หลังหย่า ราชาสงครามอ้อนขอข้าคืนดี นิยาย บท 89

“ทำไม เจ้าหึงหวงอย่างนั้นหรือ ไม่ให้ข้ามองชายอื่นเลยอย่างนั้นหรือ ?”

เซี่ยเชียนฮวันเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง

ดวงตาของเซียวเย่หลันมีความโกรธเกรี้ยวอยู่ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ต้องเลือกแล้ว ข้าจะให้พวกเขาไปเดี๋ยวนี้”

“เดี๋ยวสิ ข้าเลือกคนนี้ก็ได้ ดูๆ แล้วร่างสูงกำยำดี หน้าตาก็หล่อใช้ได้ มาเป็นองครักษ์เงา ช่างไม่เหมาะเอาซะเลย”

เซี่ยเชียนฮวันเอานิ้วจิ้มกล้ามของชายผู้เป็นองครักษ์เงาด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

องครักษ์เงารูปหล่อผู้นั้นก็อดที่จะเขินจะแก้มแดงไม่ได้

“หลินซู่ ต่อไปเจ้ามีหน้าที่ปกป้องหญิงไร้ยางอายผู้นี้ ต่อไปหากมีคนคิดข่มขู่นางเอานางมาบีบบังคับข้าก็ฆ่ามันได้เลย” เซียวเย่หลันกัดฟันกรอดพลางกล่าว

องครักษ์เงาที่ชื่อหลินซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวถามอย่างระมัดระวังว่า “ฆ่าคนร้ายนั่นหรือว่าฆ่าพระยาชาพ่ะย่ะค่ะ”

“ฆ่าทั้งสองนั่นแหละ!”

เซียวเย่หลันทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูก ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและเดินไปเข้าไปทางลับ

“อย่าไปฟังเขา เจ้าบ้านั่นพูดด้วยความโกรธ” เซี่ยเชียนฮวันขยิบตาให้หลินซู่ “ชีวิตของพระชายาสำคัญที่สุด”

“ห๊ะ…อ๋อ”

หลินซู่ไม่เคยเห็นจ้านอ๋องเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย เขาจึงตั้งตัวไม่ทัน

เซี่ยเชียนฮวันหันหน้าไป ทว่า สีหน้าของนางที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ นางเดินตามหลังเซียวเย่หลันไปพลางแอบสบถด่าเขาอยู่ในใจ

เรื่องที่เขาทำก่อนหน้านี้ นางยังไม่ได้คิดบัญชีเลย

ตอนนี้กลับมาโกรธนางแทนเสียอย่างนั้น

หากเขาไม่ใช่ชายสารเลว โลกนี้ก็ไม่มีใครสารเลวแล้วล่ะ

เห็นแก่ที่เซียวเย่หลันส่งคนปกป้องนางอย่างลับๆ เซี่ยเชียนฮวันไม่ได้ดุด่าอะไรเขา เพียงแค่เหล่ตาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้มองเขาและไม่ได้พูดอะไรกับเขา

หน้าประตูจวนอ๋อง มีรถหน้าจอดรออยู่

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เซียวเย่หลันถึงไม่ขี่ม้า แต่กลับนั่งรถม้าไปคันเดียวกับนาง และทิ้งซูอวี้เออร์ไว้ข้างหลัง

สีหน้าของเขาบึ้งตึง แต่ความจริงอยากยื่นมือไปจับและประคองเซี่ยเชียนฮวัน

กลับนึกไม่ถึงว่าเซี่ยเชียนฮวันจะไม่ได้สนใจ นางยกชายกระโปรงเดินขึ้นรถม้ามา ทำให้มือของเซียวเย่หลันรอเก้อจนรู้สึกเขินอายเก้ๆ กังๆไป

หลังจากที่นั่งรถม้าขึ้นมาแล้ว

เซี่ยเชียนฮวันหลับตาพักผ่อน ทำเหมือนว่าเซียวเย่หลันเป็นเพียงแค่อากาศ

ปกติแล้วเซียวเย่หลันจะเป็นคนที่มีกลิ่นอายแข็งแกร่งมาก ไม่เคยถูกผู้ใดเมินใส่เช่นนี้มาก่อนเลย และจากที่นั่งเงียบมานาน ในที่สุดเขาก็ปริปากเอ่ยอธิบายออกมาว่า “วันนี้ไปงานชมดอกไม้ที่จวนซวนซินอ๋องเราไปในนามจวนจ้านอ๋อง หากข้าไปรถม้าคันเดียวกับอวี้เออร์มันจะดูไม่เหมาะสม อาจจะทำให้เกิดการติฉินนินทาเอาได้”

เซี่ยเชียนฮวันตอบแค่ “อืม” ดูเหมือนไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เลย

เซียวเย่หลันคุ้นชินกับการที่นางพูดจากมากความมากกว่า ทว่าตอนนี้กลับถูกนางปฏิบัติย่างเย็นชาใส่ เขาไม่ชินเอาเสียเลย

ครั้นแล้วเขาจึงหาเรื่องพูดคุย “ในคืนนั้นที่เขาลู่หวู่ ร่างกายเจ้ามีรอยเท้าหมาป่าเต็มไปหมด แต่หมอกลับบอกว่าร่ายกายเจ้าไม่ได้มีรอยกัดของหมาป่าเลย เป็นเพราะเหตุใดกัน”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ ในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

ฝูงหมาป่าในคืนนั้น

อันที่จริงนางก็ครุ่นคิดมาหลายคืนแล้ว แต่ก็คิดไม่ออก

หากพูดตามหลักเหตุผล กว่าเซียวเย่หลันจะหานางเจอ นางน่าจะหลายเป็นศพถูกหมาป่าเหล่านั้นกัดเนื้อหนังมังสาตายไปแล้ว

แต่เพราะเหตุใดหมาป่าฝูงนั้นถึงได้ปล่อยนาง

เซี่ยเชียนฮวันเคยได้ยินท่านอาจารย์พูดว่า หากสามารถศึกษาวิชากุ่ยอีถึงขั้นสูงสุดได้ ก็จะเข้าใจได้ถึงวิญญาณของทุกสรรพสิ่ง

แต่นั่นก็ลี้ลับซับซ้อนเกินไปแล้ว นางไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก

“อาจเป็นเพราะว่าข้าตั้งครรภ์อยู่กระมัง บังเอิญในฝูงหมาป่าฝูงนั้นมีแม่หมาป่าอยู่ด้วย มันรับรู้ได้ถึงกลิ่นว่าข้าตั้งครรภ์อยู่ สัญชาตญาณของความเป็นแม่กระมัง เลยดลบรรดาลให้พวกมันปล่อยข้าไป” เซี่ยเชียนฮวันกล่าวอย่างราบเรียบ

นางหาคำอธิบายที่ดูมีเหตุผลที่สุด

เซียวเย่หลันไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ แต่เมื่อได้ฟังนางพูดถึงเด็กในท้อง สีหน้าของเขาก็ไม่ค่อยจะดีนัก

เขายังคงคิดว่าเป็นลูกของคนอื่นอยู่

“เด็กคนนี้ นับว่ายังโชคดีที่มีชีวิตรอดมาได้” เซียวเย่หลัน

“ใช่ แม้ท่านอ๋องจะไม่อยากรักษาลูกเสือลูกตะเข้คนนี้คนเอาก็ตาม แต่เขาก็มีชีวิตรอดมาได้”

เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยสีหน้าประชดประชัน

เซียวเยี่ยหลันสะดุ้งเล็กน้อย “นี่เจ้าได้ยินที่ข้าพูดกับหมออย่างนั้นหรือ ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังหย่า ราชาสงครามอ้อนขอข้าคืนดี