กู้หยุนเซินมองดูเธอด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ดวงตาที่มืดมนราวกับเหวที่ไร้ก้นบึ้ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความร้ายกาจ
เสิ่นจื่อเสวียนตกใจจนเหงื่อออกหลัง
“เสิ่นจื่อเสวียน พูดเหลวไหลอะไร!” เสิ่นมู่เจียงดุเธอ จากนั้นก็หันไปขอโทษกู้หยุนเซิน “จื่อเสวียนยังเด็ก ไม่รู้ความ พูดอะไรผิดไป หยุนเซินอย่าถือสาเธอเลย”
กู้หยุนเซินมองสองพ่อลูกด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “คุณหนูพูดถูก ผมเป็นแค่คนพิการคนหนึ่งจริงๆ ไม่คู่ควรกับเธอ โชคดีที่ยกเลิกงานหมั้น ไม่เช่นนั้น ผมคงจะเป็นอุปสรรคของผู้สืบทอดตระกูลเสิ่นไปตลอดชีวิต”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ทำให้สีหน้าของเสิ่นจื่อเสวียนดูแย่มากกว่าเดิม
“ไม่ ไม่ใช่...” เธออยากจะแก้ตัว แต่กู้หยุนเซินกลับไม่อยากฟัง เขาบอกให้เสิ่นเยว่ซีเข็นเขาออกไปจากห้องครัว
กวนฉิงจับมือเสิ่นจื่อเสวียนด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล “ทำไมลูกถึงพูดแบบนั้นออกมา ถึงแม้กู้หยุนเซินจะขาพิการ แต่เขาไม่ใช่คนที่ตระกูลเรายั่วยุได้”
เสิ่นเยว่ซีได้สติกลับมา เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบแหลมและเอาแต่ใจตัวเอง “คุณแม่ เมื่อกี้เสิ่นเยว่ซียั่วโมโหหนู ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ หนูไม่มีทางพูดแบบนั้นออกมา... เธอ มันคือความผิดของเธอ”
กวนฉิงตบไหล่ปลอบใจเธอ จากนั้นก็หันหน้าไปมองแผนหลังของเสิ่นเยว่ซีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หลังจากกลับมาห้องรับแขก ความอ่อนโยนที่กู้หยุนเซินแสร้งทำก่อนหน้านี้ก็หายไป และถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาและมืดมน พลังงานจากตัวเขาช่างน่ากลัว
เสิ่นเยว่ซีคิดว่าคำพูดของเสิ่นจื่อเสวียนทำให้เขาไม่พอใจ เธอกระซิบข้างหูเขาเบาๆ “คุณหมอบอกว่าขาของคุณรักษาได้คะ...”
“แล้วถ้ามันรักษาไม่ได้ล่ะ!”
กู้หยุนเซินขัดจังหวะเธอ
”ถ้ารักษาไม่ได้ ชีวิตนี้ผมต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต ทุกคนจะหัวเราะเยาะคุณ บอกว่าสามีคุณเป็นคนพิการ ถึงตอนนั้นคุณจะทำยังไง”
เขามองเสิ่นเยว่ซีด้วยสายตาที่ลึกซึ้งราวกับเหวที่ลึกและว่างเปล่า
จู่ๆเสิ่นเยว่ซีก็หัวเราะเบาๆ “ไม่เห็นเป็นอะไร คุณก็แค่ใช้รถเข็นเร็วกว่าฉันสองสามปี ต่อไปถ้าฉันแก่แล้ว อาจจะต้องให้คุณสอนฉันใช้รถเข็นก็ได้”
กู้หยุนเซินมองรอยยิ้มที่สดใสของเธอด้วยความตกใจ ความเสียใจในใจก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เขายกมือขึ้นลูบผมเสิ่นเยว่ซีเบาๆด้วยสีหน้าพอใจ
ดูเหมือนว่าการเก็บเธอไว้ มันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
เสิ่นมู่เจียงกลับมาที่ห้องรับแขก เห็นพฤติกรรมของพวกเขาสองคน เขาก็รู้สึกโล่งใจ
“ประธานกู้เอ็นดูเยว่ซี คนเป็นพ่ออย่างผมก็หมดห่วงแล้ว เธอไม่ได้โตมากับผม แต่เยว่ซีเป็นคนสุขุมและอ่อนโยน เป็นลูกที่กตัญญูและรู้ความ เก่งกว่าลูกสาวคนโตที่ไม่เอาถ่านของผมซะอีก...”
ได้ยินคำชมที่จอมปลอม เสิ่นเยว่ซีรู้สึกอยากจะอ้วก เธออยู่ในบ้านตระกูลเสิ่นมาตั้งหลายปี ไม่เคยมีใครพูดจาดีกับเธอ แต่ตอนนี้กลับพูดจาน่าขยะแขยงแบบนี้ออกมาเพื่อเอาใจกู้หยุนเซิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานใจประธานเย็นชา