ด้านข้างมีคนนั่งยองๆ ลงไปดูศพแล้ว เขาตรวจดูศพชายผู้นั้นอย่างละเอียด เป็นรองเจ้ากรมอาญาหลี่เฉี่ยนโม่ ทุกคนต่างก็มองดูความเคลื่อนไหวของเขา ครู่ใหญ่จึงลุกขึ้นยืนและประสานมือคารวะเซี่ยหวนอวี่
"ฝ่าบาท แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่ได้มีฝีมือเท่าเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพเหล่านั้นแต่ก็สามารถตรวจดูได้อย่างคร่าวๆ ชายคนนี้สูงราวแปดฉื่อ อายุราวยี่สิบเจ็ดถึงสามสิบปี รูปร่างพอดี คงจะเป็นคนที่ฝึกวรยุทธ์มานาน"
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองหลี่เฉี่ยนโม่พลางคิดในใจว่าทั้งส่วนสูงและอายุต่างก็สอดคล้องกับลั่วชิงเหยียน
หลี่เฉี่ยนโม่พูดจบก็กวาดสายตามองไปที่เอวของแล้วจึงจับจ้องไม่ขยับเขยื้อน หยุนชางมองตามสายตาของหลี่เฉี่ยนโม่ไปก็เห็นว่าที่เอวนั้นมีหยกแขวนสีขาว
สายตาของหยุนชางจ้องไปที่หยกนั้นนิ่ง ร่างกายของนางสั่นเบาๆ มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่น ครู่ใหญ่จึงได้เปิดปากเอ่ยขึ้นอย่างเนิบช้าด้วยเสียงแหบแห้ง "นี่เป็นหยกแขวนที่ท่านอ๋องพกติดตัวตลอด"
ในลานเงียบสงัดลงโดยพลัน หยุนชางหลับตาลงช้าๆ น้ำตาที่คลอเบ้าอยู่ไหลลงมาเป็นสาย
หลี่เฉี่ยนโม่เหลือบมองหยุนชางแล้วจึงเดินเข้าไปสำรวจท่ามกลางซากปรักหักพังนั้นแล้วจึงเดินออกมาอีกครั้ง "ฝ่าบาท ไฟนี้ เกรงว่าจะไหม้มากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว ไม่มีกลิ่นน้ำมันตุง ไม่มีน้ำมัน เพียงแต่ส่วนประกอบในห้องล้วนเป็นไม้จึงลุกไหม้ได้อย่างรวดเร็วเป็นสาเหตุให้เรือนถล่มลงมา เพียงแต่น่าประหลาดนัก ตามหลักแล้วเมื่อไม่มีน้ำมันและในห้องก็มีเพียงผ้าและไม้ที่ติดไฟง่าย ของทั้งหมดต่างก็ไม่ได้ถูกเผาไหม้จนเสียรูป นั่นหมายความว่าแรงไฟไม่ได้รุนแรงนัก มีเพียงศพสามศพนี้เท่านั้นที่ไหม้อย่างรุนแรง
ไม่มีน้ำมัน...
หยุนชางเปลือกตากระตุกเล็กน้อย ไม่มีน้ำมัน หลี่เฉี่ยนโม่พูดคำนี้สองครั้ง ไม่มีน้ำมัน ไม่ต้องกังวล หลี่เฉี่ยนโม่ต้องการบอกใบ้นางหรือ?
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองหลี่เฉี่ยนโม่ก็เห็นว่าเขามองดูเซี่ยหวนอวี่อยู่ตลอดเวลา แต่ยามที่หยุนชางมองเขาก็เห็นว่าเขาพยักหน้าเล็กน้อยจนแทบไม่อาจสังเกตเห็น
หยุนชางตกตะลึง จากนั้นจึงก้าวเท้าเข้าไปในซากเรือนที่ถล่มลงมานั้น เฉี่ยนจั๋วและฉินยีรีบก้าวเท้าตามเข้าไปเพราะกลัวว่านางจะหกล้ม หยุนชางก้าวข้ามสิ่งกีดกวางไปอย่างระมัดระวัง ในห้องเป็นดังที่หลี่เฉี่ยนโม่กล่าวไว้จริงๆ เสื้อผ้าและเครื่องเรือนที่เป็นไม้ต่างก็ถูกเผาไหม้จนดำ แต่ของสิ่งอื่นกลับไม่ได้ถูกเผาอย่างสมบูรณ์
หยุนชางสำรวจของทุกชิ้นโดยละเอียด ครู่ใหญ่จึงเดินกลับออกไป สายตาของนางมองไปยังศพและไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา มือที่กำแน่นภายใต้แขนเสื้อก็ค่อยๆ คลายออก นางดึงฉินยีไว้
ฉินยีหันมามองหยุนชางด้วยความกังวล ไม่นานจึงเอ่ยขึ้นว่า "พระชายา สีหน้าของท่านช่างดูขาวซีดนัก ตอนนี้ท่านก็ตั้งครรภ์ โปรดถนอมพระวรกายด้วยเพคะ"
เซี่ยหวนอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับมามองหยุนชางและเห็นว่านางเป็นดังที่ฉินยีพูดจริงๆ สีหน้าของนางขาวซีดจนน่าตกใจ
"พวกเจ้าพาพระชายาไปพักก่อน ทหาร ไปเรียกหมอหลวงมาสองคน" เซี่ยหวนอวี่กล่าวขึ้น
ฉินยีดึงแขนเสื้อของหยุนชาง เมื่อหยุนชางไม่มีท่าทางจะขยับเขยื้อน ฉินยีก็มุ่ยปาก ดวงตามีน้ำตาคลอเบ้าราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมา "พระชายา ท่านอย่าได้เป็นเช่นนี้เลย ในท้องของท่านยังมีลูกอยู่ หากท่านไม่พักผ่อนให้ดีเกรงว่าเด็กคนนี้ก็จะรักษาไว้ไม่รอด พระชายา นั่นเป็นลูกของท่านกับท่านอ๋องนะเพคะ..."
ดวงตาของหยุนชางกลอกไปมาเล็กน้อย นางยกมือขึ้นมาลูบท้องเบาๆ ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "ลูก" เสียงของนางมีแววสับสน
ครู่ใหญ่หยุนชางจึงได้เคลื่อนไหว นางวางมือลงบนมือของฉินยี "พักผ่อน"
ฉินยีพยักหน้ารับและประคองหยุนชางคนละข้างซ้ายขวากับเฉี่ยนจั๋ว หยุนชางออกมาจากบริเวณนั้น เซี่ยหวนอวี่มองเงาร่างของทั้งสามคนแล้วจึงสั่งให้ทหารองครักษ์ตามคุ้มครองพวกนางทั้งสามไปพักผ่อนที่เรือนใกล้ๆ
ทุกเรือนในจวนต่างก็มีกำหนดระยะเวลาทำความสะอาดไว้ ที่นี่จึงสะอาดอยู่ไม่น้อย ฉินยีจุดโคมแก้วทำให้ทั้งห้องสว่างไสวขึ้นและปิดหน้าต่างลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง