“คุณยังไม่ลงไปเหรอ!”
เธอเงยหน้าขึ้นเห็นสายตาที่เฉยเมยของเขา
“แค่เล่นละครต่อหน้าเสิ่นจื่อเสวียน คุณคิดจริงเหรอ”
เสิ่นเยว่ซีมองดูสายตาที่เย็นชาของเขา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเสียใจ หัวใจที่เต้นแรงของเธอสงบลงทันที
เธอรีบลุกขึ้นจากตักของกู้หยุนเซิน นึกขึ้นมาได้ว่าขาของเขายังไม่หายดี กลัวว่าตัวเองจะทำให้เขาเจ็บ เธอจึงรีบนั่งลงนวดขาให้เขาเบาๆ
กู้หยุนเซินที่กระวนกระวายใจอยู่แล้ว ตอนนี้ต้นขาของตัวเองถูกนิ้วที่เรียวราวของเธอนวดเบาๆ ความรู้สึกแปลกๆมันก็กลับมาอีกครั้ง
เขาผลักเสิ่นเยว่ซีออกด้วยสัญชาตญาณ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตัวเองออกแรงมากเกินไป เขาผลักเธอล้มลงกับพื้นทันที
สายตาของเสิ่นเยว่ซีเต็มไปด้วยความเสียใจ ตอนนี้เขาไม่แม้แต่จะให้เธอแตะต้องตัวเอง
กู้หยุนเซินเห็นเธอตาแดงก่ำและเม้มริมฝีปากตัวเอง แต่เขากลับไม่อธิบายอะไร แล้วพูดอย่างเย็นชา “เข็นผมกลับไปได้แล้ว!”
มื้อกลางวัน ทุกคนกินกันอย่างมีเรื่องในใจ
หลังจากกินเสร็จ พวกเขาสองคนกำลังจะกลับ หลังจากยกรถเข็นของกู้หยุนเซินขึ้นไปบนรถแล้ว เสิ่นจื่อเสวียนที่ไม่พูดอะไรอยู่นานก็ยื่นมือออกมาจับเสิ่นเยว่ซี แล้วพูดเบาๆ ว่า
“เสิ่นเยว่ซี ฉันรู้ว่าเธอชอบกู้หยุนเซินมาตั้งแต่เด็ก... “
สีหน้าของเสิ่นเยว่ซีซีดขาว ขนตาของเธอสั่นไหวด้วยความตื่นตระหนก “เธอพูดเหลวไหลอะไร... ฉัน...ฉัน... “
ยังพูดไม่จบ เสิ่นจื่อเสวียนก็ขัดจังหวะเธอ “ไม่ต้องมาปฏิเสธเลย เมื่อกี้ฉันเห็นสมุดบันทึกในห้องของเธอ เรื่องที่เธอเขียนไว้ ฉันอ่านหมดแล้ว”
เสิ่นเยว่ซีโมโห เธอหน้าแดง เสิ่นจื่อเสวียนเข้าไปค้นห้องของเธอ แล้วยังแอบดูสมุดบันทึกเล่มนั้นของเธอ
“อย่าทำเป็นได้ใจ เธอคิดว่าแต่งงานกับกู้หยุนเซินแล้วเธอก็จะสุขสบายอย่างนั้นเหรอ เสิ่นเยว่ซี เธอต้องรูปตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เธอก็เป็นแค่ลูกสาวนอกสมรสของตระกูลเสิ่น ลูกสาวนอกสมรสไม่มีทางได้เป็นคุณนายตระกูลกู้”
ดูเหมือนเสิ่นจื่อเสวียนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอยิ้มแปลกๆ “กู้หยุนเซินไม่ชอบฉัน แต่เขาก็ไม่มีทางชอบเธอ เธอไม่มีทางได้นั่งตำแหน่งนั้น”
สีหน้าของเสิ่นเยว่ซีเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าเสิ่นจื่อเสวียนจะเล่นอะไร แล้วเธอก็ไม่อยากสนใจ เธอขึ้นรถแล้วออกไปจากบ้านตระกูลเสิ่นทันที
ทิวทัศน์นอกหน้าต่างผ่านไปเรื่อยๆ เสิ่นเยว่ซีมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ราวกับกำลังคิดอะไรยู่ในใจ
เสิ่นจื่อเสวียนพูดถูก เธอชอบกู้หยุนเซิน เธอชอบเขามาตั้งนานแล้ว
ครั้งแรกที่เธอเจอกู้หยุนเซิน คืองานวันเกิดอายุสิบหกปีของเสิ่นจื่อเสวียน
ตอนนั้นเสิ่นจื่อเสวียนเชิญเพื่อนมาร่วมงานวันเกิดมากมาย เธอแต่งตัวราวกับเจ้าหญิงตัวน้อย และถูกล้อมรอบอยู่ตรงกลาง แต่เสิ่นเยว่ซีกลับสวมชุดเก่าๆยืนมองดูเธออยู่ตรงมุมห้อง
เพราะคุณพ่อไม่สนใจ กวนฉิงและเสิ่นจื่อเสวียนรังแกเธอ เธอไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้ว
“แผลที่ข้อมือของคุณมาจากไหน?”
เสิ่นเยว่ซีก้มหน้าลงมอง บนข้อมือที่ขาวเนียนของเธอมีรอยช้ำสองสามรอย มันคือรอยที่เสิ่นมู่เจียงจับข้อมือเธอ
แต่เกิดเรื่องหลายๆเรื่องขึ้นพร้อมกัน เธอจึงไม่ได้สังเกต ตอนนี้แผลเริ่มบวมและอักเสบ บนข้อมือที่ขาวเนียนของเธอ ทำให้มันดูน่ากลัว
“ไม่เป็นไรคะ ฉันไม่ระวังเอง”
เสิ่นเยว่ซีปล่อยแขนเสื้อลงปิดรอยแผลอย่างไม่สนใจ
เห็นสีหน้าที่ไม่แปลกใจของเธอ ไม่รู้ว่าทำไม กู้หยุนเซินถึงรู้สึกไม่พอใจ ยังไม่ทันได้สติกลับมา เขาก็เผลอพูดออกไปว่า
“คุณเป็นคุณนายตระกูลกู้ ในเมื่อตระกูลเสิ่นไม่ต้อนรับคุณ คุณก็ไม่ต้องกลับไปอีก”
เสิ่นเยว่ซีมองเขาอย่างเหม่อลอย สีหน้าของเขาเย็นชา แต่เขาพูดคำว่า “ตระกูล” ได้อย่างอ่อนโยน ราวกับสามารถทำให้จิตใจที่กระสับกระส่ายของเธอสงบลงได้ในพริบตา
เธอรู้สึกเสียใจ ยิ้มให้เขาเบาๆด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน
กู้หยุนเซินเห็นเธอยิ้ม หัวใจของเขารู้สึกราวกับถูกอุ้งเท้าที่มีขนปุกปุยข่วนเบาๆ นี่เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ และเขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนก เขาหันหน้าหนีด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หยาบกระด้าง “คุณรู้ตัวซะบ้าง อยู่ต่อหน้าคนอื่นต้องทำตัวให้เหมือนคุณนายน้อยตระกูลกู้ ไม่อย่างนั้นก็เก็บข้าวของแล้วออกไปจากบ้านตระกูลกู้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานใจประธานเย็นชา