ฉินยีผงะไปครู่หนึ่ง หยุนชางอมยิ้มแล้วพูดต่อ " ตั้งแต่ที่เซี่ยหวนอวี่เกิดเรื่องที่ตำหนักหยุนซี ตำหนักหยุนซีก็ถูกปิด จากนั้นก็เปิดอีกครั้ง เพียงแต่ตำหนักนั้นเคยมีคนเสียชีวิตไปมากมาย จึงไม่มีใครอยากเข้าไปอาศัย จึงว่างอยู่ตลอด อึกทั้งแม้ว่าตำหนักหยุนซีเดิมเป็นตำหนักของหยุนกุ้ยเฟย แต่ก็ถือว่าอยู่ห่างไกลจากตำหนักไท่จี๋อย่างมาก ตอนนี้บรรยากาศในตำหนักเยือกเย็น อีกทั้งวันนั้นเหมยกุ้ยเหรินเกิดเรื่องที่ตำหนักหยุนซีนี่แหละ สำหรับไฉ่ยีแล้วถือเป็นการดำรงอยู่ที่พิเศษ"
"เช่นนั้นตอนนี้เราไปช่วยเฉี่ยนจั๋วออกมาจากตำหนักหยุนซีเถิด" ฉินยีได้ยินเช่นนี้จึงรีบลุกขึ้น
เมื่อหยุนชางเห็นเช่นนี้จึงดึงมือฉินยีเอาไว้ "ไม่ต้องรีบ สั่งให้สายลับไปดูที่ตำหนักหยุนซีก่อนว่าเป็นดั่งที่ข้าคิดหรือไม่ ทำเช่นนี้ประการหนึ่งเพื่อป้องกันเผื่อข้าคาดเดาผิด แล้วทำให้ศัตรูแตกตื่น แม้เราจะคาดเดาถูกแล้ว และเราพบเฉี่ยนจั๋ว แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือของไฉ่ยี ประการที่สองคือ ในเมื่อเป็นการแก้แค้นให้กับเหมยกุ้ยเหริน เป้าหมายของนางจึงไม่ใช่เฉี่ยนจั๋วอย่างแน่นอน ข้าอยากจะรอดูว่าไฉ่ยีต้องการจะทำกระไรกันแน่"
ฉินยีลังเลเล็กน้อย แม้ว่าหยุนชางจะพูดอย่างมั่นใจเช่นนี้ และนางก็เชื่อว่าหยุนชางมีความสามารถเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรเราก็มิได้อยู่ที่แคว้นหนิง อีกทั้งมิได้อยู่ในจวนรุ่ยอ๋องด้วยซ้ำ ท่านอ๋องก็ไม่อยู่ เฉี่ยนจั๋วก็ไม่อยู่ หากว่าเกิดเรื่องกระไรขึ้น แม้แต่คนที่จะคอยปกป้องพระชายาก็ไม่มี
หยุนชางมองดูสีหน้าของฉินยี จึงเข้าใจสิ่งที่นางกำลังกังวล นางอมยิ้มขึ้นมาแล้วดึงฉินยีมานั่งข้างๆตน แล้วหยุนชางจึงยิ้มและกล่าวว่า " อาจเป็นเพราะว่าสองปีที่ผ่านมานี้ท่านอ๋องปกป้องข้าได้ดีเกินไป หลายๆคนจึงลืมไปแล้วว่าข้ามิใช่คนที่อ่อนแอ อีกทั้งข้าเองก็เก่งศิลปะการต่อสู้ด้วย! ก่อนหน้านี้ที่เราอยู่แคว้นหนิง ข้าก็เป็นคนที่สามารถสู้กับฮองเฮาได้ สามารถเข้ารบในสนามรบได้เหมือนกัน"
ฉินยีหัวเราะออกมาจากที่หยุนชางกล่าวเช่นนี้ แล้วจึงถอนหายใจและกล่าวว่า " พระชายาเป็นคนที่วางแผนคิดและตัดสินใจเองได้มาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าพระชายาจะตัดสินใจอย่างไร หม่อมฉันก็จะทำตามพระชายาเพคะ"
"โอเค ข้ารู้ว่าฉินยีดีกับข้ามากที่สุดแล้ว" หยุนชางจับแขนของฉินยีแล้วอ้อนนาง จากนั้นก็หยุดชะงักแล้วเก็บอาการกลับไป นางกดเสียงต่ำลงแล้วกล่าวว่า "เจ้าช่วยข้าหาวิธีส่งสารออกจากพระราชวัง สั่งให้สายลับทั้งหมดที่อยู่นอกพระราชวังให้ไปเฝ้าอยู่นอกจวนที่ฉีอ๋องอาศัย หากว่ามีความเคลื่อนไหวที่แปลกไป ก็ลงมือได้เต็มที่เลย ส่วนกองกำลังลับที่อยู่นอกตำหนักเย็นถอยทัพให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"
ฉินยีเห็นว่าหยุนชางกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง นางจึงรีบตอบรับ นางครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วจึงถามว่า "เกิดเรื่องกระไรขึ้นหรือเพคะ?"
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอนตัวลงนอนที่เบาะนุ่ม กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า "ก่อนหน้านี้ข้าไปที่ตำหนักเย็นพร้อมฮองเฮา ข้าดูจากสีหน้าของเสิ่นซู่เฟยแล้ว นางคงทราบเรื่องที่หนิงเฉี่ยนตั้งครรภ์ ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่ฮองเฮาเอ่ยถึงเรื่องที่หนิงเฉี่ยนตั้งครรภ์ แววตาของนางไม่มีท่าทีตกตะลึงแต่อย่างใด แต่ดูจากสีหน้าแล้ว นางอาจมิทราบเรื่องที่ท่านอ๋องหายตัวไป ข้าคิดว่านางก็คงมิได้ติดต่อกับภายนอกมาหลายวันแล้ว วันนี้เราไปเยี่ยมเยือน คืนนี้มีแนวโน้มที่นางจะส่งสารออกไป"
หยุนชางขมวดคิ้วเบา ๆ และเคาะมือไปที่ข้างเบาะนุ่ม เมื่อฉินยีตอบรับแล้ว นางจึงกล่าวต่ออีกว่า "นอกจากนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ขณะที่เราไปที่ตำหนักเย็นก็มิได้พบเสียนฮูหยิน แม้ว่าเสิ่นซู่เฟยจะกล่าวว่าเสียนฮูหยินไม่สบาย จึงพักผ่อนอยู่ในห้อง แต่ข้ารู้สึกว่าเสิ่นซู่เฟยกำลังโกหก นางติดตามฮองเฮามานานหลายปี จึงรู้จักฮองเฮาเป็นอย่างดี และทราบอีกว่าด้วยเหตุที่ฮองเฮาเป็นบุตรสาวของไท่เว่ย หลังจากนั้นนางจึงค่อยๆไต่ขึ้นตำแหน่งพระราชินีได้ นางเป็นคนที่ถูกตามใจเอาใจมาตั้งแต่เด็ก แม้แต่เมื่อฮองเฮาเห็นหญ้าวัชพืชที่ตำหนักเย็น นางก็ไม่สามารถซ่อนความรังเกียจในสายตาของตนเอาไว้ได้ ฉะนั้นอย่าว่าแต่ต้องเข้าตำหนักในเพื่อเยี่ยมเสียนฮูหยินที่กำลังไม่สบายเลย"
ฉินยีแปลกใจเล็กน้อย "แต่ทว่าพระชายาทรงสั่งให้สายลับเฝ้าตำหนักเย็นไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ และเสียนฮูหยินไม่เหมือนคนที่มีวิชาการต่อสู้เท่าไหร่ หากว่าเสียนฮูหยินหายตัวไป สายลับที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็คงต้องสังเกตเห็นมิใช่หรือเพคะ?"
หยุนชางเงียบอยู่นานแล้วจึงกล่าวอย่างเฉยเมยว่า "ข้ารู้สึกเสมอว่า ตำหนักอู๋เหยียนน่าจะมีเงื่อนงำบางอย่าง ก่อนหน้านี้ข้าได้เพิ่มกำลังคนที่เฝ้าดูรอบตำหนักอู๋เหยียนแล้ว แต่เสิ่นซู่เฟยก็ยังสามารถรับข่าวสารได้ ข้าเชื่อในฝีมือของสายลับ ฉะนั้นข้าจึงรู้สึกว่าภายในตำหนักอู๋เหยียนต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติอย่างแน่นอน คนที่เสิ่นซู่เฟยห่วงใยมากที่สุดคือฉีอ๋อง ตอนนี้ฉีอ๋องอยู่ที่เมืองจิ่น ดังนั้นเสิ่นซู่เฟยต้องหาทางไปพบเขาให้ได้ อีกทั้งวันนี้ข้าและฮองเฮาไปก็ทำให้นางประหม่ามากขึ้นกว่าเดิม ก็คงเป็นคืนนี้กระมั้งที่นางจะไป ฉะนั้นแทนที่จะเฝ้าตำหนักเย็นเอาไว้และไม่ได้กระไรเลย สู้ไปหาอ๋องฉีเสียดีกว่า เรามาเฝ้าตอรอกระต่ายกันเถิด ส่วนตำหนักอู๋เหยียนข้าจะหาทางไปดูด้วยตนเองให้ได้"
ทั้งสองพูดคุยกันต่ออีกสักพัก หยุนชางก็รู้สึกง่วงขึ้นมา จึงเอนกายลงนอนที่เบาะนุ่ม
เมื่อไฉ่ยีกลับมา หยุนชางยังไม่ตื่น ไฉ่ยีเดินไปข้างๆฉินยีแล้วก้มลงมองดูกระดานปักเย็บของฉินยี แล้วยิ้มพร้อมกล่าวว่า "แม่หญิงฉินยีกำลังปักกระไรหรือ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง