หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 200

เกิดอะไรขึ้น?ทำไมชัชนันท์ถึงรู้จักภรรยาของรองประธานาธิบดีได้ละ?

แล้วก็……

ภรรยาของรองประธานาธิบดีคนนี้ทำไมถึงได้สนิทสนมกับชัชนันท์ขนาดนี้?ตอนนี้ชัชนันท์ได้รับการสนับสนุนจากภรรยาของรองประธานาธิบดีแล้ว งั้นเธอจะทำยังไงดี?

ชัชนันท์ยังไม่หายจากการตะลึงงัน ยังคงมองภรรยาของรองประธานาธิบดีด้วยสายตาที่ซื่อบื้อ

“ทำไมเหรอ?ไม่รู้จักคุณป้ากชมนของหนูแล้วเหรอ?”อีกฝ่ายพูดกล่าวอีก

ชัชนันท์ส่ายหน้าแล้ว “ไม่ใช่คะ……เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า คุณ……จู่ๆจะเป็น……ภรรยาของประธานาธิบดี”

กชมนยิ้มแล้ว “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว นันท์ คำพูดเหล่านั้นที่พวกเธอพูดกันหมายความว่าไงเหรอ?”

ไม่รอให้ชัชนันท์พูด คนรอบๆก็แย่งชิงเพื่อเป็นคนแรก กลัวว่าตัวเองจะรั้งท้ายเพื่อน อธิบายเรื่องทั้งหมดให้กชมนฟังรอบหนึ่งแล้ว

เห็นภรรยาของประธานาธิบดียืนอยู่ข้างๆชัชนันท์ กลุ่มของพวกเธอก็อยากที่จะรีบยืนอยู่ฝั่งชัชนันท์ไปโดยปริยาย

พวกที่ผู้หญิงสูงศักดิ์ที่ไม่รู้เรื่องจริงถูกปลุกปั่นจนด่าทอชัชนันท์อย่างสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว ในเวลานี้ในใจเริ่มรู้สึกสั่นคลอนแล้ว

ได้ฟังคำอธิบายของทุกคน ในเวลานี้มารีญาตกใจจนใจเต้นรัวจนแทบสูญเสียการควบคุมแล้ว ใบหน้าก็แดงก่ำอยู่ครู่หนึ่ง ขาวครู่หนึ่ง

ความเย่อหยิ่งที่อยู่บนตัวของเธอในตอนแรก ก็หายสาบสูญไปแล้ว

เดิมที เธอคิดอยาจะทำให้ชัชนันท์กลายเป็นเรื่องน่าขำ

แต่ว่า สิ่งที่คิดไม่ถึงคือ ท้ายที่สุดคนๆนั้นที่กลายเป็นเรื่องน่าจำกลับกลายเป็นตัวเองแล้ว

หากรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก เธอไม่มีทางตะโกนเสียงดังดึงดูดผู้คนเข้ามามากมายเช่นนี้แน่นอน

ตอนนี้เธอเสียดายสุดๆแล้ว

มารีญายืนอยู่ที่นี่ จะออกไปก็ไม่ดีจะอยู่ต่อก็ไม่ได้ เหมือนว่ากรอกตะกั่วเข้าไปในร่างกายยังไงอย่างนั้น หนักอย่างมากจนไม่อาจจะเทียบได้

เห็นภรรยาของประธานาธิบดีดีกับชัชนันท์มากขนาดนี้ งั้นเธอพุ่งเป้าจัดการชัชนันท์ อีกฝ่ายจะต้องสั่งสอนเธออย่างหนักหน่วงสินะ?

“อ๋อ?งั้นเหรอ?” กชมนเบี่ยงสายตามองไปที่ใบหน้าของมารีญาอย่างช้าๆแล้ว

วินาทีถัดไป นัยน์ตาของกชมนก็ย้อมด้วยความเยือกเย็น ตรงกันข้ามกับตอนที่เผชิญหน้ากับชัชนันท์อย่างสมบูรณ์

ตอนที่เธอมองไปยังมารีญา ร่างกายของมารีญา สั่นคลอนโดยไม่รู้ตัวทันที หัวใจแทบจะหยุดเต้น

“จริงๆแล้วเป็นการเข้าใจผิดทั้งหมด ” มารีญาพูดตอบอย่างระมัดระวัง ใบหน้าแดงระเรื่อแพร่ขยายไปจนถึงหูและลำคอแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงสักหน่อยเลย

“เข้าใจผิดเหรอ?ฉันฟังที่ทุกคนพูดมันไม่เหมือนการเข้าใจผิดนะ สาวน้อย คุณใส่ร้ายป้ายสีนันท์ของเราเช่นนี้ ตอนนี้ควรพูดขอโทษหรือเปล่า? ”

“ฉัน……ฉัน……”มารีญาไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับว่าอย่างไรดี ในใจสับสนวุ่นวายจะตายแล้ว

ต้องขอโทษเหรอ?งั้นขายขี้หน้าแค่ไหน?

แต่ถ้าไม่ขอโทษ คุณหญิงท่านนี้ไม่มีทางให้อภัยเธอสินะ?ถ้าเกิดว่าไม่ระวังพลอยทำให้ตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์เดือดร้อนไปด้วย งั้นเธอจะต้องถูกไล่ออกจากบ้านแน่

ท่าทางที่หวาดกลัวของมารีญา ชัชนันท์เห็นมันอยู่ในสายตา รู้สึกสบายอกสบายใจขึ้นเยอะแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้ว กัดฟันเผชิญหน้ากับสายตาของชัชนันท์ ก้มศีรษะด้วยความเคารพ “ขอ……ขอโทษ ฉันไม่ควรใส่ร้ายป้ายสีคุณ……”

ชัชนันท์ถอนหายใจลากยาวแล้ว ขี้เกียจที่จะไปถือสากับเธอต่อแค่อยากจะรีบเข้าไปในงานประมูล ดังนั้นก็เลยไม่สนใจมารีญา มองกชมนไปทางพร้อมพูดว่า “คุณป้า……เราเข้าไปกันเถอะค่ะ งานประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว……ฉันไม่อยากเสียเวลา”

“ฉันเข้าใจแล้ว……”กชมนพยักหน้าเหมือนโขลกกระเทียม ความอ่อนโยนนัยน์ตาเข้มข้นถึงขีดสุด

วินาทีถัดมา เธอก็ยกมือขึ้น มองไปที่มารีญาอย่างเยือกเย็น “คุณชื่อว่าอะไรนะ?”

คำถามนี้ ทำให้มารีญารู้สึกจิตใจพะว้าพะวังไม่เป็นสุขเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม

เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรตอบดีหรือไม่ ถ้าเกิดตอบกลับไปแล้ว เธอรู้ว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์แล้ว งั้นเธอจะไประบายความโกรธกับตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์หรือเปล่า?

ถ้าหากไม่ตอบ งั้นก็ไม่มีประโยชน์นะ ถึงอย่างไง เธอก็สืบหาได้ ชัชนันท์หญิงสารเลวนั่นก็ต้องบอกแน่

ดังนั้น เธอทำได้เพียงตอบกลับอย่างเชื่อฟัง “มา……มารีญา”

“อ๋อ……คนของตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์นี่เอง……มิน่าล่ะสันดานเสียขนาดนี้” กชมนพูดอย่างไร้ความปรานี

มารีญายิ่งรู้สึกอึดอัดใจมากยิ่งขึ้น

“คนของตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์?งั้นก็เป็นน้องสาวของมาวิน สินะ?จุ๊ๆๆๆ……พี่เป็นยังไงน้องก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”

“ประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาของตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์ ไม่ได้เรื่องจริงๆ ฉันว่าสักวันหนึ่งจะต้องเสื่อมถอยในกำมือของเธอกับมาวินแน่”

“พูดว่าเป็นคนของตระกูลวงศ์ดีประสิทธิ์ ฉันก็เข้าใจแล้ว และก็ไม่แปลกใจ……คนอย่างมาวินก็เป็นแบบนี้ มารีญาเป็นเช่นนี้อีกสักคนก็ถือว่าอะไรกันละ?”

พวกผู้หญิงสูงศักดิ์ต่างก็เริ่มพูดกันขึ้นมา พะเน้าพะนอกชมน เหยียบย่ำมารีญาอย่างไม่หยุดหย่อน

รอยยิ้มที่มุมปากของชัชนันท์ค่อยๆลึกซึ้งมากขึ้น แอบสบายใจอย่างไม่หยุดดหย่อน คำพูดเหล่านั้นที่ดังเข้ามาในหู ทำให้ตัวเองรู้สึกอุ่นอกอุ่นใจอย่างสุดขีด

มารีญาสัมผัสได้ว่า ความภูมิใจในตนเองของตน กำลังถูกคนเหยียบย่ำบนพื้นอย่างโหดเหี้ยม

เธอโมโหมาก รู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมมาก อยากระบายมาก แต่เธอรู้ว่าตัวเองทำไม่ได้……

“ไปกันเถอะ นันท์……”กชมนจับมือของชัชนันท์ต่อ ก้าวเดินไปข้างใน

พวกผู้หญิงสูงศักดิ์ที่มุงดู ต่างก็กลอกตามองบนใส่มารีญาแล้ว และหลังจากนั้นก็เดินตามชัชนันท์และกชมนไปเลย

มารีญาสูดลมหายใจเข้าลึกๆทันที หันหลังคิดจะเดินจากไป

แต่เมื่อนึกถึง คำพูดที่พ่อกำชับมา เธอก็หยุดฝีเท้าทันทีแล้ว

พ่อบอกว่าให้เธอมาช่วยประมูลแจกันลายครามของราชวงศ์ถัง ถึงขั้นเคยพูดว่าต้องประมูลมาให้ได้ ห้ามให้คนอื่นแย่งไปได้เด็ดขาด

ถ้าหากว่าเธอออกไปตอนนี้ งั้นหลังจากกลับบ้านก็ถูกพ่อตำหนิ

ตอนนั้นที่เธอตามตื้อพ่อแม่ อยากให้พวกเขาช่วยตัวเองเอาตั๋วงานประมูลในครั้งนี้มา พ่อยื่นเงื่อนไข่เพียงอย่างเดียวคือเรื่องนี้

ในเมื่อถูกพวกชัชนันท์ขัดจังหวะขนาดนั้น ความคิดของเธอที่อยากจะยืมใช้งานประมูลทำความรู้จักกับคนรวยและมีอำนาจก็ไม่มีแล้ว ถึงขั้นไม่อยากเข้าไปสถาบันประมูลนี้เลยโดยสิ้นเชิง

แต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ เธอก็จำเป็นต้องกัดฟันเข้าไป เธอจะต้องประมูลโบราณวัตถุชิ้นนั้นมาให้ได้

วินาทีต่อมา เธอถอนหายใจลากยาวแล้ว พยายามเดินทอดน่องอยู่ด้านนอก ปรับเปลี่ยนอารมณ์ครู่หนึ่ง

หลังจากนั้นก็หยิบการ์ดเชิญ เดินมาถึงหน้าประตูตรวจตั๋ว……

หลังจากตรวจตั๋วเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปตรวจเช็คความปลอดภัยที่ด้านหน้าแล้ว

งานประมูลครั้งนี้ เพราะว่าตัวตนของแขกที่มาค่อนข้างพิเศษมาก เพราะงั้นจึงตรวจเช็คความปลอดภัยเข้มงวดเป็นพิเศษ……

เธอผ่านด้านการตรวจเช็คทั้งหกครั้ง ถึงจะเข้าด้านในของงานประมูลแล้ว

ภายในงานประมูล เหมือนกันกับด้านนอก เป็นการตกแต่งที่งดงามและแปลกแบบโบราณตามสไตล์ประเทศZ โต๊ะเก้าอี้และพื้น ทั้งหมดเป็นไม้จันทน์แดงที่มีมูลค่าแพงมาก

ภายใต้การแนะนำของพนักงานบริการ เธอเข้าไปในโถงประมูลขนาดใหญ่บนชั้นสองแล้ว

ด้านในนี้มีทั้งหมดสองชั้น

ชั้นแรกจัดวางโต๊ะตรงหน้ามากมาย คนนั่งเต็มทั้งหมดแล้ว

ชั้นที่สองเป็นพื้นที่ห้องวีไอพี มองดูแล้วคนน้อยกว่าหน่อย โต๊ะก็จัดวางไม่กี่โต๊ะเท่านั้น

ตั๋วที่เธอได้มาอยู่โซนห้องวีไอพี ดังนั้น เธอก็ยกกระโปรง เดินขึ้นชั้นสองเลย

ตอนที่สายตาจับจ้องโต๊ะที่นั่งของตัวเอง ฝีเท้าของเธอก็หยุดลงอีกครั้งแล้ว

โต๊ะของเธอ คิดไม่ถึงว่าจะใกล้กับโต๊ะของชัชนันท์

ในเวลานี้ชัชนันท์ กำลังดื่มชาและพูดคุยกันกับกชมน บรรยากาศบนโต๊ะของทั้งสองคนดีมากเป็นพิเศษ

กลุ่มคนชุดดำยืนอยู่ด้านหลังของทั้งสอง ภาพฉากยิ่งใหญ่

เห็นตอนที่ชัชนันท์พูดคุยกับกชมน ท่าทางที่เงียบสงบเช่นนั้น และสีหน้าท่าทางที่ตามใจอย่างมากของกชมนนั่น มารีญาอิจฉาริษยาถึงขีดสุดแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว