หยุนชางก้มหน้าลงอีกครั้ง และรีบแยกแยะเบาะแสอันน้อยนิดที่มีอยู่ตอนนี้ในใจอย่างรวดเร็ว หลักฐานทั้งแถบผ้าของขันทีรับใช้เซี่ยหวนอวี่ ทั้งหยกแขวน ไม่มีน้ำมัน รวมถึงเกล่องเครื่องประดับ หยุนชางเริ่มเข้าใจเล็กน้อย ลั่วชิงเหยียนกำลังสื่อสารกับนางอยู่อย่างแน่นอน เพียงแต่หยุนชางไม่ทราบว่าสิ่งที่ตนคาดเดานั้นถูกต้องหรือไม่
โดยเฉพาะแถบผ้านั่น
หยุนชางขมวดคิ้ว น้อยครั้งที่ขันทีในวังจะมาที่จวน และแม้เมื่อพวกเขามาที่จวนก็ถูกเชิญไปที่ห้องโถงรับรอง ปกติแล้วพวกเขาจะไม่ได้เข้ามาที่ลานบ้านด้านใน และภายในจวนมีคนใช้คอยทำความสะอาด อีกทั้งตำแหน่งนั้นเป็นจุดที่มองเห็นได้ง่าย เช่นนั้นแถบผ้านั้นก็คงมิได้ตกหล่น ณ ตรงนั้นมาตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน
หากเป็นเช่นนี้ แสดงว่าต้องมีขันทีในวังเคยมาที่นี่อย่างแน่นอน
เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนที่คอยสั่งการจะเป็นคนในวัง?
ส่วนลั่วชิงเหยียนไม่เป็นกระไรอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ลั่วชิงเหยียนอยู่ที่ไหนกันนะ? หยุนชางยังคงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูเป็นเหมือนกับดักเลย
ลานบ้านที่หยุนชางอยู่ตอนนี้ตั้งอยู่ข้างๆ ลานบ้านเดิม ฉะนั้นจึงได้ยินเสียงดังมาจากทางนั้นเป็นครั้งคราว ราวกับว่ามีคนจำนวนมากกำลังพูดคุยกัน
หยุนชางนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ แล้วก้มมองลายบนเสื้อผ้าของตนเป็นเวลานาน
ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่ยามแล้ว หยุนชางได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกลานบ้านอย่างแผ่วเบา เฉี่ยนจั๋วและฉินยีเร่งเดินไปยืนข้างๆ หยุนชาง แล้วมองออกไปที่ประตูด้วยแววตาที่แผดเผา หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาเห็นชายคนหนึ่งแต่งกายเป็นขันทีมาพร้อมกับชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวสองคน
"พระชายาขอรับ ฝ่าบาททรงส่งหมอหลวงมา และสั่งให้หม่อมฉันพาพวกเขามาจับชีพจรให้พระชายาขอรับ" ขันทีกล่าวเบาๆ
ดูเหมือนว่าหยุนชางจะเงยหน้าขึ้นอย่างมึนงงเล็กน้อย แล้วมองดูคนที่อยู่ตรงหน้าประตู นางเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงยื่นมือออกมา
เมื่อหมอหลวงทั้งสองเห็นเช่นนี้ จึงรีบก้าวเข้าไป แล้วหยิบผ้าออกจากกล่องยามาคลุมแขนของหยุนชางเอาไว้ จากนั้นจึงยื่นนิ้วออกมาสองนิ้วแล้ววางบนผ้านั่นเพื่อจับชีพจรของหยุนชาง
บรรยากาศภายในห้องเงียบลงทันที และไม่มีเสียงใด ๆ อยู่พักหนึ่ง
ผ่านไปอยู่นานหมอหลวงจึงยืนขึ้น แล้วเปลี่ยนคนใหม่มาจับชีพจรอีกครั้ง
ทั้งสองจับชีพจรเรียบร้อยแล้วจึงกล่าวต่อหยุนชางด้วยเสียงเบาๆ ว่า "พระวรกายของพระชายามิแข็งแรงเท่าไหร่นักขอรับ เดิมทีภาวะครรภ์ก็ไม่คงที่อยู่แล้ว ฉะนั้นพระชายาควรหลีกเลี่ยงการมีอารมณ์ขึ้นลงที่รุนแรงขอรับ มิเช่นนั้นอาจไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่นักขอรับ"
ฉินยีพูดอย่างรวดเร็วว่า " จะต้องเขียนใบสั่งยาหรือไม่?"
หมอหลวงส่ายหน้าเบา ๆ แล้วพูดว่า " ขึ้นชื่อว่าเป็นยา ย่อมมีพิษขอรับ หากว่าพระชายามิได้อารมณ์ขึ้นลงรุ่นแรงมากจนเกินไป เช่นนั้นก็ย่อมไม่เป็นกระไรขอรับ"
ฉินยีตอบรับ หมอหลวงทั้งสองคารวะต่อหยุนชาง จากนั้นก็ถอยออกไปอย่างเร่งรีบ ขันทีที่พาหมอหลวงมาก็ถอยออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ผ่านไปไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้คนที่มาคือหลิวเหวินอัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง