ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 86

จักรพรรดิหนิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "งานเลี้ยงเล็ก ๆในวันนี้ที่สนมซู่จัดขึ้นนั้นดีมาก และปกตินางทำเรื่องต่างๆก็ดูเข้าท่าและเหมาะสมดี ตอนนี้ฮองเฮากำลังตั้งครรภ์อยู่ ดังนั้นอย่าได้เหนื่อยหรือกังวลกับเรื่องอื่นไปเลย รอเจ้าให้กำเนิดบุตรแล้ว ค่อยนำตราประทับมาคืนเจ้าก็ได้"

ฮองเฮารู้สึกตกใจอย่างหนัก นางฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น " ฝ่าบาทกล่าวได้ถูกต้องเจ้าค่ะ อีกไม่นานหม่อมฉันก็คงทำอะไรได้ไม่มาก หากต้องคอยจัดการเรื่องในวังหลังก็คงลำบากเล็กน้อย หากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องรบกวนสนมซู่ด้วยเพค่ะ"

กลิ่นอายแห่งรอบยิ้มอยู่เต็มระหว่างคิ้วของสนมซู่ เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินไปที่กลางห้องโถงโดยกล่าวว่า " หม่อมฉันขอขอบพระคุณความไว้ใจของฝ่าบาทและฮองเฮาเพค่ะ หม่อมฉันจะทำให้ดีที่สุดเพคะ"

หยุนชางมองไปที่จิ้งอ๋องที่นั่งอยู่ตรงข้ามตนโดยไม่รู้ตัว และไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มาจากคำสั่งของเขาหรือเปล่า เขากำลังจะออกจากพระราชวังนี้ไป แต่สนมซู่กลับถูกยกให้เป็นคนที่คอยดูแลวังหลัง เมื่อถึงเวลานั้น หากว่าเขาคิดอยากจะทำการอันใด ก็ย่อมง่ายขึ้นอย่างมาก

คนที่อาศัยอยู่ในวังหลังนี้รู้วิธีเหยียบย่ำคนที่ตกต่ำเพื่อประจบคนที่อยู่สูงที่สุด มิแน่วันพรุ่งในวังนี้คงจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

ในตำหนักก็เริ่มส่งเสียงดังรื่นเริงขึ้นมาอีกครั้ง มีนางสนมหลายคนค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหาสนมซู่แล้ว หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและดื่มเหล้าไปหนึ่งแก้ว เฉี่ยนอินยืนอยู่หน้าประตู หยุนชางพูดคุยไปสักพัก เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสังเกตนาง นางจึงพาฉินยีออกจากตำหนักไปอย่างเงียบ ๆ

"องค์หญิงเจ้าคะ พระโอสถที่องค์หญิงให้หม่อมฉัน หม่อมฉันได้สั่งให้นางกำนัลนำไปใส่ในอาหารของจิ่นเฟยเหนียงเหนียงแล้วเจ้าค่ะ นางกำนัลกล่าวว่า ได้เห็นจิ่นเฟยเหนียงเหนียงเสวยกับตาเจ้าค่ะ คิดว่าคงจะไม่เป็นกระไรแล้วเจ้าค่ะ" เฉี่ยนอินพูดเบาๆ

ฉินยีสวมเสื้อคลุมให้หยุนชาง หยุนชางพยักหน้าและเดินออกจากวังจิ่นซิ่วไป "หากเป็นเช่นนั้นก็ดี แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะนำพระโอสถสงบครรภ์ไปให้เสด็จแม่เสวยบ้างแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่สามารถวางใจได้อยู่ดี วิธีวางยาของสนมซู่ในวันนี้ค่อนข้างลึกลับ ยากที่ผู้คนจะสังเกตเห็น ข้าเกรงว่า…"

"ชามของจิ่นเฟยไม่มียา" ทันใดนั้นเสียงที่ทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง หยุนชางตกใจและรีบหันกลับไป แล้วใบหน้าของจิ้งอ๋องก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เสียงหัวเราะเบาๆของเฉี่ยนอินและฉินยีก็ดังขึ้นมา แต่ผ่านไปเพียงครู่เดียว นางทั้งสองก็หายตัวไป

จิ้งอ๋องยิ้มมุมปากขึ้นมา "ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกกับสนมซู่ไว้แล้วว่า ห้ามยุ่งกับเด็กในครรภ์ของจิ่นเฟยเด็ดขาด เดิมทีวันนี้นางอยากจะวางยาให้ฮองเฮา แต่ว่าข้าได้บอกกับนางแล้วว่ามิต้องทำเช่นนั้นหรอก"

หยุนชางตกตะลึงแต่ไม่ได้พูดอะไร

"เจ้าเก่งหลายด้านนะ วิธีการวางยาของสนมซู่นั้นยากที่จะตรวจพบได้ แต่เจ้าก็ยังรู้สึกทันทีที่เสวยกระยาหารไป" จิ้งอ๋องพูดเบา ๆ

หยุนชางก้มหน้าลงและยิ้มมุมปาก "สนมซู่พยายามอย่างมากจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่นางไม่เคยพลาดมาก่อน ตอนนี้เสด็จพ่อก็อายุสี่สิบกว่าแล้ว แต่ก็ยังไม่มีพระราชโอรสเสียที อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ที่ลูกบอลดอกไม้ถูกส่งมาที่มือข้า ข้าก็ได้กลิ่นของหญ้าฝรั่นเบาๆ แม้ว่ามันถูกปกปิดโดยกลิ่นหอมของรมควันธูป แต่ก็ยังมีกลิ่นจางๆติดอยู่ นางใส่ตังกุยลงในซุปเม็ดบัว และใส่เอียะบ้อเช่าในเมนูปลาแมนดาริน ดูเหมือนทั้งหมดนี้ล้วนเป็นยาบำรุงร่างกายและโลหิต แต่หากยาเหล่านี้มาเจอกับหญ้าฝรั่น จะมีผลเพียงประการเดียวคือทำให้คนตั้งครรภ์ตกเลือดโดยไม่รู้ตัว ยิ่งกว่านั้น วิธีนี้จะไม่ออกฤทธิ์ในทันที จะส่งผลให้คนอื่นๆมองว่าต้นเหตุนั้นมาจากร่างกายของนางไม่ค่อยแข็งแรง..."

จิ้งอ๋องได้ยินเช่นนี้ ก็ปรบมือ " เยี่ยมมาก ข้าคงจะมองเจ้าธรรมดาเกินไป" แล้วหยุดชั่วคราว และพูดต่อว่า " องค์หญิงหัวจิ้งออกจากพระราชวังไปแล้ว ภัยคุกคามที่เจ้าต้องเจอในวังนี้น้อยลง แต่ก็อย่าได้ชะล่าใจ คนตระกูลหลี่ไม่ธรรมดา หากว่าข้าเจอหัวจิ้งที่ชายแดน เจ้าต้องการให้ข้าจัดการนางหรือไม่?"

หยุนชางหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนี้ " เสด็จอาเจ้าคะ นางเป็นหลานสาวของท่านด้วยนะเจ้าคะ ขอบพระคุณความหวังดีของเสด็จอาเจ้าค่ะ แต่ว่าหัวจิ้งเนี่ย ข้าต้องปลิดชีพนางด้วยมือของข้าเองเท่านั้น"

"ข้าได้สืบมาแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าและหัวจิ้งไม่ได้ความแค้นที่หนักหนาอันใด แต่ทำไมเจ้าถึง........" แววตาของจิ้งอ๋องสับสนเล็กน้อย

หยุนชางยิ้มออกมา "ใครบอกกันเจ้าคะว่าไม่มีความแค้นใด ข้ากับนางไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้ หากว่านางไม่ตายข้าก็จะไม่หยุด"

จิ้งอ๋องส่ายหัว "เวลาเจ้าดุร้ายขึ้นมาก็ดูน่ากลัวดีนะ" แล้วหยุดไปสักพัก จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ " พรุ่งนี้ข้าต้องออกรบแล้ว เจ้าอยู่ในวังนี้ก็ดูแลตัวเองด้วย"

หยุนชางตกตะลึง นางยังไม่ทันตั้งตัว นางครุ่นคิดว่าวันนี้จิ้งอ๋องดูผิดปกติไป จากนั้นก็ได้ยินเขากล่าวว่า " นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าไม่อยากจะออกรบเลย ช่างมันเถิด ตอนนี้ดึกแล้วอากาศเริ่มเย็นลง เจ้ารีบกลับไปเถิด" เขาพูดพร้อมหันหลังเดินจากไป

หยุนชางยังคงมึนงงอยู่ และนานนางก็ยังคงไม่เข้าใจ เหตุใดวันนี้จิ้งอ๋องจึงพูดเรื่องเหล่านี้กับตน เมื่อร่างของจิ้งอ๋องค่อยๆจางหายไปในความมืด หยุนชางก็นึกขึ้นได้ว่าตนมิได้ถามเขาว่าสิ่งที่เขาพูดต่อหน้าทุกคนในงานเลี้ยงในวังจิ่นซิ่วนั้นหมายความว่าอย่างไร

เมื่อหยุนชางกลับไปที่ตำหนักชิงซิน ฉินยีและเฉี่ยนอินก็แอบมองนางอยู่ตลอดเวลา และเมื่อหยุนชางหันไปมองนางทั้งสอง พวกนางจะละสายตาไปอย่างรวดเร็ว "ตั้งแต่ที่ข้ากลับมา พวกเจ้าแอบมองข้าอย่างลับๆล่อๆเช่นนี้ทำไม พูดมาเถิด ว่ามีเรื่องอะไร?" หยุนชางพูดด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง

แต่ฉินยีและเฉี่ยนอินไม่กลัวที่หยุนชางเป็นเช่นนี้เลย ฉินยียิ้มและกล่าวว่า " แม้ว่าจิ้งอ๋องจะเย็นชาไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังเป็นคนที่ดีนะเจ้าคะ เพียงแค่ว่าเขาอายุมากไปนิดหน่อย แต่หลายปีที่ผ่านมานี้เขาอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดเจ้าค่ะ ไม่เคยมีภรรยาหรือนางสนมมาก่อนเลยเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ที่หม่อมฉันตามองค์หญิงไปที่จวนจิ้งอ๋อง หม่อมฉันไม่พบสาวรับใช้เลยแม้แต่คนเดียวเจ้าค่ะ คนเช่นนี้ หากเขาชอบใครสักคนขึ้นมา ต้องซื่อสัตย์มากแน่ๆเจ้าค่ะ" เฉี่ยนอินกล่าว "หม่อมฉันก็ว่าดูไม่เลวนะเจ้าคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่าจิ้งอ๋องเก่งด้านศิลปะการต่อสู้อย่างมาก และมีความชำนาญในการวางกำลังพลและนำขบวนทัพ หม่อมฉันมองว่าท่านและองค์หญิงเหมาะสมกันมากเจ้าค่ะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง