หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 165

เสียงนี้มาจากเพื่อนร่วมชั้นตอนม.หก ของเธอ คคนานต์

“คคนานต์หรอ?” ชัชนันท์ถามอย่างไม่แน่ใจ สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

พวกเขานั่งเรียนโต๊ะติดกันเมื่อตอนอยู่ชั้นม.หก ในตอนนั้น พวกเขาสนิทกันมาก แต่หลังจากจบมัธยมปลายแล้ว คคนานต์ก็ไปเรียนต่อต่างประเทศทำให้ทั้งคู่ติดต่อกันน้อยลง

ต่อมา หลังจากที่เธอถูกมาวินหักหลังก็ตัดขาดการติดต่อกับญาติสนิทมิตรสหายทั้งหมด และไปยังประเทศYเพียงลำพัง จึงทำให้พวกเธอไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

“ฉันเอง......นันท์ เธอยังจำฉันได้อยู่ใช่ไหม? หลังจากนี้เจ็กวัน ฉันจะจัดงานรวมรุ่นเพื่อนสมัยมัธยมปลายที่โรงแรมโรงแรมนานาชาติฮิลล์ เธอจะต้องมานะ โอเคไหม?”

“ลำพังฉันคนเดียวก็เชิญเพื่อนทุกคนในห้องเรียนA ม.หกของพวกเราได้เรียบร้อยแล้ว......ถ้าเธอไม่มา งานก็คงจะไม่สมบูรณ์” น้ำเสียงของทางฝั่งนั้นอบอุ่นและน่าฟังเช่นเคย

“โอเค” ชัชนันท์ตอบตกลงโดยไม่พูดอะไรมาก

ในตอนแรก หลังจากที่เรียนจบ เพื่อนๆ สมัยมัธยมปลายเหล่านั้นต่างก็แยกย้ายกันไปในทิศทางของตัวเอง

เธอเองก็อยากจะเจอพวกเขา อยากจะเห็นว่าตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง ในตอนนั้น ทุกคนต่างก็อยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาวและมุ่งมั่นที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ไปด้วยกัน มันช่างเป็นช่วงเวลาที่สวยงามมากจริงๆ

“โอเค......งั้นเดี๋ยวฉันส่งสถานที่และวันเวลาที่แน่นอนให้เธออีกทีนะ เธอต้องมาให้ได้นะ”

“รู้แล้วจ๊ะ”

“ฉันได้ยินมาว่าเธอแต่งงานแล้ว งั้นวันงานก็พาสามีมาให้พวกเรารู้จักด้วยนะ งานรวมรุ่นครั้งนี้ พาครอบครัวมาด้วยได้”

“อืม”

จากนั้น ชัชนันท์และคคนานต์ก็คุยกันต่ออีกสักพักแล้วก็วางสาย

“ทำกับข้าวเสร็จแล้วใช่ไหม?” ชัชนันท์ถาม

“ใช่”

“เยี่ยมไปเลย ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว” ชัชนันท์ยืนขึ้นอย่างมีความสุขพร้อมทั้งบิดขี้เกียจอย่างสบายใจ จากนั้นก็ไปล้างมือและเดินเข้าห้องอาหารไปด้วยกันกับเขา

ชัชนันท์เห็นอาหารน่ากินเต็มโต๊ะก็อดไม่ได้ที่จะชูนิ้วโป้งให้กับเขา “ยอดเยี่ยมไปเลย ขอบคุณนะคะ”

“ขอแค่คุณชอบก็พอแล้ว” เขากล่าว

ชัชนันท์นั่งลงและมองดูอาหารทุกจานอย่างละเอียด ทุกๆ อย่างล้วนเป็นอาหารที่เธอชอบกินทั้งนั้น

“ชอบสิ จะให้ไม่ชอบได้ยังไงก็ของโปรดฉันทั้งนั้นเลย” เธอเอ่ย

เขารินไวน์แดงให้เธอเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรออกมา

“ฉันจะไปงานรวมรุ่นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า คุณไปกับฉันได้ไหม?” ชัชนันท์ใช้มือขวาจับแก้วไวน์ที่อยู่ด้านข้างมาเขย่าไวน์ในนั้นเบาๆ

“ได้สิ”

......

หลังจากที่นลินกินข้าวกลางวันกับพ่อแม่ที่บ้านตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากพงศ์พรผู้กำกับชื่อดัง ว่าให้เธอออกไปคุยธุระกัน

เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เธอได้ยินมาว่าพงศ์พรวางแผนจะถ่ายละครเกี่ยวกับราชวงศ์ชิงที่ได้รับความนิยมใหม่อีกครั้ง พระเอกกำหนดไว้ว่าเป็นวงศ์พรนักแสดงนำชายยอดนิยม นักแสดงสมทบที่สำคัญๆ ส่วนใหญ่เป็นนักแสดงยอดฝีมือ มีเพียงนางเอกเท่านั้น ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นใคร

ดังนั้น เธอจึงคิดที่จะแนะนำนักแสดงหญิงบางคนของXเอนเตอร์เทนเมนท์ที่ยอดเยี่ยมไปให้เขาเลือก

และในตอนนี้พงศ์พรก็ได้โทรมาหาเธอ เธอจึงคิดว่าเขาอยากจะใช้หนึ่งในนักแสดงหญิงเหล่านั้นที่เธอได้แนะนำไป

เนื่องจากเป็นการนำมาถ่ายใหม่อีกครั้ง ดังนั้นจะต้องมีฐานแฟนคลับอยู่แล้วแน่ๆ บวกกับการที่มีวงศ์พรนักแสดงนำชายยอดนิยม และนักแสดงยอดฝีมืออีกจำนวนมากที่ตกลงร่วมแสดงละครเรื่องนี้ ดังนั้นเสียงจะต้องได้รับความนิยมสูงแน่ๆ

ยังไม่ทันได้ถ่ายทำก็ดังแล้ว ถ้าหากนักแสดงหญิงจากXเอนเตอร์เทนเมนท์ได้รับบทเป็นนางเอก ก็มีโอกาสสูงมากที่จะดัง

เบื้องหลังของพงศ์พรแข็งแกร่งมาก ผู้มีอิทธิพลทุกคนในวงการรวมทั้งสถานีโทรทัศน์ก็ยังต้องไว้หน้าเขา

ดังนั้น ถ้าเป็นละครของเขา จะต้องได้รับความนิยมสูงแน่ๆ อีกทั้งยังจะได้ออกอากาศในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของช่วงปิดเทอมฤดูร้อน หรือหนาวแน่ๆ

เธอจะไม่ยอมให้นักแสดงหญิงของเธอทำโอกาสดีๆ แบบนี้หลุดลอยไปแน่ๆ

เธอตอบตกลงโดยไม่พูดอะไรมากมาย หลังจากนั้นก็รีบเติมเครื่องสำอางและมายังร้านกาแฟชั้นหนึ่งของโรงแรมนานาชาติฮิลล์ที่พงศ์พรนัดไว้

ในเวลานี้ มีคนอยู่ในร้านกาแฟไม่มากนักและมีคนไม่กี่คนที่จะมองไปรอบๆ

ในตอนที่เธอมาถึงพงศ์พรก็นั่งรอเธออยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างแล้ว

เขาที่อายุเข้าสู่วัยกลางคนแล้วก็เริ่มหัวล้าน มองดูแล้วไม่เข้ากันกับเด็กวัยหนุ่มสาวที่อยู่โดยรอบ

เมื่อเห็นนลิน เขาก็โบกมือให้เธออย่างกระตือรือร้น

นลินก็โบกมือให้เธออย่างกระตือรือร้นเช่นกัน จากนั้นจึงเหยียบรองเท้าบู๊ตสูงเหนือเข่าของเธอเดินไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามของเขา

“ไม่ทราบว่าวันนี้ผู้กำกับคุณพงศ์พรเรียกฉันออกมาด้วยเรื่องอะไรหรอคะ?” นลินพูดตรงประเด็น

“ก็ต้องเป็นเรื่องเลือกตัวนางเอกละครเรื่องใหม่ของผมอยู่แล้ว ผมพอใจคนที่คุณนลินแนะนำมาทั้งหมดเลย ผมจึงอยากให้พวกเธอมาออดิชั่นกับผมเพื่อหาคนที่ผมพอใจที่สุดมารับบทนางเอกของเรื่องนี้”

นลินรู้สึกมีความสุขมากในทันที “จริงหรอคะ? ยอดเยี่ยมไปเลย ขอบคุณพงศ์พรมากนะคะ”

“จริงสิ......แต่ว่า ผมมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง”

“เงื่อนไขอะไรคะ?” นลินถาม

“บริษัทของพวกคุณมีนักแสดงเด็กที่ชื่อภนิตาใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ”

“ผมอยากให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนสักสองวัน ผมชอบเด็กคนนั้นมากๆ เลย”พงศ์พรลดเสียงต่ำลงและมองออกไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว

หลังจากที่เห็นว่ารอบๆ พวกเขาไม่มีคนอยู่แล้ว เขาก็มีดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย

หลังจากได้ยินเช่นนี้ นลินก็โกรธจัดขึ้นในทันที

เธอรู้ดีว่า ในวงการของพวกผู้กำกับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะใสสะอาด นอกจากนั้น ยังมีบางคนก็เบี่ยงเบนทางเพศอีกด้วย

แต่ ภนิตาอายุยังไม่ถึงแปดขวบเลยนะ

ใครๆ ต่างบอกว่าพงศ์พรคนนี้เป็นคนใสสะอาดมาก ต่อให้ส่งนักแสดงสาวในกองอายุ 17-18 ปีไปให้ถึงที่บ้านเขาก็ไม่สนใจใยดี

จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ใสสะอาด เขาเพียงแค่ไม่ได้ชอบเด็กสาวอายุ 17-18 แต่กลับชอบเด็กสาววัยประถมเหล่านั้นแทน

เธอจำได้แม่นมากว่าเมื่อปีก่อน ตอนที่มีการเปิดเผยกรณีพวกนี้ในวิตเตอร์พงศ์พรยังเคยออกมากล่าวหาคนเลวเหล่านั้นด้วยความสง่าผ่าเผย อีกทั้งยังเรียกร้องให้รัฐเพิ่มการลงโทษเกี่ยวกับเรื่องประเภทนี้อีกด้วย

นี่มันช่างรู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ

“ให้เด็กคนนี้มาอยู่เป็นเพื่อนผมสักสองวัน แล้วนางเอกของละครเรื่องนี้ รวมทั้งตัวประกอบหญิงที่สำคัญๆ ผมจะใช้คนของบริษัทคุณทั้งหมด โอเคไหม คุณไม่เสียเปรียบอะไรเลยนะ” ใบหน้าของเขาดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลยและดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมานั้นผิดอะไร

เมื่อได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้ของเขา นลินก็ยิ่งรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้แน่นอน

นลินมองพงศ์พรอย่างเย็นชาและไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปาก ไฟที่สุมอยู่ในใจก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ถึงแม้ว่าเธอจะเจอกับคนที่ทำลายมุมมองเรื่องพวกนี้มาแล้วนับไม่ถ้วนในวงการนี้ แต่เธอก็ยังคงรับไม่ได้กับคนที่สกปรกและชั่วช้าเช่นนี้

“พูดตามตรง ช่วงนี้มีคนมากมายที่ต่อสู้เพื่อให้ได้บทนางเอกของเรื่องนี้มา คุณลองคิดทบทวนดูดีๆ ก่อนก็ได้นะ คุณนลิน” น้ำเสียงของพงศ์พรเต็มไปด้วยความรู้สึกกดขี่

เขาคิดว่า ความเงียบของนลิน คือการที่เธอกำลังสองจิตสองใจอยู่เท่านั้น

“เธอเพิ่งจะแปดขวบ” นลินขมวดคิ้ว ในใจโกรธจนแทบจะทนไม่ไหว

“แปดขวบแล้วยังไงล่ะ? มันไม่ปกติหรือยังไง? ก่อนหน้านี้ยังเคยมีเด็กห้าขวบมาก่อนเลย” สีหน้าของพงศ์พรไม่แยแสอะไร หลังจากพูดจบจบแล้ว เขาก็ยังยักไหล่อีกด้วย

ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับเขาในวงการนี้ ดังนั้น เขาเขาจึงไม่ต้องหลบซ่อนคำพูดอะไรเลย

ยิ่งเขาทำเช่นนี้ ไฟในใจของนลินก็ยิ่งลุกโชน นึกไม่ถึงเลยว่าห้า ขวบก็ยังจะเอา? ไอ้โรคจิต!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว