครามระหว่างแคว้นเย้หลาง จนกระทั่งเรื่องที่หนิงเฉี่ยนตั้งครรภ์ ชิงเหยียนข้ารู้สึกว่ามีคนตั้งใจวางแผนนี้เอาไว้ และมุ่งเป้ามาที่เรา"
ลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนี้ จึงยิ้มและโอบไหล่ของหยุนชางไว้ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ที่แท้แล้วเจ้ายังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อยู่นี่เอง เจ้ามิต้องกังวล ข้าส่งคนไปสืบแล้ว และข้าจะไม่ให้พวกเขาได้ฉวยโอกาสใดๆ ไปอย่างแน่นอน"
หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ หยุดอีกครั้งแล้วกล่าวว่า " ฝ่าบาทสืบเรื่ององค์หญิงใหญ่อยู่ตลอดใช่หรือไม่? หนิงเฉี่ยนได้ยินคนมารายงานเช่นนี้กับฝ่าบาทโดยบังเอิญ โดยกล่าวว่าองค์หญิงใหญ่อยู่แถวๆ เมืองจิ่น"
ดวงตาของลั่วชิงเหยียนเผยประกายด้วยความอาฆาตออกมา รอยยิ้มของเขาเยือกเย็นลง " อืม ข้ารู้สึกมาเสมอว่านางไม่ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนไกลหรอก แต่นางก็ซ่อนตัวได้เก่งจริง ตอนนี้เรามีกองกำลังอยู่ในเมืองจิ่นไม่น้อย แต่ไม่คาดคิดว่าก็ยังไม่พบตัวนาง ถือว่านางก็มีความสามารถเช่นกัน"
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวพร้อมยิ้ม "แน่นอนว่านางมีความสามารถ คนคนหนึ่งสามารถเสแสร้งได้นานขนาดนั้นโดยไม่ให้คนอื่นๆ พบความโลภในอำนาจของตัวเองได้ แค่นี้ก็เป็นสิ่งที่เก่งกาจอย่างมากแล้ว"
เช้าของวันที่สอง หยุนชางและเซียวหย่วนซานรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน และพวกเขาก็อธิบายแผนการเดินทางของพวกเขาแล้วปล่อยให้ฉินยีรออยู่ที่จวน จากนั้นก็ย้ายเฉี่ยนจั๋วมารับใช้พวกเขา และเดินทางไปบ้านพักที่นาพร้อมพวกเขา
บ้านพักที่นาหยวนซานจวงอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองจิ่น ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมง ไม่ไกลเท่าไหร่นัก และฉินยีเป็นคนละเอียดอ่อน นางได้ปูผ้าสำลีหนาๆ ไว้บนรถม้าแล้ว และคลุมด้วยผ้าขนสุนัขจิ้งจอกที่อ่อนนุ่ม เวลานั่งนั่นสบายอย่างมาก หยุนชางจึงหลับไปตลอดทางและเดินทางไปถึงหยวนซานจวงก่อนเที่ยง
ลั่วชิงเหยียนพยุงหยุนชางลงจากรถม้า แต่เขาขมวดคิ้วเบาๆ แววตาของเขามักมเหลือบไปมองข้างหลังเป็นครั้งคราว หยุนชางสงสัยจึงหันไปมองลั่วชิงเหยียน "เกิดอะไรขึ้น มีคนตามหลังเรามาหรือ?"
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบา ๆ และพูดพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา " ตามเรามาตลอดทางแล้ว ข้าคิดอยู่ตลอดทางว่าจะส่งสายลับไปจัดการดีหรือไม่"
หยุนชางฟังความไม่พอใจของลั่วชิงเหยียนจากคำพูดของเขาออก นางจึงอมยิ้มและกล่าวว่า "หากพวกเขายินดีที่จะสะกดรอยตามเราก็ปล่อยพวกเขาเถิด เมื่อวานนี้เจ้าเพิ่งจะทะเลาะกับซูฉีไปและฝ่าบาททรงสั่งไม่ให้เจ้าเข้าร่วมการว่าราชการ และวันนี้เจ้าก็ออกจากเมืองและเดินทางมาบ้านพักที่นา แน่นอนว่าต้องมีคนคิดมาก และรู้สึกว่าฝ่าบาทคงจะมอบหมายภารกิจลับมาให้เจ้า..."
ลั่วชิงเหยียนเม้มปากเมื่อได้ยินหยุนชางกล่าวเช่นนี้ เขาหันไปมองหยุนชาง "เจ้ารู้สึกว่ามิจำเป็นต้องไปสนใจหรือ?"
หยุนชางยิ้ม "จะไปสนใจพวกเขาทำไม หากว่าให้สายลับสังหารพวกเขา เช่นนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็คงจะคาดเดาต่างๆ นาๆ ไปมากกว่านี้ และตัดสินใจว่าเราเป็นดั่งที่เขาคิดไว้ เช่นนี้สู้ปล่อยพวกเขาไว้ดีกว่า ถึงอย่างไรเรามาที่นี่ก็เพื่อพักผ่อน เรามาอย่างโจ่งแจ้งไม่ลับๆ ล่อๆ จะเที่ยวเล่นอย่างไรก็เที่ยวเล่นไปตามเดิม เมื่อเป็นเช่นนี้กลับจะทำให้พวกเขาสับสน เช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ?"
ลั่วชิงเหยียนฟังดูน้ำเสียงของหยุนชางเต็มไปด้วยความกลั่นแกล้ง เขาก็หัวเราะออกมาเช่นกันแล้วลูบผมของหยุนชาง เขาอมยิ้ม "ตามใจชางเอ๋อร์"
ผู้คนที่อยู่บ้านพักที่นามารอหน้าประตูนานแล้ว และเมื่อเห็นรถม้าของจวนรุ่ยอ๋องเดินทางมาแต่ไกล พวกเขาก็คุกเข่าลงและคารวะ " น้อมถวายพระพรท่านรุ่ยอ๋องและพระชายา"
ลั่วชิงเหยียนพยุงหยุนชางเดินเข้าไป เขาเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ สีหน้าของเขาเฉยเมยและเย็นชาเล็กน้อย "ลุกขึ้นเถิด"
ทุกคนที่คุกเข่าอยู่ยืนขึ้น คนที่อยู่ข้างหน้าสุดก็คือพ่อบ้านของหยวนซานจวง ก่อนที่จะมาพ่อบ้านได้แนะนำต่อหยุนชางอย่างละเอียดแล้ว พ่อบ้านที่ชื่อมีนามสกุลว่าหลิว เป็นคนที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้
แม้ว่าพ่อบ้านหลิวจะรายงานเรื่องการงานที่จวนรุ่ยอ๋องอยู่เป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่คนที่เขาเข้าพบมักจะเป็นพ่อบ้าน และนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบรุ่นอ๋องและพระชายารุ่ยอ๋อง เขากังวลเล็กน้อยและโน้มตัวลงกล่าวด้วยความเคารพว่า "ท่านอ๋องขอรับ พระชายาขอรับ ข้าน้อยได้ทำความสะอาดลานบ้านตามคำสั่งของพ่อบ้านแล้วขอรับ และอาหารกลางวันก็เตรียมพร้อมแล้ว ท่านอ๋องและพระชายาจะรับประทานอาหารเที่ยงก่อนหรือว่าจะไปดูลานบ้านที่อยู่อาศัยก่อนขอรับ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง