ตกดึก
เซี่ยเชียนฮวันปรุงยาแก้พิษให้เซียวเย่หลันดื่ม
นางตั้งใจเพิ่มสมุนไพรจีนที่มีรสขมเป็นพิเศษเข้าไปบางส่วน
คาดไม่ถึงว่า เซียวเย่หลันจะดื่มโดยไม่ขมวดคิ้ว ราวกับดื่มน้ำเปล่า
บางครั้งนางก็สงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์จริงๆ หรือไม่ ตอนเกิดมาเลยสูญเสียอารมณ์ความรู้สึกเฉกเช่นคนปกติทั่วไป
นางนั่งลงบนเก้าอี้เล็กข้างเตียง เท้าคางถาม “เซียวเย่หลัน ท่านแม่ของท่านเป็นคนแบบไหน?”
“ถามทำไม”
“ก็ถามเฉยๆ”
สิ่งสำคัญคือนางต้องหลักฐานยืนยันการคาดเดาในใจของนาง
ลองดูว่าชายผู้นี้สืบทอดยีนกลายพันธุ์หรือไม่
เซียวเย่หลันวางถ้วยยา ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา “นางเป็นสนมในวังหลังคนหนึ่งที่ไม่เป็นที่โปรดปราน นั่นคือทั้งหมด”
“อ้อ”
เซี่ยเชียนฮวันเห็นว่าเขาไม่อยากพูดมากไปกว่านี้ จึงไม่ได้ถามต่อ
มีข่าวลือเกี่ยวกับมารดาของเซียวเย่หลันน้อยมาก
แต่เฉิงกุ้ยเฟยกลับมีชื่อเสียงฉาวโฉ่มาก ว่ากันว่าการแท้งบุตรหลายครั้งในวังหลังล้วนมีความเกี่ยวข้องกับนาง และนางสนมหลายคนที่เกี่ยวข้องด้วยก็ล้วนแต่เป็นบุตรสาวของขุนนางคนสำคัญ
อาจกล่าวได้ว่า เมื่อพูดถึงการแท้ง เฉิงกุ้ยเฟยก็ไม่กลัวใครนินทา
ฮ่องเต้ทุ่มเทจิตใจในการอบรมรัชทายาท ส่วนเรื่องราวในวังหลังก็จะลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง คร้านจะเข้าไปยุ่ง สิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นความเย่อหยิ่งของเฉิงกุ้ยเฟย
มารดาแท้ๆ ของเซียวเย่หลันสามารถให้กำเนิดเขาได้อย่างปลอดภัยภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนั้น หากบอกว่านางแค่มีกึ๋น เซี่ยเชียนฮวันก็คงไม่เชื่อ
เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่นางกับเซียวเย่หลันแต่งงานกัน หมู่เฟยของเขากลับไม่มา
ทุกคนต่างรู้สึกว่าสตรีผู้นี้มีความลับยิ่งใหญ่บางอย่าง
พอมานึกตอนนี้มันก็ค่อนข้างน่าจะแปลกใจ
“ข้ากำลังจะเข้านอนแล้ว” เซียวเย่หลันหันมองเซี่ยเชียนฮวัน
“แล้วคืนนี้ข้าจะนอนที่ไหน?”
“ใครสนกัน”
กล่าวจบ เซียวเย่หลันก็เอนกายล้มตัวนอน ดึงผ้าห่มมาห่อตัวเขา
เซี่ยเชียนฮวันอยากหยิบถ้วยยามาฟาดกบาลเขาสักที
หรือว่านางจะฝ่าลมหนาวตอนกลางคืน เดินผ่านครึ่งจวนเพื่อไปนอนที่ห้องของเขา?
ไม่คุ้มเลย
นางได้ยินเสี่ยวตงบอกว่า เซียวเย่หลันคุ้นเคยกับการนอนบนเตียงทหาร กระดานเตียงของเขาแข็งพอที่จะผ่าแอบเปิ้ลได้
เมื่อก่อนซูอวี้เออร์เคยแอบมุดเข้าไปในเตียงของเซียวเย่หลัน โดยหวังว่าจะทำให้เขาประหลาดใจกับสาวงามบนเตียง ผลคือนอนไม่ได้ แถมตัวเองยังต้องหนีกลับห้องอีกด้วย เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องตลกหลังอาหารเย็นของทุกคน
เซี่ยเชียนฮวันตัดสินใจไปอาบน้ำก่อน
ผ่านไปสักพัก
เซียวเย่หลันที่นอนอยู่บนเตียงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
เสียงน้ำจากนอกห้องและเสียงขัดผิวของหญิงสาว ราวกับมีภาพสาวงามอ่อนช้อยปรากฏขึ้นในหัวของเขา
เขาคิดว่าเขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีในทุกสถานการณ์
แต่ปรากฎว่าเขาทําไม่ได้
เซียวเย่หลันรู้สึกรำคาญใจมาก เขารวบรวมกำลังภายในทั้งหมดแล้วเริ่มฝึกฝน
จนกระทั่งมืออันอ่อนนุ่มข้างหนึ่งที่ชุ่มน้ำอุ่นเหลืออยู่ยื่นออกมา แล้วดึงผ้าของเขาขึ้น
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าขึ้นเตียง” เซียวเย่หลันขมวดคิ้ว
“แต่นี่เป็นเตียงของข้า ผ้าห่มผืนนี้ก็เป็นสินเดิมที่ข้านำติดตัวมาจากตระกูลข้า”
เซี่ยเชียนฮวันยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่า ไม่มีเหตุผลที่จะให้สุนัขตัวนี้มายึดผ้าห่มของนางไป
นางดึงผ้าห่มมาหาตัวครึ่งหนึ่ง โดยคลุมที่ท้องของนาง
เซียวเย่หลันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยนางไป
ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนนั้นมีขนาดเท่าอ่างล้างหน้าครึ่ง เหมือนใกล้แต่ก็ดูห่างไกลอยู่ดี
เซี่ยเชียนฮวันหันกลับมา จ้องมองหลังศีรษะของเซียวเย่หลัน แล้วถามว่า “สถานที่ที่เจ้ารังเกียจมากที่สุดก็คือหอหลันเซียง แล้วเหตุใดตอนนี้จึงเลือกพักฟื้นที่นี่?”
นางไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนเสี่ยวตง ที่คิดว่าเซียวเย่หลันเริ่มชอบและชื่นชมนาง
การที่เขาไม่จากไป
จะต้องมีเหตุผลอื่น
ผ่านไปสักพัก เซียวเย่หลันก็ตอบว่า “จับชู้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังหย่า ราชาสงครามอ้อนขอข้าคืนดี
นางเอกก็ทนไม้ทนมือดีจริง เขาดูถูกเหยียดหยามสารพัด ลงไม้ลงมือเกือบตายก็หลายหน แต่ก็ไม่หย่า ทั้งที่จะว่าไปทางบ้านก็ไม่ได้ห้ามให้หย่านะ...
แสร้งตายไหม จะได้ไปจากกันสักที ให้สมคำโปรยหน่อย...
ก็ยังไม่หย่าที...
ขอให้หย่าให้สำเร็จทีเถอะ จะได้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ...
คือท่านอ๋องนี้นอนกับใครก็จำไม่ได้อีก น่าจะนอนกับพระชายานั่นแหละ แต่นางร้ายมาสวมรอยแทน อ๋องโง่ก็เชื่ออีกจ้า โอ้ยยยยยยยย พล็อตซ้ำอีกแล้ว...
อยากให้พระชายาหย่าเร็วๆ แนวผัวชั่ว เมียน้อยดอกบัวขาว รวมหัวกันทำร้ายเมียเอก เมียเอกได้แต่ยอมทนจนเกือบตาย สุดท้ายความจริงเปิดเผยตอนจบ กว่าจะมีความสุขก็เกือบตายตั้งหลายครั้งแบบนั้น ไม่อยากให้เป็นเลย...
เรื่องราวจะเฮฮาน่ารักไหมน๊อออ...