“เฉิงกุ้ยเฟยโหดเหี้ยมอำมหิตมาโดยตลอด บัดนี้นางลักพาตัวท่านแม่ของพระชายาไปเป็นตัวประกัน เกรงว่าจะทำเรื่องชีวิตแลกด้วยชีวิตออกมา พระชายาไม่งั้นก็ช่างมันเถอะ”
เย่ซิ่นเกลี้ยกล่อม
เขาทราบดีว่าซืออวี้สวี่เป็นคนร้ายที่ฆ่าน้องสาวของเขา
ความแค้นนี้เขาจะต้องล้างแค้นด้วยตัวเอง
ไม่ควรเอาชีวิตของฮูหยินอันติ้งโหวมาวางเป็นเดิมพันด้วย
เซี่ยเชียนฮวันกลับส่ายหน้า “ต่อกรกับคนเลวพวกนี้ การล่าถอยเพียงครั้งเดียว ก็มีแต่จะทำให้พวกเขาได้คืบเอาศอกได้!”
“แต่......”
“เจ้าวางใจ ข้าหาวิธีได้แน่”
หลังเข้าวัง เซี่ยเชียนฮวันก็ไม่ได้มายังตําหนักจินหลวนเลยทันที แต่ไปยังสถานที่อื่นก่อน
ในที่สุดนางก็มาอยู่ต่อหน้าฝ่าบาทแล้ว เห็นเพียงเฉิงกุ้ยเฟยนั่งอยู่ข้างกายฝ่าบาทด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง ด้านหลังมีเซียวหมิงเซียนยืนอยู่ด้วย และแสดงสีหน้าหยิ่งยโสเช่นเดียวกัน ยังมีขุนนางฝ่ายบุ๋นสองแถวที่อยู่ในฝ่ายจดบันทึกประวัติศาสตร์ฟังอยู่ด้านข้างด้วย และซืออวี้สวี่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น เล่าอย่างละเอียดอย่างกระตือรือร้นและกล้าหาญอยู่
“กระหม่อมไม่ได้มีใจที่จะปกปิดฮ่องเต้เลย เพียงแค่นางเปาผู้นั้นไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงความบริสุทธิ์ ตื๊อกระหม่อมให้ได้ กระหม่อมจึงจำต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับนางอย่างจำยอม แต่ไม่เคยตบแต่งนางอย่างเป็นทางการมาก่อน”
“ดังนั้น กระหม่อมก็เลยบอกว่าตนเองยังไม่ได้หมั้นหมาย เป็นความจริงไม่มีคำโกหกเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
ต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท เขายังคงกล่าวถ้อยคำพวกนี้อยู่ดี
ฝ่าบาทกล่าวออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “แม้ว่าจะไม่มีผู้ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง เจ้ากับผู้หญิงคนนั้นก็เกิดความเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ได้ยินว่ายังให้กำเนิดลูกสองคนด้วย”
“นั่นคือนางเปาบีบบังคับข้าให้มีลูกกับนาง!” ซืออวี้สวี่กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “ฝ่าบาทมีบางอย่างที่ไม่ทราบ ลักษณะนิสัยของนางเปาหยาบกระด้าง แม้จะเป็นสตรี แต่กลับเชี่ยวชาญในวิธีการชั้นต่ำตามชนบทและท้องตลาดพวกนั้น หากไม่ใช่เพราะเช่นนี้กระหม่อมก็คงจะไม่ถูกนางหลอกจไปจิ้งโจว แล้วก็มีลูกกับนางเป็นแน่”
ช่วงระหว่างคำพูดของเขา พรรณนาถึงภรรยาคนก่อนจนกลายเป็นจอมโจรหญิงคนหนึ่งไปเลย
เซี่ยเชียนฮวันอุทานเบาๆ ออกมาแล้วเดินขึ้นมาคำนับด้านหน้า
“สะใภ้เจ็ด เจ้ามาแล้ว” ฝ่าบาทหรี่ตาลง “คู่ครองเดิมของราชบุตรเขยที่เจ้ารู้จัก พูดมาให้ฟังหน่อย ว่าที่ราชบุตรเขยพูดเป็นความจริงหรือไม่?”
“ทูลเสด็จพ่อ ที่ราชบุตรเขยพูดล้วนไร้สาระทั้งนั้นเพคะ”
เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างกระชับและตรงประเด็น
หากอำนาจสูงสุดของแคว้นเซี่ยถูกคนพวกนี้แย่งเอาไปจริงๆ การดำเนินชีวิตของประชาชนก็นับได้ว่าถึงทางตันแล้ว
หลังจากถูกเฉิงกุ้ยเฟยใช้ท่าทีเล็กๆ เตือนขึ้นมา เซี่ยเชียนฮวันจึงหุบปากไปชั่วขณะ นี่ก็เป็นโอกาสแสดงความสามารถของซืออวี้สวี่แล้ว
เขาลุกขึ้นมา กล่าวออกมาอย่างมีหลักการว่า “นางเปารูปลักษณ์อ้วนท้วนอัปลักษณ์ หยิ่งยโสและใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เหตุที่ชอบนำไปสู่การหย่าร้าง 7 ประการนอกจากไม่มีบุตรแล้ว นางก็ละเมิดหมดเลย แม้ว่าข้ากับนางจะมีการหมั้นหมายจริงๆ ข้าก็สามารถหย่าขาดจากนางได้อย่างสมบูรณ์!”
กล่าวจบเขาก็หยิบกระดาษหนึ่งแผ่นออกมา อ่านขึ้นมาตามนั้น
ด้านบนทั้งหมดนั้นเป็นโทษความผิดของเปาอิ๋งหัน
รวมไปถึงการไม่กตัญญู หึงหวง เกียจคร้านนำมาซึ่งการทำให้อ้วน ไม่รู้เรื่องการอบรมลูก เคยลักขโมยทรัพย์สิน เป็นต้น
หนังสือที่ยื่นร้องทุกข์ฉบับนี้เขียนได้สละสลวย ขุนนางบุ๋นสองข้างฟังจนพยักหน้าไปตามๆ กัน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มเห็นใจซืออวี้สวี่ขึ้นมา
มีคู่ครองเดิมที่อัปลักษณ์หยาบกระด้างคนหนึ่งเช่นนี้ เป็นใครก็รับไม่ได้หรอก!
เซี่ยเชียนฮวันฟังจบ ก็เงยหน้ากล่าวออกมาอย่างจริงจังว่า “นางเปาเป็นคนเช่นไรนั้น เสด็จพ่อก็รับสั่งให้เข้าเฝ้าหน่อยก็ทราบแล้ว”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังหย่า ราชาสงครามอ้อนขอข้าคืนดี
มาอัพเพิ่มไวๆๆนะคะ...
มาอัพต่อเร็วๆนะคะ...
นางออกควายไงคะ ไม่รู้อะไรซักอย่างตั้งท้อง อยู่ไปวันๆ...
นางเอกหน้าโง่ วันๆไม่ทำเห้ ไร รักษาแต่คน ไม่เคยคิดจะสู้กลับ ไร้น้ำยา...
ทำไมหายอีกแล้ว มาอัพต่อค่ะ...
ดีใจกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณแอดมินค่ะ...
รออ่านอย่าใจจดจ่อ อัพต่อพลีสสส...
กลับมาต่อ รออ่านอยู่ค่ะ...
ตามคะ ขอบคุณค่ะ...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอค่ะ กำลังสนุกเลย...