“เสด็จลุงเกิดจากเฉินไท่กุ้ยเฟย ตอนเด็กฉลาดมาก เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้องค์ก่อน”
เซียวเย่หลันค่อยๆ เล่า
ในท้องพระโรงว่างเปล่า เหลือเพียงเขาและเซี่ยเชียนฮวันสองคนเท่านั้น แต่เขายังเจตนากระซิบ เดิมเส้นเสียงค่อนข้างทุ่มต่ำนั้นฟังชัดยิ่งน่าหลงใหล
“กระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง ตำหนักที่เสด็จอาประทับอยู่ก็มีงูพิษโผล่มาตัวหนึ่ง มันกัดคนในตำหนักมากมาย รวมถึงเสด็จอาด้วย แม้จะช่วยชีวิตเขาไว้ได้ ทว่าพิษงูแล่นเข้าสมองแล้ว ตั้งแต่นั้นมาอาการชักก็กำเริบมาอย่างต่อเนื่อง และเขาก็ไม่ฉลาดหลักแหลมอีกต่อไป”
น้ำเสียงเซียวเย่หลันราบเรียบ ราวกับกำลังกระซิบเรื่องปกติทั่วไปกับพระชายาอ๋อง
นั่นก็เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของนางกำนัลและขันทีเหล่านั้น
เซี่ยเชียนฮวันได้ฟังเรื่องราวกลับรู้สึกหนาวสันหลัง นางพูดกระซิบเช่นเดียวกันอย่างไม่รู้ตัว “งูพิษตัวนั้น มีคนตั้งใจปล่อยเข้าไป?”
เซียวเย่หลันมองตานาง “เจ้าทายถูกแล้ว งูชนิดนั้นไม่มีอยู่ในเมืองหลวง มีคนพกงูนั่นมากจากแคว้นทางใต้เข้าสู่เมืองหลวง ค่อยไปปล่อยไว้ในตำหนักของเสด็จอา ฮ่องเต้ององค์ก่อนรู้ว่ามีคนจงใจลอบวางแผนทำร้าย ทว่ากลับไปมีการสืบสวน เจ้าทายสิว่าเพราะเหตุใด”
“เพราะฮ่องเต้องค์ก่อนรู้ว่าคนร้ายเป็นใคร เขาไม่คิดจะลงโทษคนร้าย”
เซี่ยเชียนฮวันโพล่งออกมา
อาจเป็นขุนนางที่กุมอำนาจ อาจเป็นพระสนมที่ทรงโปรด หรืออาจเป็นเพราะการมีอยู่ของเซวียนชินอ๋องเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงตำแหน่งรัชยาท
เซียวเย่หลันมองนางด้วยร้อยยิ้มที่ไม่ได้ยิ้ม “ตัวตนคนร้าย เจ้ากล้าทายต่อหรือไม่”
เซี่ยเชียนฮวันเม้มปาก “บางทีอาจไม่ต้องให้ข้าทายแล้ว”
“เพราะเหตุใด”
“เมื่อครู่ตอนที่ข้ารักษาให้ชินอ๋อง ได้สำรวจอาหารของเขาเป็นพิเศษ มีใส่เครื่องเทศที่อยู่ในอาหารหลายจานแตกต่างจากโต๊ะอื่น ปริมาณน้อยมาก แต่ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นอาการป่วยของเขา”
หรือจะพูดได้ว่า มีคนเจตนาทำให้เซวียนชินอ๋องอาการกำเริบต่อหน้าทุกคน หนึ่งเพื่อให้เขาขายหน้า สองคือทดสอบฝีมือแพทย์ของเซี่ยเชียนฮวัน
และคนผู้นี้มีแค่ฮ่องเต้ผู้เดียว
พี่ชายแท้ๆ ของเซวียนชินอ๋อง
เซี่ยเชียนฮวันไตร่ตรองในใจ ฮ่องเต้ลงมือโหดเหี้ยม เขาใช้ประโยชน์จากพี่น้องของตัวเองเพื่อทดสอบนาง
วันนี้ได้ยินเรื่องราวที่เก็บมานานหลายปีจากเซียวเย่หลัน
ในที่สุดนางก็เข้าใจ จักพรรดิบนบัลลังก์มังกรผู้นั้น มีวิธีการโหดร้ายเหนือกว่าที่นางจินตนาการไว้มาก
“ตอนนี้เจ้าควรรู้ เหตุใดข้าจึงไม่ให้เจ้าทำตัวเด่นออกหน้าออกตา” เซียวเย่หลันพูดเรียบๆ
“เข้าใจแล้ว เจ้าเป็นห่วงข้า” เซี่ยเชียนฮวันพยักหน้า
“......”
“แต่ว่าเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่สตรีธรรมดา ต่อให้ฝีมือการแพทย์เก่งกาจแค่ไหนก็ไม่เป็นภัยคุกคามต่อเขา”
เซี่ยเชียนฮวันเดิมทีคิดจะยื่นมือไปตบไหล่เซียวเย่หลัน แต่เมื่อเงยหน้าก็สบเข้ากับสายตาเย็นชาที่พร้อมฆ่าคนได้ตลอดเวลาของเขาพอดี เหอะ ช่างมันเถอะ
กับคนเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องสนิทสนม
เซียวเย่หลันจ้องนางค่อยๆ หดมือกลับไป เขาพูดเสียงเย็น “อันติ้งโหวปกป้องเจ้าดีเกินไป ภูมิหลังครอบครัวเจ้าไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด”
“ห๊ะ? พ่อข้าไม่ใช่แค่คนร่ำรวยว่างงานหรือ อย่างมากก็โชคดีได้เกิดเป็นญาติกับไทเฮา แม่ข้าก็เป็นแค่หญิงงามธรรมดาคนหนึ่ง จะมีภูมิหลังใดได้อีก”
เซี่ยเชียนฮวันสีหน้างงงวย
ในความทรงจำนาง การต่อสู้แย่งชิงอำนาจในราชสำนักล้วนไม่เกี่ยวข้องกับจวนอันติ้งโหว เนื่องจากครอบครัวนางแม้สนิทสนมกับไทเฮา แต่ทุกคนล้วนรู้ว่าพ่อนางรู้จักแต่เอาใจภรรยา กินดื่มหลับนอน นอกจากนั้นแล้วสติปัญญาก็ไม่ค่อยฉลาดนัก
“กลับกันเถอะ” เซียวเย่หลันแค่นเสียงเย็น ไม่คุยหัวข้อนี้ต่อแล้ว
เซี่ยเชียนฮวันจับชายกระโปรง ลุกขึ้นยืนตามเขา
เวลานี้เอง ขันทีสีหน้าจริงจังคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นกะทันหัน เขาเดินตรงไปยืนอยู่ต่อหน้าเซี่ยเชียนฮวัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังหย่า ราชาสงครามอ้อนขอข้าคืนดี
นางเอกก็ทนไม้ทนมือดีจริง เขาดูถูกเหยียดหยามสารพัด ลงไม้ลงมือเกือบตายก็หลายหน แต่ก็ไม่หย่า ทั้งที่จะว่าไปทางบ้านก็ไม่ได้ห้ามให้หย่านะ...
แสร้งตายไหม จะได้ไปจากกันสักที ให้สมคำโปรยหน่อย...
ก็ยังไม่หย่าที...
ขอให้หย่าให้สำเร็จทีเถอะ จะได้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ...
คือท่านอ๋องนี้นอนกับใครก็จำไม่ได้อีก น่าจะนอนกับพระชายานั่นแหละ แต่นางร้ายมาสวมรอยแทน อ๋องโง่ก็เชื่ออีกจ้า โอ้ยยยยยยยย พล็อตซ้ำอีกแล้ว...
อยากให้พระชายาหย่าเร็วๆ แนวผัวชั่ว เมียน้อยดอกบัวขาว รวมหัวกันทำร้ายเมียเอก เมียเอกได้แต่ยอมทนจนเกือบตาย สุดท้ายความจริงเปิดเผยตอนจบ กว่าจะมีความสุขก็เกือบตายตั้งหลายครั้งแบบนั้น ไม่อยากให้เป็นเลย...
เรื่องราวจะเฮฮาน่ารักไหมน๊อออ...