หยุนชางพยักหน้าเบาๆ นางยิ้มและพูดว่า "หลังจากที่เสิ่นซู่เฟยถูกส่งไปอยู่ในตำหนักเย็น หม่อมฉันก็ส่งคนไปคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของนาง พบว่ามีคนสวมชุดดำคอยลอบติดต่อนางอยู่ คนในชุดดำนั้นเป็นจอมยุทธที่เก่งกาจมาก สายลับของเราไม่อาจติดตามเขาไปได้ หม่อมฉันคิดว่า ในเมื่อเสิ่นซู่เฟยร่วมมือกับอ๋องเจ็ดแล้ว เสียนฮูหยินก็อยู่ในตำหนักเย็น การรับส่งข่าวสารจึงเป็นสิ่งจำเป็น ในเมื่ออ๋องเจ็ดตัดสินใจที่จะไปชายแดนแล้ว หม่อมฉันอยากจะจับตัวผู้ที่ทำหน้าที่รับส่งข่าวสารของเขาเอาไว้ แล้วเปลี่ยนตัวเป็นคนของเราแทนเพคะ"
ลั่วชิงเหยียนครุ่นคิด มือของเขาตบลงไปบนเก้าอี้เบาๆ สักพักหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "งั้นก็ลองทำตามที่เจ้าบอกก็แล้วกัน"
"เช่นนั้นท่านอ๋องคงต้องให้หม่อมฉันยืมสายลับฝีมือดีของท่านอ๋องแล้วล่ะเพคะ" หยุนชางมองตาลั่วชิงเหยียน
ลั่วชิงเหยียนยิ้ม "ไยเจ้าต้องพูดเช่นนี้กับข้าด้วย ทุกอย่างแล้วแต่เจ้า สายลับที่ดีที่สุดในมือข้า คอยติดตามปกป้องเจ้าอยู่ตลอดเวลาเลยนะ"
แม้หยุนชางจะยังคงยิ้มแย้มสดใส แต่นางก็มีความมุ่งมั่นในการคัดเลือกสายลับฝีมือดี นางคิดไม่ถึงเลยว่าลั่วชิงเหยียนจะเอ่ยปากกับนางเช่นนี้ นางรู้สึกราวกับมีบางอย่างมาสะกิดที่หัวใจ จนทำให้หัวใจเต้นแรง หลังจากนั้้นไม่นาน นางก็ได้เอ่ยขึ้นเบาๆว่า "เพคะ หม่อมฉันทราบแล้ว"
ระหว่างที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ฉินยีก็เดินเข้ามาภายในห้องแล้วแจ้งกับหยุนชางว่า "ซูฉีมาที่นี่เพคะ"
หยุนชางตะลึง นางลุกขึ้นยืนแล้วหันมาพูดกับลั่วชิงเหยียน "ท่านกลับไปนอนบนเตียงก่อนเถอะนะเพคะ" เมื่อพูดจบก็หันมาทางฉินยี "เขามาทำอะไร? รออยู่ที่ลานรับแขกงั้นหรือ?"
ฉินยีส่ายหน้า "สาวใช้ที่พ่อบ้านส่งไปรับรองแขกได้รายงานมาว่า ที่ซูฉีมาที่นี่ก็เพื่อขอเข้าพบนายท่านเพคะ พ่อบ้านได้พาเขาไปยังที่พักของนายท่านแล้วเพคะ"
"ท่านตา?" หยุนชางขมวดคิ้ว "เขามาหาท่านตาด้วยเหตุอันใด?" เมื่อพูดจบก็รีบสวมชุดคลุมเดินออกไปด้านนอก มุ่งหน้าไปยังเรือนรับรองที่เซียวหย่วนซานพักอยู่
เรือนรับรองของเซียวหย่วนซานอยู่ทางทิศตะวันออกของจวน เป็นสถานที่ที่มีชื่อว่าเรือนชื่ออันย่วน
หยุนชางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า นางได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาจากด้านใน ฟังดูคล้ายกับจะเป็นเสียงหัวเราะของซูฉี หยุนชางยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก แล้วจึงก้าวเดินเข้ามาด้านใน
ซูฉีและเซียวหย่วนซานนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ บนโต๊ะหินอ่อนมีกระดานหมากวางไว้ ที่แท้ สองคนนั้นก็กำลังแข่งขันกันอยู่นี่เอง พ่อบ้านและลุงจิ่วยืนอยู่ดูพวกเขาเล่นหมากอยู่ข้างๆ
หยุนชางได้ยินซูฉีเอ่ยขึ้นอย่างมีความสุขว่า "ความจริงแล้วข้าไม่ค่อยถนัดการเล่นหมากเสียเท่าไร สมัยหนุ่มๆต้องยอมรับว่าเรื่องการเล่นหมากเป็นเรื่องที่ข้าทำได้แย่ที่สุด แต่ว่าฮ่องเต้ทรงโปรด พระองค์มักจะให้ข้าไปเล่นหมากด้วยอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่ฮ่องเต้ทรงเรียกข้าไปเล่นหมาก ข้ามักจะรู้สึกหวั่นเกรงอยู่เสมอ แต่ไปๆมาๆ เมื่อเล่นหมากบ่อยครั้งขึ้น ข้าก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย"
หยุนชางเลิกคิ้ว สองคนนั้นกำลังคุยอะไรกันอยู่นะ?
ซูฉีนั่งหันหน้าให้กับประตูทางเข้า เมื่อเขาเงยหน้าก็ได้พบกับหยุนชางที่กำลังเดินเข้ามา
เซียวหย่วนซานพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา แต่หยุนชางฟังไม่ถนัด เมื่อนางเดินเข้ามาถึงตรงหน้าผู้อาวุโสทั้งสองแล้ว นางก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า "ไม่รู้ว่าไท่เว่ยจะให้เกียรติมาถึงที่นี่ได้ ข้ามิได้ออกไปต้อนรับ ขอไท่เว่ยอภัยให้ข้าด้วย"
ซูฉีไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งจองหองดังเช่นเมื่อวานนี้ แต่คำพูดคำจาของเขาก็ยังคงทำให้ผู้ฟังรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ดี "พระชายารุ่ยอ๋องหาต้องใส่พระทัยไม่ ตอนนี้รุ่ยอ๋องทรงต้องพิษบัวหิมะปุยอยู่ ท่านจะยุ่งอยู่กับการดูแลเขาก็เป็นเรื่องปกติ วันนี้หม่อมฉันได้ฟังฮ่องเต้ตรัสว่าฝีมือการเดินหมากของนายท่านเซียวนั้นหาเป็นรองผู้ใดไม่ จึงได้มาขอให้เขาช่วยชี้แนะ หม่อมฉันเพียงแค่จะเล่นหมากสัก 2 ตาเท่านั้น แล้วหม่อมฉันก็จะกลับไปแล้ว"
หยุนชางยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ "นานๆทีจะได้เห็นยอดฝีมือประลองกัน จะให้ข้าพลาดไปได้อย่างไร" พูดจบก็หันไปสั่งฉินยี "ฉินยีไปนำเก้าอี้มาให้ข้าที แล้วช่วยหยิบที่รองนั่งมาด้วยล่ะ หินอ่อนตรงนี้เย็นนัก นั่งนานไปคงไม่ดี"
เซียวหย่วนซานหัวเราะเบาๆ แล้วลงหมากไปอีก 1 ตัว
ซูฉีก็ยิ้มตามไปด้วย เขามิได้ใส่ใจอะไร แล้วก้มหน้าเล่นหมากต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง