ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 687

หยุนชางเงียบไปสักพัก นางลืมนึกถึงจุดนี้ไปเสียสนิท ผู้ที่มาซื้อสินค้าร้านใดร้านหนึ่งอยู่เป็นประจำ ย่อมเกิดความคุ้นเคยกับร้านนั้น จนกลายเป็นความเคยชินในที่สุดนั่นเอง

เมื่อเคยชินแล้ว ก็คงจะเปลี่ยนแปลงได้ยาก

"แล้วเจ้าพอจะมีหนทางแก้ปัญหานี้หรือไม่?" หยุนชางหันไปมองเฉี่ยนอิน แล้วเอ่ยถามนางเบาๆ

เฉี่ยนอินครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วจึงตอบกลับไปว่า "หนทาง......หม่อมฉันคิดออกแค่เพียงหนทางเดียวเพคะ ก่อนหน้านี้หอเฉียนสุ่ยอี้เหรินได้ชี้ชัดว่าร้านค้าของคนตระกูลหวังจำหน่ายสินค้าคุณภาพแย่ใช่หรือไม่เพคะ? หม่อมฉันคิดว่าเราลองทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของร้านค้าตระกูลหวัง หลังจากนั้น พวกเราจึงจะได้รับโอกาสเพคะ"

หยุนชางส่ายหน้า "หวังฉงเหวินได้ร่วมมือกันกับอ๋องเจ็ดแล้ว หวังฉงเหวินกำลังสันนิษฐานว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของข้า ด้วยเหตุนี้ เขาคงจะรู้ว่าร้านค้าของคนตระกูลเซียวก็เป็นฝีมือของข้าเหมือนกัน หากเขาแว้งกัดพวกเราขึ้นมา ในเมืองจิ่นแห่งนี้พวกเราก็มิได้มีพวกพ้องมากมาย เกรงว่าจะพากันตกที่นั่งลำบากน่ะสิ"

เฉี่ยนอินพยักหน้าแล้วนิ่งเงียบไปสักพัก ทันใดนั้น นางก็ยิ้มขึ้นมาแล้วพูดว่า "พระชายาเพคะ หลายวันมานี้หม่อมฉันได้ลองไปเดินสำรวจในตลาดมา ในเมืองจิ่นแห่งนี้มีพ่อค้าใหญ่ที่มักจะไปๆมาๆระหว่างสองแคว้นเพื่อทำการค้าขาย สถานการณ์ของแคว้นเย้หลางในตอนนี้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านทางแถบชายแดน พวกเขาต่างแสดงความไม่พอใจ และอีกไม่นานฮ่องเต้ก็จะทรงส่งกองทัพไปต่อกร ช่วงนี้ ทางกองทัพกำลังจัดเตรียมเสบียงกันอยู่ หม่อมฉันคิดว่า บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสของเรานะเพคะ"

แววตาของหยุนชางพลันเปล่งประกายขึ้นมาในทันที นางเงยหน้าขึ้นมามองเฉี่ยนอิน "ไหนเจ้าลองว่ามาซิ"

"หม่อมฉันคิดว่า เรามาสร้างชื่อเสียงให้กับร้านค้าตระกูลเซียว ด้วยการบริจาคอาหารเพื่อใช้เป็นเสบียง ภายใต้แนวคิดรักชาติ แล้วหาจังหวะในขณะที่ชาวบ้านกำลังยกย่องชื่นชมร้านค้าตระกูลเซียว พลิกกระดานเดินหมากให้ฝ่ายเราได้รับผลประโยชน์เพคะ" เฉี่ยนอินอธิบายด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

ยังไม่ทันที่หยุนชางจะเอ่ยคำใดออกมา ลั่วชิงเหยียนที่นั่งอยู่ข้างๆก็ปรบมือขึ้นมาในทันที "แผนการของเฉี่ยนอินช่างถูกใจข้ายิ่งนัก"

เมื่อหยุนชางได้ฟังแล้วก็ยิ้ม นางหันไปมองเฉี่ยนอิน "เช่นนั้นก็ดำเนินการตามนี้ ร้านค้าข้าวของตระกูลเซียวให้บริจาคทั้งข้าวสาร แป้ง ธัญพืช และน้ำมัน จากนั้นให้แจ้งออกไปว่าข้าวสาร แป้ง ธัญพืช และน้ำมันทั้งหมดของร้านค้าข้าวตระกูลเซียวได้ถูกนำไปบริจาคให้กับกองทัพที่กำลังจะไปออกรบที่ชายแดน จึงยังไม่มีสินค้าจำหน่ายชั่วคราว ลูกค้าสามารถไปอุดหนุนสินค้าประเภทอื่นที่ร้านค้าอื่นของตระกูลเซียวได้"

เฉี่ยนอินรับคำแล้วยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าหยุนชางไม่มีธุระอะไรกับตนแล้ว จึงได้ทูลลาออกไป

เมื่อเฉี่ยนอินเดินออกไปแล้ว ฉินยีเข้ามารินน้ำชาให้กับหยุนชาง นางยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า "หม่อมฉันคิดว่า ตั้งแต่เฉี่ยนอินได้ออกเรือนไป นางก็มีความสุขุมและรอบคอบขึ้นมาก นับเป็นเรื่องที่ดีนะเพคะ"

หยุนชางพยักหน้า "ใช่แล้วล่ะ"

ลั่วชิงเหยียนหัวเราะขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า "มีประสบการณ์แล้ว ก็ต้องเติบโตขึ้นเป็นธรรมดา"

หยุนชางไม่อยากใส่ใจคำพูดของลั่วชิงเหยียน นางลุกขึ้นยืนแล้วสั่งให้ฉินยีไปเตรียมสำรับมื้อเที่ยง เมื่อฉินยีออกไปแล้ว หยุนชางก็หันไปมองลั่วชิงเหยียน "ตอนที่หม่อมฉันไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวัง ฮองเฮาก็เสด็จมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้เช่นเดียวกัน นางทรงแนะนำให้ซูหรูไห่เป็นผู้นำกองทัพเพคะ"

ลั่วชิงเหยียนเลิกคิ้ว "ขุนพลขั้นสามคนนั้นน่ะหรือ?"

หยุนชางพยักหน้า "ท่านเคยเห็นเขามาแล้วหรือเพคะ?"

"ก็เคยเห็นน่ะสิ ถ้าให้เทียบกับพ่อและพี่สาวของเขาแล้ว ก็นับว่าเขาเป็นคนไม่มีพิษมีภัย หากให้พูดเรื่องทักษะการต่อสู้ เขาสักแต่จะใช้กำลังโดยไม่มีหลักการ หากให้พูดเรื่องไหวพริบ เขาท่องจำตำราการรบได้เป็นอย่างดี แต่กลับนำมาใช้ไม่ถูกสถานการณ์ คนแบบนี้ ฮองเฮายังทรงอยากจะให้มาอยู่ในตำแหน่งผู้นำกองทัพ เรื่องการนำทัพไปต่อกรกับแคว้นเย้หลางนั้นกำลังเป็นที่ต้องการของใครหลายๆคน มีแต่คนอยากจะครอบครองตำแหน่งผู้นำกองทัพ" ลั่วชิงเหยียนพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย

เมื่อหยุนชางได้ฟังสิ่งที่ลั่วชิงเหยียนพูด นางก็ได้ตอบกลับไปว่า "ฮองเฮาทรงยังไม่เคยสัมผัสถึงฤทธิ์เดชที่แท้จริงของชางเจียชิงซู หม่อมฉันคิดว่านางคงจะวางแผนอย่างรอบด้านแล้ว เพียงแต่ว่า นางประเมินสถานการณ์ง่ายไปนิดนะสิเพคะ"

"นางคงจะคิดว่า ในช่วงที่ชางเจียชิงซูเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ เนื่องจากเขาไม่สามารถควบคุมขุนพลที่ประจำการอยู่ตามแนวชายแดนได้ เหล่าขุนพลจึงพากันเหิมเกริมก่อเรื่องราวีราษฎรแคว้นเซี่ยที่อยู่แถบชายแดน นางคงจะคาดการณ์เอาไว้ว่า ชางเจียชิงซูจะมาเข้าร่วมพระราชพิธีหมื่นพรรษาที่เมืองจิ่น และการมาเยือนเมืองจิ่นของชางเจียชิงซูในครั้งนี้จะเป็นนิมิตหมายของการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างแคว้น ซูหรูไห่ ขอเพียงแค่ให้เขาพาทหารไปตั้งทัพที่ชายแดน ก็จะทำให้คนป่าเถื่อนแห่งแคว้นเย้หลางพากันหวาดกลัวได้ เมื่อชางเจียชิงซูยอมศิโรราบให้กับเซี่ยหวนอวี่แล้ว ซูหรูไห่ก็จะนำทัพกลับมายังเมืองจิ่นอย่างมีหน้ามีตา"

หยุนชางพูดไปก็ยิ้มไป นางนึกไปถึงสีหน้าและอาการของฮองเฮาภายหลังจากที่ได้ทรงทราบเรื่องราวที่แท้จริงแล้ว บางที การแต่งตั้งให้ซูหรูไห่เป็นผู้นำกองทัพอาจจะเป็นเรื่องที่น่าสนุกมากๆก็เป็นได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง