หวานใจประธานเย็นชา นิยาย บท 22

   

  ดวงตาของอู๋จิ้งหย่าเบิกกว้างในทันใด เธอล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด และเอ่ยพึมพำ “เป็นฉันที่คล้ายกับเธอ?เป็นไปได้ยังไง ฉันไม่เชื่อ…”

    ในตอนที่กู้หยุนเซินตื่นขึ้นมาและเห็นเสิ่นเยว่ซี ก็รู้สึกคุ้นเคยกับเธอมาก เมื่อเขาเห็นเธออ้อนวอนที่จะอยู่ในตระกูลกู้อย่างน่าสงสาร ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนขี้สงสารอะไร แต่เขากลับรู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอ

    ต่อมาเมื่อเขาไปที่ตระกูลเสิ่น เขาเห็นเสิ่นจื่อเสวียนกับเธอยืนอยู่ด้วยกัน จึงนึกขึ้นมาได้ว่าเขาเคยเจอเธอในวันเกิดของเสิ่นจื่อเสวียนก่อนหน้านี้ 

    ที่แท้เสิ่นเยว่ซีก็คือเด็กผู้หญิงคนนั้นที่หดตัวอยู่ตรงมุมและมองไปที่เค้กด้วยตาละห้อย

    พรหมลิขิตของพวกเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ในตอนนั้นแล้ว 

    ในห้องผู้ป่วยเงียบสงัด จู่ๆ โทรศัพท์ของกู้หยุนเซินก็ดังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่เขากดรับสาย  น้ำเสียงเป็นกังวลของลุงหลินก็ดังออกมาจากในสาย

    “คุณชาย คุณนายน้อยตื่นแล้วครับ คุณรีบมาเถอะ!เอ่อ แล้วก็ คุณนายน้อยอาจจะเข้าใจคุณผิด นิดหน่อย คุณต้องอธิบายให้คุณนายน้อยเข้าใจสักหน่อยนะครับ”

    ลุงหลินจำท่าทีก่อนหน้านี้ของเสิ่นเยว่ซีได้ จึงกำชับเตือนเขาอย่างเคร่งครัด

    สติของกู้หยุนเซินสั่นคลอน เขาส่งเสียงตอบรับ ก้าวขายาวไปข้างหน้าแล้วรีบเดินไปที่ประตู 

    ทันทีที่เขาไปถึงประตู เสียงแหลมของอู๋จิ้งหย่าก็ส่งเสียงตะโกนดังมาจากทางด้านหลัง“กู้หยุนเซินหยุดนะ!”

    “คุณยังมีธุระอะไรอีก?”กู้หยุนเซินหันหน้าอย่างหมดความอดทน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและถมึงทึง

    หัวใจของอู๋จิ้งหย่าสั่นสะท้าน แต่เมื่อนึกถึงแผนของตนเอง เธอมองไปที่เขาด้วยขนหัวที่ตั้งตรง “กู้หยุนเซินถ้าคุณต้องการที่จะรักษาเสิ่นเยว่ซีเอาไว้ ก็อย่าได้จากฉันไป”

    “คุณหมายความว่าอะไร?”

    กู้หยุนเซินปล่อยรังสีความเย็นไปทั่วทั้งร่าง เขาเกลียดชังคนที่ข่มขู่เขามากที่สุด อู๋จิ้งหย่าไปเอาความกล้าจากที่ไหน ถึงได้กล้าเอ่ยคำพูดนั้นออกมา

    “ใน…ในช่วงสองวันที่ผ่านมาฉันได้ยินมาหนาหูว่า สี่เดือนที่คุณอยู่ในอาการโคม่า บริษัทไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณอีกแล้ว หากคุณจะครอบครองบริษัท คุณจะทำให้ใครหลายคนขุ่นเคืองใจอย่างแน่นอน จะต้องมีหมาจนตรอก อย่างเช่นจ้าวเว่ยหมิง”

    อู๋จิ้งหย่ารู้สึกประหม่าเพราะสายตาของเขา เธอกล่าวต่อด้วยเสียงสั่นเครือ “ฉันรู้ว่าคุณเก่งกาจมาก แต่การหลบซ่อนตัวในที่โล่งนั้นง่าย แต่ยากที่จะรับมือจากความมืด ไม่ว่าคุณจะป้องกันรอบด้านอย่างดีขนาดไหน ก็จะมีการเพลี่ยงพล้ำอย่างแน่นอน คุณคงไม่อยากเห็นเสิ่นเยว่ซีถูกลักพาตัวอีกใช่ไหม ครั้งนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ แล้วครั้งหน้าล่ะ?”

    กู้หยุนเซินขมวดคิ้วและมองเธอด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาพึมพำเสียงเย็น “น่าสนใจ คุณพูดต่อสิ”

    อู๋จิ้งหย่ากลืนน้ำลาย ปกปิดความหึงหวงอันบ้าคลั่งในดวงตาของเธอ นิ้วมือกำแน่น “ฉันไม่ต้องการอะไรตอบแทน ฉันอยากจะทำข้อตกลงกับคุณ”

    “เพราะคุณช่วยฉันจากการลักพาตัว คนนอกจะคิดว่าคนที่คุณชอบจริงๆ แล้วคือฉัน ฉันสามารถเป็นเกราะป้องกันของเสิ่นเยว่ซีได้ ดึงความสนใจของคนพวกนั้น เพื่อที่เธอจะได้ปลอดภัย”

    หลังจากที่เธอพูดจบ เธอมองไปที่กู้หยุนเซินอย่างประหม่า “คุณคิดว่าอย่างไร?”

    “เป็นวิธีที่ดี แต่ว่าเรื่องนี้จะไม่มีผลดีอะไรต่อคุณเลย” กู้หยุนเซินเหลือบมองเธอด้วยสายตาเฉียบคม “เงื่อนไขของคุณคืออะไร?”

    ฉันต้องการตำแหน่งคุณนายน้อยกู้!

    อู๋จิ้งหย่าอยากจะพูดสิ่งนี้ออกไปมาก แต่เพราะเธอรู้ว่ากู้หยุนเซินจะไม่ตอบตกลง หากความปรารถนาของเธอคือเขา เขาจะไม่มีทางให้เธออยู่ข้างกายอย่างเด็ดขาด

    “หลังจากจบเรื่อง เอาเงินให้ฉัน30 ล้าน!”

    คำขอนี้เกินความคาดหมายของเขาเล็กน้อย กู้หยุนเซินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นึกถึงเสิ่นเยว่ซีที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียงผู้ป่วย ก้นบึ้งหัวใจของเขาหนักอึ้ง

    เขาไม่อยากเผชิญเหตุการณ์อะไรแบบนี้อีก ในรอบหลายปีสองวันนี้เป็นสองวันที่เขาวิตกกังวลที่สุดในชีวิต

    “ได้ ผมตกลง”

    ……

    “เสิ่นเยว่ซี ฉันไม่อยู่แค่หนึ่งเดือน ทำไมเธอถึงไปแต่งงานได้?”

    กู้หยุนเซินรู้สึกอึดอัดอย่างมากเมื่อได้ยิน เขาอยากที่จะบอกความจริงทั้งหมดกับเธอ แต่เมื่อนึกถึงแผนการของเขากับอู๋จิ้งหย่า เขาจึงจำต้องฝืนทนเอาไว้

    เขาหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวกำชับกับลุงหลิน “ให้คนดูแลเธออย่างดีและถ้ามีเรื่องอะไรก็ให้บอกผมทันที”

    หลังจากกล่าวจบฉันก็กำลังจะจากไป

    ลุงหลินนิ่งเงียบ เขารู้แผนการของคุณชายแล้ว และตอนนี้เขาก็ต้องร่วมมือ แต่เมื่อเห็นท่าทีของคุณนายน้อย เขาก็รู้สึกอดรนทนไม่ได้ 

    ขอแค่ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงเรียบร้อยก็พอแล้ว จากความสามารถของคุณชาย เรื่องในวันนี้จะจบลงในอีกไม่นานแน่ 

    ในห้องผู้ป่วย เมื่อหลินหวีได้ยินคำพูดที่น่าสลดใจของเธอ ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ต่อความอ่อนข้อของเธอ “เธอโตแล้วหรือยังเนี่ย!เธอจะปล่อยหญิงร้ายชายเลวคู่นี้ไปแบบนี้งั้นเหรอ?เธอฟ้องหย่าและยอมหลีกทางให้ผู้หญิงคนนั้นอย่างง่ายดาย มันไม่ง่ายสำหรับคนพวกนั้นไปหน่อยเหรอ?”

    “แล้วจะให้ฉันทำอะไรได้!”เสิ่นเยว่ซีรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว “ฉันรักเขามาตั้งนานหลายปี ชีวิตครึ่งหนึ่งของฉันมีเขาอยู่มาโดยตลอด ราวกับฝังแน่นอยู่ในเลือดเนื้อของฉัน คำว่า หย่า คำนี้ที่ฉันได้พูดออกไป มันก็เหมือนกับฉีกดึงเอาเลือดเนื้อและกระดูกของฉันออกไปเช่นกัน”

    เมื่อหลินหวีเห็นเธอเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกสงสารจับใจ เธอเช็ดน้ำตาเบา ๆ “ถ้างั้นก็อย่าหย่าสิ!”

    เสิ่นเยว่ซีตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า

    หลินหวีมองเธอด้วยสายตาฉายความเย็นยะเยือก “ฟังพี่นะ รักแรกแล้วยังไง มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน มันผ่านไปนานมากแล้ว ไม่ว่าความสัมพันธ์จะแน่นแฟ้นขนาดไหนสุดท้ายมันก็จืดจางไป เธอต้องจำเอาไว้ว่าในตอนนี้ ตำแหน่งคุณนายน้อยกู้เป็นของเธอ หากเธอไม่สามารถปล่อยวางกู้หยุนเซินได้ ก็จงรักษาตำแหน่งนี้เอาไว้”

    เธอกล่าวพลางลูบผมของเสิ่นเยว่ซีอย่างอ่อนโยน “เสิ่นเยว่ซีที่ฉันรู้จักไม่ได้เป็นคนอ่อนแอและถอยง่ายๆ ถ้าเธอจะฟ้อง เธอก็ควรเป็นฝ่ายฟ้องหย่าเขา ไม่ใช่วิ่งหนีออกไปด้วยความสิ้นหวัง”

    เมื่อเสิ่นเยว่ซีได้ยิน เธอก็เม้มริมฝีปาก สายตาของเธอแน่วแน่มากยิ่งขึ้น 

    เธอเอื้อมมือไปกอดเอวของหลินหวีเอาไว้ ฝังหน้าของตนเองเอาไว้ในอ้อมแขนของเธอ ด้วยร่างกายอันเปราะบางและน้ำเสียงอู้อี้ “ฉันจะปรับปรุงตัวเองใหม่ ถ้าหากว่าเขาไม่ได้รักฉันจริง ๆ และต้องการอยากจะได้อู๋จิ้งหย่ามาเป็นภรรยา ฉันเองก็ไม่ใช่คนหน้าไม่อายอะไร”

    เพียงแต่ว่าทุกอย่างล้วนต้องใช้เวลา ที่หลินหวีพูดก็ถูก เวลาผ่านไปนานมากแล้ว ไม่ว่าความสัมพันธ์จะแน่นแฟ้นขนาดไหนสุดท้ายมันก็เจือจางไป  

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานใจประธานเย็นชา