“ท่าทางเมื่อครู่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อมีคนสำลักอาหารจนหายใจไม่ออก โดยปกติแล้วจะลูบหลังเบาๆ เหตุใดพระชายาจ้านอ๋องจึงได้ทำตรงกันข้ามด้วยการใช้กำปั้นทุบไปที่หน้าท้อง?”
พวกหมอหลวงมองหน้ากัน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถาม
เซี่ยเชียนฮวัน “การลูบหลังความจริงแล้วเป็นเรื่องผิด เมื่อครู่ข้าใช้วิธีหัตถการไฮม์ลิคช์ มีประสิทธิภาพมาก”
หมอหลวง “ไฮม์...วิธีใด?”
พวกเขามึนงงแล้ว
รู้สึกว่าโลกของพวกเขาได้รับความกระทบกระเทือน
เซี่ยเชียนฮวันไม่มีวิธีอธิบายกับพวกเขาชัดเจน ทำได้เพียงพูดว่า “ชื่อเรียกว่าอะไรไม่สำคัญ พวกเจ้าจำท่าทางขั้นตอนของข้าเมื่อครู่เอาไว้ก็พอแล้ว ต่อไปจะได้สะดวกในการช่วยคน”
พวกหมอหลวงพยักหน้า
พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นหมอหลวงประจำพระราชวังที่อ่านตำราแพทย์ ดำเนินอาชีพหมอมาหลายปี แต่เวลานี้อยู่ต่อหน้าเซี่ยเชียนฮวัน กลับกลายเป็นเด็กนักเรียนประถม
เซียวเย่หลันเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ใช้ระดับเสียงที่มีแค่คนด้านข้างเท่านั้นที่ได้ยิน พูดเรียบๆ “เห็นหรือไม่? นางไม่ได้บ้า คนที่บ้าก็คือคนโง่เขลาที่มีความสุขบนความทุกข์คนอื่นอย่างพวกเจ้า”
องค์หญิงแปดที่นั่งอยู่ด้านข้างเมื่อได้ฟังก็โกรธจนเข็ดฟัน
แต่ว่า นางไร้หนทางโต้เถียงคำพูดของเซียวเย่หลัน นางไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเทพแห่งความตาย!
นางยอมรับไม่ได้ เซี่ยเชียนฮวันเป็นแค่คนไร้ความสามารถไร้สมองคนหนึ่ง คู่ควรถือรองเท้าให้เหล่าองค์หญิงเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยวันนี้ยังกล้าทำตัวเด่นออกนอกหน้าในงานเลี้ยงพระราชวัง?
ช่างโชคดีนัก!
ต้องเป็นเพียงการกระทำอย่างขอไปทีเท่านั้น บังเอิญทำให้ของที่คาอยู่ในลำคอของเสด็จอาหลุดออกมา!
จะทำให้องค์หญิงแปดยอมรับได้อย่างไร!
“สะใภ้เจ็ด เจ้าช่วยญาติสนิทข้าไว้อีกครั้งแล้ว”
ฮ่องเต้หรี่พระเนตร ทอดพระเนตรเซี่ยเชียนฮวันด้วยความชื่นชม
เซี่ยเชียนฮวันหัวเราะเบาๆ ตอบกลับ “ฝ่าบาทตรัสชมเกินไปแล้ว หม่อมฉันเพียงแค่ใช้วิธีของชาวบ้านเท่านั้น ไม่คู่ควรเอ่ยถึง เรื่องเมื่อครู่ทำให้ทุกท่านต้องขบขำแล้ว”
“เช่นนั้น โรคลมชักที่เซวียนชินอ๋องต้องทุกข์ทรมานมาตั้งแต่เด็ก เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่?”
“สาเหตุของโรคลมชักซับซ้อน แม้แต่หมอหลวงยังยากจะรักษาให้หาย คนที่น้ำครึ่งถังอย่างหม่อมฉัน เกรงว่าจะไร้ความสามารถ”
เซี่ยเชียนฮวันยืนในท้องพระโรงและโค้งคำนับให้กับฮ่องเต้
นางไม่ได้เงยหน้า แต่รับรู้สึกสายตากำลังตรวจสอบนางจากชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรได้อย่างชัดเจน
ไม่เสียแรงที่เป็นพ่อของเซียวเย่หลัน
ความรู้สึกกดดันแข็งแกร่ง
นางทำได้เพียงตั้งรับ ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามพบพิรุธ
ในความเป็นจริง นางเองก็ไม่ได้โกหก โรคลมชักมีสาเหตุมากจากเส้นเลือดในสมอง ทำได้เพียงป้องกันอาการชักเท่านั้น ยากจะรักษาถึงต้นตอ
นอกจาก นางได้เรียนจบตำราครึ่งหลังของกุ่ยอีเล่มที่เจ็ด
คิดไปแล้วก็ไม่อาจเป็นไปได้
บันทึกตำราแพทย์เล่มนั้นตอนที่ส่งต่อมาถึงมืออาจารย์นางก็เหลือเพียงสามเล่มแรก จนปัจจุบันนี้คิดจะหาที่เล่มหลังที่เหลือ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ช่างเถอะ เจ้าอายุน้อย ทำได้ถึงจุดนี้ไม่ง่ายเลย ข้าไม่ควรขอเจ้ามากเกินไป”
ฮ่องเต้ยกมือขึ้นเล็กน้อย ให้เซี่ยเชียนฮวันกลับที่นั่งของตน
นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อยากจะกินข้าวในเงื้อมือฮ่องเต้เฒ่าอย่างสงบสักมื้อ ไม่ง่ายเลยจริงๆ
ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันกลับไปนั่งที่เดิม เซียวเย่หลันที่อยู่ด้านข้างค่อยๆ จิบเหล้า พูดเสียงเบา “เมื่อครู่ตอบได้ไม่เลว”
“เจ้ากำลังชมข้า?”
เซี่ยเชียนฮวันทำสีหน้าประหลาด หันศีรษะเหลือบมองเซียวเย่หลัน
เซียวเย่หลันนิ่งเงียบ
ราวกับเมื่อครู่คนที่พูดไม่ใช่เขา
จากนั้น เซี่ยเชียนฮวันได้ยินน้ำเสียงถากถางลอยมาจากองค์หญิงแปดที่อยู่อีกข้าง “ก็แค่ใช้วิธีชั่วร้ายนอกรีต ยังจะเสแสร้งทำเหมือนวิชาแพทย์ตัวเองนั้นดีมาก ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะล้มหัวคะมำเมื่อใด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังหย่า ราชาสงครามอ้อนขอข้าคืนดี
นางเอกก็ทนไม้ทนมือดีจริง เขาดูถูกเหยียดหยามสารพัด ลงไม้ลงมือเกือบตายก็หลายหน แต่ก็ไม่หย่า ทั้งที่จะว่าไปทางบ้านก็ไม่ได้ห้ามให้หย่านะ...
แสร้งตายไหม จะได้ไปจากกันสักที ให้สมคำโปรยหน่อย...
ก็ยังไม่หย่าที...
ขอให้หย่าให้สำเร็จทีเถอะ จะได้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ...
คือท่านอ๋องนี้นอนกับใครก็จำไม่ได้อีก น่าจะนอนกับพระชายานั่นแหละ แต่นางร้ายมาสวมรอยแทน อ๋องโง่ก็เชื่ออีกจ้า โอ้ยยยยยยยย พล็อตซ้ำอีกแล้ว...
อยากให้พระชายาหย่าเร็วๆ แนวผัวชั่ว เมียน้อยดอกบัวขาว รวมหัวกันทำร้ายเมียเอก เมียเอกได้แต่ยอมทนจนเกือบตาย สุดท้ายความจริงเปิดเผยตอนจบ กว่าจะมีความสุขก็เกือบตายตั้งหลายครั้งแบบนั้น ไม่อยากให้เป็นเลย...
เรื่องราวจะเฮฮาน่ารักไหมน๊อออ...