หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 4302

“อย่าเพิ่งเอาเรื่องนี้ไปกวนใจต้าชีเซียงดีกว่า เพราะตอนนี้เขากำลังเก็บตัวบำเพ็ญเพียร” ถันหรงคุนกล่าว “อีกไม่นานเขาจะขึ้นสู่ขั้นมหายานระดับสาม ถ้าทำสำเร็จ เขาก็จะช่วยเราได้ด้วยการจับผู้บำเพ็ญเพียรขั้นมหายานมาให้เราฝึกฝน”

ดวงตาของตี้ฉงจิงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำพูดของเขา “ต้าชีเซียงกำลังจะไปถึงขั้นมหายานระดับสามเหรอ? ยอดเยี่ยม! วิชาบำเพ็ญเพียรที่อาจารย์สอนเรามาช่วยเร่งการเพิ่มระดับได้เร็วขึ้นมาก ถ้าเราได้เลือดและกระดูกของผู้บำเพ็ญเพียรขั้นมหายานมา เราก็จะบำเพ็ญเพียรได้เร็วยิ่งกว่านี้อีก ว่าแต่มีเรื่องอะไรกันที่ศิษย์พี่ต้องจัดการด้วยตัวเอง?”

“นายรู้จักมู่ชิงไหม? คนที่ฝึกวิชาโดยมีต้าชีเซียงคอยให้คำแนะนำ” ถันหรงคุนถาม

“รู้จักสิ” ตี้ฉงจิงตอบ “เขาเป็นนายน้อยแห่งตระกูลมู่ แต่เขาเลือกที่จะติดตามต้าชีเซียงและศึกษาวิชามาร วิชาเหล่านั้นช่วยให้เขาได้เป็นยอดฝีมือตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่เขาไปจากสำนักแล้วไม่ใช่หรือ?”

ถันหรงคุนพยักหน้า “ใช่ เขาไปแล้ว แต่เขานัดประลองกับใครบางคน และน่าจะประลองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ต้าชีเซียงเป็นห่วงเรื่องนี้ ดังนั้นก่อนที่จะเก็บตัว เขาจึงส่งฉันไปที่เมืองหนานจิงเพื่อติดตามสถานการณ์ เนื่องจากมู่ชิงได้ประโยชน์จากคำสอนของต้าชีเซียงและเก่งกาจขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงถึงเวลาที่ตระกูลมู่จะต้องตอบแทนด้วยการส่งตัวผู้บำเพ็ญเพียรมาให้เรา”

“คนที่กล้าท้าประลองมู่ชิงช่างกล้านัก แถมมู่ชิงยังมีพรสวรรค์สูงลิ่ว เขาไปถึงขั้นมหายานระดับหนึ่งแล้วทั้งที่อายุยังน้อย มีผู้บำเพ็ญเพียรวัยหนุ่มเพียงไม่กี่คนที่เทียบชั้นกับเขาได้” ตี้ฉงจิงนึกสงสัยว่าใครกันที่บ้าบิ่นพอที่จะท้าสู้กับมู่ชิง อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาพูดจบ ภาพของเฉินผิงก็ผุดขึ้นมาในความคิด

เขาพูดต่ออย่างระมัดระวัง “แต่ชายหนุ่มที่ฉันพบในวันนี้น่าเกรงขามยิ่งกว่ามู่ชิงเสียอีก ฉันไม่รู้ว่าเขามาจากตระกูลไหน”

เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของตี้ฉงจิง ถันหรงคุนก็คิดว่าเขายังหวาดกลัวจากการเผชิญหน้าครั้งนั้นอยู่ เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ตี้ฉงจิง นายไปพักแล้วให้ใครสักคนช่วยสร้างร่างใหม่ได้แล้ว โชคดีที่เรามีศิลาเทียนโหมวในครอบครอง วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในระดับเท่านายคงสร้างร่างกายใหม่ได้ไม่ยาก”

“ตกลง ดูแลตัวเองด้วย ฉันจะไปแล้ว”

ตี้ฉงจิงพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องโถงหลักเพื่อไปฟื้นฟูร่างกาย

เขาไม่รู้เลยว่าคนที่จะประลองกับมู่ชิงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉินผิง คนที่เกือบจบชีวิตของเขา

เมื่อเห็นเฉินผิงลงจากเรือเหาะ ซิงเฉียนก็หัวเราะออกมาและทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง “สงสัยอยู่ว่าใครกันที่ลงมาจากเรือเหาะลำโตของเรา คุณเฉินนี่เอง! การต่อสู้ครั้งล่าสุดของคุณกับมู่ชิง ผู้เป็นนายน้อยแห่งตระกูลมู่เป็นที่โจษจันไปทั่วแดนใต้ คนจำนวนมากเดินทางมาไกลเพื่อหวังจะได้เห็นการประลองครั้งนี้ ขอบคุณมาก สำนักว่านถงของเราก็ได้รับประโยชน์เป็นกอบเป็นกำเช่นกัน...”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฉินผิงก็ตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เขาตระหนักดีว่าสำนักว่านถงน่าจะจงใจแพร่ข่าว หวังจะดึงดูดผู้คนได้มากขึ้นและกอบโกยกำไร

กลยุทธ์ดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธุรกิจ ท้ายที่สุดแล้วสำนักว่านถงนั้นเติบโตจากการควบคุมและขายข้อมูล

“คุณซิง การประลองครั้งนี้จะมีการวางเดิมพันหรือไม่?” เฉินผิงถามเรียบๆ

“แน่นอน! เราจะพลาดได้ยังไงกัน ครั้งนี้สำนักว่านถงจะเป็นเจ้าภาพในการวางเดิมพันเอง” ซิงเฉียนตอบพร้อมยิ้มก่อนจะถามว่า “คุณเฉิน คุณสนใจจะวางเดิมพันไหม?”