จ้าวฮูหยินจับจ้องไปยังหยุนชาง ที่กำลังวุ่นวายจัดเตรีนมทุกอย่างอยู่นั้น สายตาเต็มไปด้วยความครุ่นคิดเล็กน้อน เพียงครู่หนึ่ง จึงค่อย ๆ เอ่ยปากพูดออกมาว่า "อีกสองวัน เจ้าจักเดินทางไปเมืองชางหยางงั้นหรือ ?"
หยุนชางเพียงพยักหน้าลงเล็กน้อย "เพคะ"
จ้าวฮูหยินทำเพียงพยักหน้าลงครู่หนึ่ง แล้วจึงลุกขึ้นยืน "ถ้าเช่นนั้น ข้าจะกลับจวนไปเก็บข้าวของ เวลาเพียงสองวันน่าจะยังทัน " พูดจบนางพลันเดินออกจากจวนไปเลย
หยุนชางชะงักไปครู่หนึ่ง พลันเมื่อสติกลับมาแล้ว คำพูดเมื่อกี้ จ้าวฮูหยินตัดสินใจที่จะกลับไปแคว้นเซี่ยกับนางแล้วใช่หรือไม่ ?
หยุนชางอยากจะถามนางให้แน่ใจอีกสักรอบ ทว่า กลับเห็นจ้าวฮูหยินเดินออกนอกจวนไปแล้ว
หยุนชางกำลังหวนกลับไปนึกถึงคำพูดของจ้าวฮุหยินเมื่อครู่ ภายในใจ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมา พลันเมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ต้องกลับไปจัดการที่เมืองจิ่นนั้น นางจึงรีบลุกขึ้นมา พร้อมเดินกลับเข้าไปในห้อง
หากจ้าวฮูหยินต้องการที่จะไป จ้าวอิงเจี๋ยก็ไม่สามารถหยุดรั้งนางไว้ได้. หากจ้าวอิงเจี๋ยผิดคำพูดละก็ เซี่ยหวรอวี่คงไม่ปล่อยไปโดยง่ายเป็นแน่. หากจ้างอิงเจี๋ยออกไปจากเมืองคังหยางเมื่อใด เมืองคังหยางก็จะไม่มีผู้ใดคอยปกป้องเมืองอีกต่อไป. แม้ว่าระหว่างแคว้นเซี่ยและแคว้นหนิงจะมีการลงนามทำพันธะสัญญากันไว้แล้ว. นางก็ยังไม่ค่อยไว้ใจเท่าใดนัก หากแต่ นางก็มิกล้านำราษฏรในเมืองคังหยางมาเป็นของเดิมพัน แม้ว่าการส่งจดหมายไปหาเสด็จพ่อเป็นเรื่องที่ควร ทว่า การส่งจดหมายไปมาหาสู่กันนั้น ก็ยังจำเป็นต้องใช้เวลา
ฝีเท้าของหยุนชางหยุดชะงักไปเล็กน้อย ในสมองพลันนึกถึงบุคคลสองคนขึ้นมา. พลางขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนชางจึงหันกายกลับไปสั่งกับจื่อซูว่า "เจ้านำตราหยกประจำตัวข้าแล้วจึงวิ่งไปที่ค่ายทหารนอกเมือง เพื่อตามหานายทหารหลิวหัวและหวังชง. หลังจากที่พบพวกเขาแล้ว ให้บอกกล่าวกับพวกเขาไปว่า วันพรุ่งนี้องค์หญิงต้องการพบพวกเขาเพื่อให้พวกเขายืนยันอะไรบางอย่าง. และให้กำชับพวกเขาไปอีกว่า เมืองคังหยางในต่อนี้. ต้องมอบให้พวกเขาคอยช่วยดูแลชั่วคราวเสียแล้ว"
จื่อซูพลันรับคำ. หยุนชางจึงพูดต่อไปอีกว่า "เมื่อบอกพวกเขาเสร็จ. ให้เจ้าไปตามหานายพลจ้าวอิงเจี๋ย. บอกกับเขาว่าข้ามีเรื่องที่จะต้องพูดคุยและเจรจากับเขา"
แม้ว่าระยะทางจากเมืองคังหยางมาถึงเมืองชางหนานจะมิได้ไกลกันมาก เพียงแค่เดินทางขึ้นเหนือไป ก็จะพบกับเมืองจิ่งหยางและเมืองหลิ่งหนาน ข้ามผ่านเมืองหลิงซีไปก็จักถึงเมืองชางหนานแล้วเพียงแค่ใช้เวลาสามถึงสี่วันเท่านั้น
หากแต่สถานการณ์ของเมืองหลิงซีในยามนี้ เต็มไปด้วยความตึงเครียดเป็นอย่างมาก หยุนชางจึงตัดสินใจที่จะเดินทางอ้อมเมืองหลิงซี จากทางด้านหลังเพื่อเดินทางไปยังเมืองหวายอิน หากเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจักต้องใช้เวลาเพิ่มไปอีกสองวันหากแต่มันจะทำให้การเดินทางปลอดภัยกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
เนื่องจากเป็นเพราะจ้าวฮูหยิน. หยุนชางจึงสั่งให้องครักษ์เงาเคลื่อนย้ายมาอยู่ข้างกายของนาง ทำเช่นนี้จะทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยความราบรื่น
เมื่อออกจากเมืองหวายอินได้ไม่นาน. รถม้าเพียงเดินทางได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็เดินทางเข้าสู่ช่วงป่าลกทึบ หยุนชางพลันได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าวิ่งมาด้วยความเร่งรีบ "กรับกรับ" ดังเข้ามา. เมื่อครู่หยุนชางเพียงแค่งีบหลับไปเท่านั้น. เมื่อได้ยินเสียง หยุนชางจึงลืมตาขึ้นมองโดยไว หยุนชางกวาดตามองไปโดยรอบ ก็พบกับจ้าวฮูหยินที่ลืมตาอยู่ก่อนแล้ว หยุนชางจึงค่อยๆแง้มผ้าม่านบนหน้าต่างรถม้าออก เพื่อส่งสายตาสอบถามกับข้ารับใช้ที่อยู่ด้านนอก
ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลังพลันโบกมือไปมา พร้อมส่งสัญญาณบอกองครักษ์เงาให้ไปสืบดูทางเดินด้านหน้า
เสียงฝีเท้าของม้าเริ่มดังใกล้เข้ามาแล้ว. หยุนชางเพียงแค่ขมวดคิ้วลงพร้อมกับกำชับให้ผู้คนที่อยู่รอบตัวระมัดระวังตนเอง
องครักษ์เงาเมื่อกลับมาที่รถม้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความปิติยินดีกล่าวออกมาว่า "พระชายา. เป็นท่านอ๋องพะยะค่ะ"
ร่างกายของหยุนชางชะงักไปครู่หนึ่ง พลันในนัยน์ตาก็ปรากฏร่องรอยของความยินดีออกมา. สองวันที่ผ่านมานั้น. นางรีบเร่งเดินทางเป็นอย่างมาก นางจึงมิได้ส่งข่าวไปบอกลั่วชิงเหยียน เหตุใดลั่วชิงเหยียนถึงรู้ว่านางอยู่ที่ใดได้กัน? หรือว่าเขาจะคาดเดาไปเอง?
จ้าวฮูหยินพลันขมวดคิ้วเป็นปม หยุนชางที่เห็นเช่นนั้นจึงชะงักไปครู่หนึ่ง. พลันครุ่นคิดไปว่า จ้าวฮูหยินนั้นเพิ่งจะรู้ว่าลั่วชิงเหยียนเป็นบุตรของตนเองได้ไม่นาน. เกรงว่าในใจคงยังรับไม่ได้กระมัง เมื่อลั่วชิงเหยียนเดินทางมาหาเช่นนี้ จึงทำให้ในใจของนางมีความกังวลอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง