หลังหย่า ราชาสงครามอ้อนขอข้าคืนดี นิยาย บท 39

ณ ภัตตาคารแห่งหนึ่ง

เซียวเย่หลันนั่งอยู่ที่ข้างหน้าต่าง มองไปยังอาหารเลิศรสมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วกล่าวเบาๆ ว่า "เหตุใดวันนี้เสด็จพี่จึงอารมณ์ดี คิดจะนัดแนะข้าออกมาดื่มสุราด้วยเล่า" ผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาก็คือองค์รัชทายาทนั่นเอง

องค์ทายาทรินสุราให้แก่ตนเองเต็มแก้ว ก่อนจะยิ้มขึ้นว่า “ในวันนี้ร่างกายของห้าวเออร์ดีขึ้นมากทีเดียว ข้าจึงรู้สึกมีความสุข คิดไปคิดมา ในบรรดาพี่น้องของเราผู้ที่สามารถร่วมดื่มสุรากับข้าได้ก็คงจะมีเพียงเจ้าเท่านั้น"

เซียวเย่หลันนิ่งเงียบไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขายกแก้วสุราขึ้นดื่ม

ในราชวังนั้นเต็มไปด้วยอันตราย

กว่าจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องระแวดระวังตลอดเวลา ผู้ที่เขาสามารถเชื่อถือได้มีไม่มากนัก

ก่อนหน้านี้อาจมีเพียงเซียวเย่หลันคนเดียว

ตอนนี้......บางทีอาจจะเพิ่มเซี่ยเชียนฮวันขึ้นมาอีกคน?

"น้องสะใภ้ดีขึ้นบ้างหรือไม่” องค์รัชทายาทเอ่ยทักถาม "เมื่อคืนนี้ตอนที่ข้าเห็น สีหน้าของนางซีดเผือดจนน่าตกใจเหลือเกิน"

สีหน้าของเซียวเย่หลันแข็งทื่อ “น่าจะดีขึ้นแล้ว"

“เหตุใดเจ้าจึงพูดว่าน่าจะ?"

เมื่อได้ยินประโยคนี้ องค์รัชทายาทก็ทำสีหน้าไม่พึงพอใจออกมา

เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยแล้วตำหนิน้องชายว่า “น้องเจ็ด ต่อให้เจ้าไม่ชื่นชอบนาง แต่พวกเจ้าทั้งสองก็แต่งงานกันแล้ว ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็เป็นสามีภรรยากัน เจ้าไม่ควรปฏิบัติต่อนางอย่างไร้ความรู้สึกเช่นนี้"

เซียวเย่หลันได้แต่นิ่งเงียบแล้วดื่มสุรา

องค์รัชทายาทถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวเตือนว่า “ข้ารู้หัวใจของเจ้านั้นมีเจ้าของ แต่ในฐานะผู้ที่มีสายเลือดสืบทอด ราชวงศ์ ใครเล่าจะสามารถทำได้ตามใจหวัง แม้ว่าเจ้าจะรักและชื่นชอบแม่นางแซ่ซูผู้นั้นเพียงไร แต่เจ้าจะทำร้ายจิตใจภรรยาของเจ้าไม่ได้ เพราะอาจเป็นที่ติฉินนินทาของคนอื่น"

จากประโยคเมื่อครู่นี้ เต็มไปด้วยอารมณ์ของการสั่งสอนน้องชาย เนื่องด้วยกลัวเขาจะไม่เป็นผู้เป็นคนด้วยความหวังดี

เซียวเย่หลันได้แต่ตอบกลับอย่างหน่ายใจว่า “เสด็จพี่หาใช่ว่าท่านไม่รู้จักเซี่ยเชียนฮวัน มองไปอาจจะเห็นว่านางดูอ่อนแอ แท้จริงแล้วเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก”

“เช่นนั้นนางก็เหมาะสมกับเจ้าดีไม่ใช่หรือ? คนเช่นเจ้าควรจะมีสตรีที่เจ้าเล่ห์เจ้าคิดอยู่ข้างกายจึงจะรักษานิสัยของเจ้าได้ สตรีที่อ่อนแอบอบบางคงไม่ได้ผล" องค์รัชทายาทตอบ

เซียวเย่หลันไม่รู้จะหาคำใดมาเถียง

"เอาล่ะ พูดเรื่องจริงจังกันเถิด" องค์รัชทายาทใช้นิ้วชี้เคาะไปบนโต๊ะอาหาร “เสวี่ยเจินบอกให้ข้ามาเตือนเจ้าไว้ เมื่อคืนนี้ดูจากท่าทีของน้องสะใภ้ ราวกับนางน่าจะตั้งครรภ์อยู่และกำลังแพ้ท้อง"

เสวี่ยเจินก็คือชื่อของพระชายาองค์รัชทายาทนั่นเอง

นางเคยตั้งครรภ์มาก่อน ดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับท่าทีปฏิกิริยาแพ้ท้องของสตรี

เซียวเย่หลันชะงักลงเล็กน้อยก่อนจะปฏิเสธว่า “เป็นไปไม่ได้นางเพิ่งจะแต่งเข้ามาเพียงไม่เท่าไร"

องค์รัชทายาทกล่าวว่า "หากนับจากเวลาแล้วอาจจะเร็วไปเล็กน้อย แต่ร่างกายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน"

"เสด็จพี่ ท่านควรเอาเวลาไปคิดว่าจะจัดการเรื่องของห้าวเออร์อย่างไรดีกว่า”

เซียวเย่หลันจงใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

จากนั้นทั้งสองคนก็สนทนากันถึงสถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้ เมื่อเวลาผ่านคล้อยไปได้เรื่อยๆ ต่างก็แยกย้ายพากันกลับ

เมื่อกลับมาถึงจวนจ้านอ๋องแล้ว เซียวเย่หลันก็ได้เดินทางไปดูซูอวี้เออร์ก่อน

ใครจะคิดเล่าว่าเขาเพิ่งจะก้าวเข้ามาในเรือนจิ่นซิ่วก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะได้กลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนของอุจจาระ!

เซียวเย่หลันใช้มือกุมจมูกเดินเข้าไปในห้อง พบว่าบ่าวรับใช้ทั้งหลายกำลังเก็บกวาดเตียงนอนอย่างชุลมุน ของเหลวอันน่าขยะแขยงไหลลงมาบนพื้น......

“ท่านอ๋อง! ในที่สุดท่านก็กลับมาสักที อวี้เออร์ถูกทำร้ายเสียจนย่ำแย่ไปหมดแล้วฮือๆ "

ซูอวี้เออร์เห็นร่างของเซียวเย่หลันตรงเข้ามา นางก็ร่ำไห้แล้วรีบพุ่งกายเข้าไป

จากนั้นนางยังไม่ทันเข้าไปถึงตัวเซียวเย่หลัน ก็ได้ผายลมกลิ่นเหม็นออกมา

“ปู้ด พรูด!”

เมื่อสิ้นเสียงเหล่านั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายเหลวออกมา

เซียวเย่หลันถอยหลังกลับไปตามสัญชาตญาณ แล้วมองไปทางซูอวี้เออร์ด้วยความเหลือเชื่อ “เจ้าเป็นอะไรไป”

สกปรก สกปรกเหลือเกิน!

ตามปกติแล้วซูอวี้เออร์เป็นผู้รักความสะอาดงดงามดังนางฟ้านางสวรรค์ แต่ในวันนี้นางกลับเหม็นคลุ้ง

ซูอวี้เออร์ไม่กล้าเดินตรงเข้าไป ได้แต่ร่ำไห้ด้วยความอุดอู้ว่า “ท่านอ๋องเพคะ แม่นางผู้นั้นทำร้ายข้า......"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังหย่า ราชาสงครามอ้อนขอข้าคืนดี