"เซี่ยหวนอวี่จะทำร้ายฮูหยินหรือไม่ ข้าไม่สามารถรับประกันให้ได้ ครั้งหนึ่ง เซี่ยหวนอวี่หลงรักฮวาฮองเฮาเป็นอย่างมาก ยกนางเป็นหนึ่งเดียวในวังหลัง จากที่ข้าเดินทางมาแคว้นเซี่ยได้ครบปี การที่เขารักฮวาฮองเฮาเช่นนี้ มิใช่ว่าเป็นเพราะนางตกหน้าผาหรือหายสาบสูญ. หากแต่ ภายในใจของเซี่ยหวนอวี่นั้น มีแต่ฮวาฮองเฮาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่า หากเรื่องที่ฮวาฮองเฮาสูญเสียความทรงจำแล้วได้มาตบแต่งกับท่านพ่อของท่านแล้ว อีกทั้งยังมีบุตรด้วยกันอีกเช่นนี้ ข้าคิดว่า หากเซี่ยหวนอวี่ได้ยินเข้า อย่างไรก็ต้องรู้สึกกรุ่นโกรธเป็นธรรมดา หากแต่ ข้าเกรงว่าเขาจักไม่ยอมปล่อยฮวาฮองเฮาให้ห่างกายเขาไปอีกเป็นแน่" หยุนชางเอ่ยออกมา
"ว่ากันตามจริงแล้ว ในยามนี้ ฮองเฮาคนปัจุบันของแคว้นเซี่ยคือซูหรูจี" หยุนชางพลันยิ้มออก. สายตาล้วนแต่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ "หากว่าฮวาฮองเฮากลับไปยังแคว้นเซี่ยเมื่อใด ซูหรูจีก็คงมิอาจเป็นฮองเฮาต่อไปได้แน่ ความซับซ้อนวุ่นวายในราชสำนักแคว้นเซี่ยมีมากมายยิ่งนัก เกรงว่าตระกูลซูคงยากที่จะเติบใหญ่ต่อไป"
หยุนชางกล่าวถึงเรื่องราวในราชวงศ์แค้วนเซี่ยอย่างไม่ใส่ใจต่อหน้าชายหนุ่มที่จงรักภักดี
จ้าวอิงเจี๋ยพยักหน้าลงเล็กน้อย. พลันเงยหน้าขึ้นมามองหยุนชางด้วยสายตาที่จริงจัง "หากท่านแม่กลับไปยังแคว้นเซี่ยเมื่อใด จิ้งอ๋องและองค์หญิง จะช่วยปกป้องท่านแม่ให้กระหม่อมได้หรือไม่พะยะค่ะ ?"
หยุนชางค่อยๆ พยักหน้าลง พร้อมเอ่ยคำพูดทุกคำด้วยน้ำเสียงที่ฟังชัดเจนว่า "ได้อย่างแน่นอน. พวกข้าจักต้องช่วยปกป้องนางได้แน่"
จ้าวอิงเจี๋ยพลันค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วจึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมก็โล่งใจพะยะค่ะ. ถึงแม้กระหม่อมจะไม่รู้ว่าท่านแม่จะยอมกลับแคว้นเซี่ยไปกับองค์หญิงหรือไม่. หากแต่องค์หญิงและจิ้งอ๋องเป็นถึงคู่หงส์มังกร ในตอนนี้พวกท่านรับปากกับกระหม่อมแล้วว่าจะปกป้องท่านแม่ เช่นนั้นแล้วกระหม่อมก็วางใจพะยะค่ะ "
"หากจ้าวฮูหยินยินยอมกลับแคว้นเซี่ยไปกับข้าแล้ว เจ้าจักทำเช่นไรต่อไป? " หยุนชางพลางหันไปมองจ้าวอิงเจี๋ยและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
จ้าวอิงเจี๋ยชะงักไปครู่หนึ่งพร้อมส่งยิ้มออกมาว่า "กระหม่อมเติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว. กระหม่อมย่อมสามารถดูแลตนเองได้พะยะค่ะ กระหม่อมอยู่ข้างกายท่านแม่มานานหลายปี ล้วนมีแต่ท่านแม่คอยเป็นห่วงเป็นใย. อีกทั้งจิ้งอ๋องยังเป็นบุตรของนางอีกคนหนึ่ง หากแต่ กระหม่อมเพียงหวังว่าท่านแม่จะยอมติดตามองค์หญิงกลับไป. อย่างไรจิ้งอ๋องก็เป็นถึงวีรบุรุษในใจของกระหม่อม เป็นมาโดยตลอด"
คำพูดของจ้าวอิงเจี๋ยนั้นมิได้มีตรรกะใดเป็นพิเศษ ทว่า หยุนชางกลับเข้าใจถึงสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อออกมา
ครุ่นคิดกับตนเองอยู่นาน หยุนชางพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "อย่างไรข้าคงจักต้องกล่าวออกมาเสียหน่อย . ไม่ว่าจ้าวฮูหยินจะตัดสินใจเช่นไร ข้าและท่านอ๋องล้วนแต่ยอมรับผลที่ว่ามาทั้งนั้น"
จ้าวอิงเจี๋ยพลันพยักหน้าลงเล็กน้อยและมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก. ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงรีบร้อนพยักหน้าออกมา พร้อมลุกขึ้นยืนกล่าวออกมาว่า "กระหม่อมยังต้องไปฝึกทหารในค่ายอีก. เช่นนั้นกระหม่อมขอลาพะยะค่ะ"
หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย พลันเรียกให้จื่อซูเดินออกไปส่งจ้าวอิงเจี๋ยที่หน้าประตู
จนถึงยามพลบค่ำ จ้าวฮูหยินก็ยังไม่มา. หยุนชางพลันได้รับข่าวสารที่ส่งมาจากฉินยี ในจดหมายพลันกล่าวไว้ว่า เฉี่ยนหลิ่วถูกจับได้แล้ว ในยามนี้ มีเพียงซูฉีและเซี่ยหวนอวี่เท่านั้นที่รู้ว่าหยุนชางไม่ได้อยู่ในเมืองจิ่น. ซูฉีจึงได้ส่งคนออกตามหาหยุนชาง
หยุนชางจึงนำจดหมายไปจุดไฟเผา พร้อมค่อยๆจ้องมองแสงไฟที่กำลังแผดเผาจดหมายอย่างเฉยเมย
เพียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "หากมีเพียงแค่ซูฉี. เกรงว่าจะเดาทางอย่างไรก็คงไม่สามารถคาดคิดได้ว่าข้าจะอยู่ที่เมืองคังหยาง หากเป็นอ๋องเจ็ดได้รับข้อมูลเแล้วละก็. เกรงว่าจะแย่ไปกว่านี้เป็นแน่"
เวลาไม่คอยท่าแล้ว
หยุนชางค่อยๆถอนหายใจออกมา. พลางนั่งอยู่ในห้องเพียงชั่วครู่ แล้วจึงเรียกให้จื่อซูไปเตรียมน้ำมาให้อาบแล้วจึงเข้านอนแต่หัววัน
ยามเช้าวันที่สอง. หยุนชางเมื่อตื่นนอนขึ้นมาแล้ว ก็มิได้ออกไปนอกประตูแต่อย่างใด. ทำเพียงแค่ต้มชาถ้วยหนึ่ง พลางนั่งอ่านตำราอยู่ในตำหนักเท่านั้น แม้ว่ายามนี้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิแล้ว ยามเช้าอากาศลมเย็นสบาย หยุนชางจึงสั่งให้จื่อซูนำเสื้อกันลมมาสวมใส่ให้นางอีกชั้นหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง