"เมื่อวานยามข้าอยู่ที่วังได้ยินว่ามีรายงานด่วนจากชายแดน ชางเจียชิงซูเริ่มลงมือแล้วอย่างนั้นหรือ?" หยุนชางเอื้อมมือไปหยิบหมาก นางคีบหมากพลางมองดูลั่วชิงเหยียนวางหมาก
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆ และตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก "ได้ยินมาว่ารองแม่ทัพของแม่ทัพปาจาแห่งเย้หลางหายตัวไป บอกว่ามีชาวบ้านเห็นว่าทหารของแคว้นเซี่ยลักพาตัวเขาไปจึงได้มาท้ารบและมาเรียกร้องให้ค้นเมืองหลิงซี แม่ทัพหลิงซีไม่ยอมจึงได้เกิดการปะทะกัน"
"ข้ออ้างชัดๆ" หยุนชางแค่นเสียง "ท่านอ๋องเจ็ดกับซูหรูไห่ไปถึงไหนแล้ว?"
"อีกราวสี่ห้าวันจึงจะถึงเมืองหลิงซี"
หยุนชางขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้นมองลั่วชิงเหยียน "หรือว่าท่านอ๋องเจ็ดคิดจะนำกองทัพใหญ่ไปที่หลิงซี?"
"ตาเจ้าวางหมากแล้ว" ลั่วชิงเหยียนเคาะหน้าผากของหยุนชางด้วยรอยยิ้ม "เขาอยากทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น พวกเราไม่ต้องสนใจ"
ลั่วชิงเหยียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ
หยุนชางพยักหน้าและเดินหมากต่ออย่างเงียบเชียบอยู่ชั่วครู่ก็พลันเอ่ยขึ้น "ยังไม่มีเบาะแสของหลิ่วหยินเฟิงหรือ?"
ลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นและมองหยุนชางด้วยใบหน้ากึ่งบึ้งกึ่งยิ้ม ไม่นานก็กล่าวว่า "หรือว่าเจ้าสนใจเขา? เหตุใดจึงได้ใส่ใจเขาเช่นนี้?"
หยุนชางถลึงตามองลั่วชิงเหยียน เขาจึงได้ยิ้มและพูดว่า "เขาอยู่ในกองทัพ"
หยุนชางตกตะลึง "ฝีมือของท่านอ๋องเจ็ดหรือ?"
"มิฉะนั้นจะเป็นใครได้อีก?" ลั่วชิงเหยียนยิ้มหยัน
ทั้งสองรับประทานอาหารกลางวัน หลังจากงีบหลับครู่หนึ่ง หยุนชางก็เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เป็นทางการเข้าวัง เมื่อมีเซี่ยหวนอวี่อยู่จึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับงานเลี้ยง
เหล่าผู้คนเฉลิมฉลองให้แก่เซี่ยหวนอวี่เสร็จแล้วก็เริ่มฟังเพลงและดูนางรำร่ายรำท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก แต่หยุนชางกลับเห็นนางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน นางมองไปรอบๆ ตำหนักแล้วเดินมาที่ข้างกายของหยุนชาง
หยุนชางเห็นว่านางกำนัลผู้นั้นค่อนข้างแปลกหน้าก็ขมวดคิ้ว แต่กลับได้ยินนางกล่าวว่า "พระชายา เมื่อครู่ข้ารับใช้ของจวนหวังมารายงานว่าจวนรุ่ยอ๋องเกิดเรื่องขึ้นแล้ว"
หยุนชางได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็หายไป "เกิดอะไรขึ้น?"
อาจเป็นเพราะความรีบร้อนทำให้เสียงของนางดังขึ้นเล็กน้อย พอดีกับที่การแสดงจบลงพอดี ตำหนักตกอยู่ในความเงียบ เสียงของหยุนชางจึงได้โดดเด่นออกมาทำให้ทุกคนหันมามองนาง
เมื่อเห็นดังนี้นางกำนัลผู้นั้นก็รีบร้อนกล่าวว่า "ทูลพระชายา คนจากจวนรุ่ยอ๋องมารายงานว่าเมื่อครู่มือสังหารราวสี่ห้าร้อยคนได้บุกเข้าไปในจวนรุ่ยอ๋อง ในจวนมีคนบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย..."
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นหัวสมองของนางก็ว่างเปล่า ครู่หนึ่งจึงได้สติขึ้นและคิดในใจได้ว่าไม่มีทางเป็นอะไรแน่ ลั่วชิงเหยียนยังคงอยู่ในจวน อีกทั้งสายลับในจวนก็มีจำนวนไม่น้อยเลย เพียงแต่สีหน้าของนางยังคงซีดเผือด
ในตำหนักเงียบลง เสียงของเซี่ยหวนอวี่ดังขึ้นด้วยความพิโรธ "เกิดอะไรขึ้น? ไป เจิ้นจะไปดูเสียหน่อย"
เซี่ยหวนอวี่พูดพลางลูกออกจากบัลลังก์มังกรอย่างรวดเร็ว หยุนชางที่เพิ่งได้สติเมื่อครู่ก็รีบลุกขึ้นและลอบส่งสัญญาณให้เฉี่ยนจั๋วสั่งให้สายลับกลับจวนไปตรวจสอบดูเสียก่อนแล้วตนเองก็รีบสาวเท้าตามเซี่ยหวนอวี่ไป
เมื่อเซี่ยหวนอวี่ออกจากวังย่อมต้องพาราชองครักษ์ไปด้วยหลายร้อยคน กลุ่มคนเหล่านั้นรีบออกจากวังและมุ่งหน้าตรงไปยังจวนรุ่ยอ๋อง
ท้องฟ้ามืดสนิท ยังไม่ทันไปถึงจวนรุ่ยอ๋องก็เห็นทิศทางนั้นมีเปลวไฟจางๆ แต่ไฟนั้นดูไม่แรงนัก หยุนชางขมวดคิ้วเข้าหากัน เกรงว่าบางคนจะจุดไฟเผาเรือนในจวนไปเล็กน้อย
เมื่อมาถึงหน้าจวนรุ่ยอ๋องก็ได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรง ร่างไร้ชีวิตของคนเฝ้าประตูนอนอยู่หน้าประตู เลือดไหลรินไปทั่ว...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง