หยุนชางกระตุกยิ้มมุมปาก การปกปิดตัวตนเป็นเรื่องที่องค์หญิงใหญ่เชี่ยวชาญเป็นที่สุด นางแม้แต่สามารถปลอมตัวเป็นยายแก่ขอทานนั่งอยู่ที่หน้าจวนรุ่ยอ๋องได้นานขนาดนั้น เรื่องติดต่อกับองค์ชายเจ็ดย่อมไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรเสียหยุนชางและลั่วชิงเหยียนก็ยังไม่มีวิธีที่จะจับตาดูการเคลื่อนไหวขององค์ชายเจ็ดได้ไปเสียทั้งหมด
องค์ชายเจ็ด องค์หญิงใหญ่ เสิ่นซู่เฟย... หัวใจของหยุนชางสั่นไหวเบาๆ บางทีอาจจะต้องรวมชางเจียชิงซูที่อยู่ไกลถึงแคว้นเย้หลางเข้าไปด้วย... พวกเขาคิดจะทำการสิ่งใดกันแน่?
ราวกับเห็นสายตาฉายแววข้องใจของหยุนชาง ลั่วชิงเหยียนจึงหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วจูบลงบนหน้าผากของหยุนชาง "จุดมุ่งหมายของพวกเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือข้า"
หยุนชางตัวสั่นสะท้าน นางเงยหน้าขึ้นมองลั่วชิงเหยียน
"บางทีอาจเป็นเพราะในศึกชิงบัลลังก์ครั้งนี้ ข้าเป็นผู้เดียวที่มาจากที่อื่น" ลั่วชิงเหยียนสงบอย่างน่าประหลาด ทำให้จิตใจของหยุนชางค่อยๆ พลอยสงบลงไปด้วย
ผู้มาจากที่อื่น
ใช่แล้ว ภายในเหล่าราชนิกุลของแคว้นเซี่ยย่อมมีการแก่งแย่งชิงดี แต่ระหว่างพวกเขาก็ยังมีการถ่วงดุลอำนาจอยู่ แต่การปรากฏตัวของลั่วชิงเหยียนเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
อีกทั้งการปรากฏตัวของเขานั้นยังเป็นการก้าวเข้าสู่วังวนการแก่งแย่งนี้จึงทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมมือกันและต้องกำจัดลั่วชิงเหยียนให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม
หัวใจหยุนชางรู้สึกบีบคั้น สายตาของนางที่มองไปยังลั่วชิงเหยียนแฝงไปด้วยแววรักใคร่เจือสงสารเห็นใจอันยากจะอธิบาย
ทว่าลั่วชิงเหยียนกลับยิ้มบางๆ แล้วลูบหลังนางเบาๆ น้ำเสียงแฝงแววขบขันเล็กน้อย "หรือว่าชางเอ๋อร์ถูกทำให้กลัวเสียแล้วหรือ?"
หยุนชางฟังน้ำเสียงอันราบเรียบไร้แววตระหนกของเขาแล้วจึงค่อยๆ สงบลง นางกลอกตาแล้วจึงหัวเราะขึ้น รอยยิ้มของนางสดใสราวกับดอกโบตั๋นที่แย้มบานอย่างเงียบเชียบ เมื่อตกอยู่ในสายตาของลั่วชิงเหยียนก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกทึ่งเป็นอย่างมาก
"มีอะไรให้กลัวหรือ? มีท่านอยู่ที่นี่มิใช่หรือ?" หยุนชางซุกตัวเข้าอิงแอบแนบชิดภายในอ้อมอกของเขา
ลั่วชิงเหยียนอึ้งไปพลางยิ้มกว้าง "ใช่แล้ว มีสิ่งใดต้องกลัวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันตรงนี้"
ผ่านไปครู่ใหญ่หยุนชางจึงเงยหน้าขึ้นมองลั่วชิงเหยียนอยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ "ลั่วชิงเหยียน ข้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว กำลังแฝงที่เรามีอยู่ ทั้งหมดเตรียมการเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้พวกเราร่วมมือกันลุกขึ้นสังหารพวกเขาให้สิ้นซากดีหรือไม่?"
ลั่วชิงเหยียนมองดูสายตาแน่วแน่ของหยุนชางที่จับจ้องมายังเขา ดวงตาหม่นท่ามกลางม่านบนเตียงที่ถูกปิดก็พลันเปล่งประกายสดใส ในใจของเขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่น เขาโอบหยุนชางเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้งแล้วจึงรับคำ "ตกลง"
หยุนชางยิ้มจนตาหยีแล้วจึงเอนกายลงงีบหลับไปในอ้อมกอดของลั่วชิงเหยียน
ฉินยีเป็นผู้ที่รักษาเวลายิ่งนัก นางเข้ามาปลุกหยุนชางหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามจริงๆ หยุนชางมองไปยังลั่วชิงเหยียนที่ยังอยู่บนเตียงแล้วยิ้มขึ้น "น้อยนักที่ยามตื่นแล้วข้าจะเห็นท่านนอนหลับอยู่บนเตียง"
ลั่วชิงเหยียนหันมามองหยุนชาง รอยยิ้มของเขาเปล่งประกายสดใส "ข้ายังต้องนอนไปอีกสองเดือน" น้ำเสียงของเขาเจือแววจนปัญญา
หยุนชางลุกขึ้นแล้วจึงปิดม่านลงและเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง อาจเป็นเพราะเฉี่ยนจั๋วได้ยินเสียงของหยุนชางจึงได้เดินเข้ามา "พระชายา ศพของหยุนกุ้ยเฟยถูนำไปที่พระราชวังแล้วเพคะ ได้ยินว่าฝ่าบาทให้ใต้เท้ากรมอาญาหลายท่านร่วมกันพิสูจน์ศพ พระชายา หม่อมฉันกลัว..."
"กลัวอะไร พวกเราไม่ได้วางยานางเสียหน่อย" หยุนชางกล่าวอย่างราบเรียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง