ภายในเรือนฮ่วนซี ยามเสี่ยวชิงที่กำลังเคี่ยวยาเห็นท่านอ๋องอุ้มเจ้านายตนกลับมาด้วยตนเองนั้น ก็ตกใจจนล้มแปะลงกับพื้น
ใช่นางตาลายไปเองหรือว่าผีหลอก?
เฉาเย่ารีบเดินเข้าไปประคองนาง จากนั้นก็คารวะเจียงอู๋วั่งพร้อมกัน
ภาพนี้ก็ทำให้เฉาเย่าตกตะลึงเป็นพิเศษเช่นกัน ทว่ายามเห็นสีหน้าซีดขาวของซ่งหวานหว่าน ความตกตะลึงของนางก็ถูกความร้อนใจปัดตกไปทันที
“นายหญิง! ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ ไยท่านถึงหน้าซีดเช่นนี้?”
“ไม่เป็นไร... แค่เสียเลือดมากไปหน่อย...” ซ่งหวานหว่านค่อยๆ ลืมตาขึ้น กล่าวว่า “ยาของข้าเคี่ยวเสร็จหรือยัง”
เสี่ยวชิงรีบกล่าวว่า “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ! บ่าวจะไปยกมาให้ท่าน!”
นางรีบเทยาออกมา แล้วเป่าให้เย็น
เจียงอู๋วั่งอุ้มซ่งหวานหว่านไปที่เตียง หลังจากวางลงเบาๆ แล้ว ก็เก็บมุมผ้าห่มให้ด้วย
“คุณหนู ยามาแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวชิงยกยาเดินเข้ามา ปวดใจจนตาแดง
เจียงอู๋วั่งป้อนยาให้ซ่งหวานหว่านดื่มด้วยตนเอง ซ่งหวานหว่านรู้สึกเพียงว่าเปลือกตาเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ฝืนต่อไปไม่ไหว ปิดตาลงแล้วหลับสนิทไปในที่สุด
การนอนหลับในครั้งนี้ของนาง กินเวลาไปสามวันเต็ม
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซีดเซียวของเซี่ยซื่อ
“ท่านแม่...” นางเอ่ยเสียงแหบ
“หว่านเอ๋อร์! เจ้าฟื้นแล้ว!” เซี่ยซื่อทั้งตกใจและดีใจ กล่าวเสียงสะอื้น “มา เจ้าดื่มน้ำสักหน่อยก่อน คอจะได้ชุ่ม”
ซ่งหวานหว่านดื่มน้ำอุ่นไปกว่าครึ่งถ้วยภายใต้การประคองของนาง ลำคอรู้สึกโล่งสบายขึ้นมาก
“เด็กโง่อย่างเจ้านี่ เรื่องใหญ่เช่นนี้ไฉนเจ้าถึงแบกรับไว้คนเดียวไม่ยอมบอกแม่เลยเล่า เจ้าเดรัจฉานซ่งเว่ยหลิง! เขาถึงกับเอาเลือดเจ้าไปมากมายเช่นนี้ เขายังมีความเป็นพ่อคนอยู่หรือไม่!” เซี่ยซื่อร้องไห้เป็นสายเลือดกล่าวแต่ละคำด้วยความช้ำใจ
“ท่านแม่ อย่าเสียใจไปเลยเจ้าค่ะ เพราะนับจากนี้ไปข้ากับเขาไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว จริงสิท่านแม่ ข้าได้หนังสือหย่ามาแล้วนะ ต่อไปท่านเป็นอิสระแล้วเจ้าค่ะ”
“หว่านเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ...” เซี่ยซื่อกล่าวพร้อมกับตาแดงเรื่อ
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ลูกไม่ลำบาก มีท่านแม่อยู่ ลูกรู้สึกมีความสุขยิ่ง”
แม้ซ่งหวานหว่านจะฟื้นแล้ว แต่ร่างกายกลับยังอ่อนแรงอยู่ จึงต้องนอนอยู่บนเตียงอีกหลายวัน
ในช่วงหลายวันมานี้ เซี่ยซื่อเฝ้าอยู่ที่นี่คอยดูแลนางอยู่ตลอด จูเก่อซิวเองก็วิ่งมาที่นี่ทุกวันเช่นกัน คิดหาทุกวิถีทางเพื่อบำรุงร่างกายให้ซ่งหวานหว่าน เรื่องอย่างจับชีพจรต้มยาเหล่านี้ เขาเป็นคนเหมาเองทั้งหมด
นอกจากพวกเขาแล้ว เจียงอู๋วั่งก็เคยลอบมาที่นี่เพื่อเยี่ยมนางอยู่หลายครั้งเช่นกัน เพียงแต่ไม่มีใครรู้เท่านั้นเอง
ร่างกายของซ่งหวานหว่านหากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นว่านางฟื้นตัวเร็วมาก รอจนสภาพจิตใจของนางดีขึ้นบ้างแล้ว จึงให้พวกสาวใช้ประคองเซี่ยซื่อกลับไปพักผ่อน เพราะเซี่ยซื่อกลัดกลุ้มใจมานานขนาดนี้ หากเคี่ยวกรำนางต่อไป เกรงว่านางจะรับไม่ไหว
วันใหม่อีกหนึ่งวัน ยามซ่งหวานหว่านตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกเพียงว่าร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า สภาพดูดีขึ้นอย่างมาก
นางลุกจากเตียง เปลี่ยนไปสวมใส่ชุดเรียบๆ
ที่ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เป็นเสี่ยวชิงกำลังยกอาหารเช้าเดินเข้ามาพอดี
ซ่งหวานหว่านหมุนกาย หันมาสบตากับนาง
วินาทีต่อมา เสี่ยวชิงก็ส่งเสียงกรีดร้อง ถาดในมือร่วงหล่นกับพื้น
“กรี๊ด!! เจ้าเป็นใคร ทำไมมาอยู่ในห้องคุณหนูข้า ทั้งยังสวมชุดของนางด้วย”
ซ่งหวานหว่าน “???”
สายตาของสาวใช้ผู้นี้เกิดปัญหาหรือไร
“เสี่ยวชิง เจ้าจะโหวกเหวกโวยวายทำไม ข้าก็คือคุณหนูของเจ้าไม่ใช่หรือ”
“ท่าน... ท่านคือคุณหนู? จริงๆ หรือ ท่านคือคุณหนูจริงๆ ใช่ไหม แต่ใบหน้าของท่าน…ทำไมถึงหายแล้ว” เสี่ยวชิงโง่งมไปแล้ว ไม่กล้าเชื่อเด็ดขาดว่าสาวงามเพริดพริ้งสุดจะบรรยายที่อยู่ตรงหน้านางนี้ ถึงกับเป็นคุณหนูของนางเอง
“ใบหน้าของข้าหายดีแล้ว?” ซ่งหวานหว่านรู้สึกประหลาดใจ จึงรีบมาตรงหน้ากระจกสัมฤทธิ์
เห็นเพียงสาวงามในกระจก ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาราวกับหยก รอยด่างดำก่อนหน้านี้สลายหายไปหมดแล้ว ทั่วร่างงดงามจนน่าตะลึง
“ว้าว ที่แท้ใบหน้านี้ของข้าหลังขจัดพิษไปแล้วจะดูดีขนาดนี้เชียว!” ซ่งหวานหว่านลูบคลำใบหน้าเล็กๆ ของตัวเองอย่างปลื้มใจ
ผิวขาวราวหิมะ คิ้วโก่งดุจใบหลิว จมูกโด่งเล็กดูน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ข้างใต้ยังมีปากเล็กๆ คล้ายผลอิงเถาประดับอยู่
รูปลักษณ์นี้ ดูดีกว่าหน้าตาของนางในยุคปัจจุบันเสียอีก!
กำไรแล้วๆ!
เวลานี้เมื่อเสี่ยวชิงแน่ใจแล้วว่าสตรีตรงหน้าคือคุณหนูของนางไม่ผิดแน่ นางจึงกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น “คุณหนู ไม่คิดเลยว่าท่านจะงดงามปานนี้ คุณหนูรองเมื่อมาอยู่ตรงหน้าท่านจะนับเป็นอะไรได้ ตำแหน่งสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง ควรเป็นท่านถึงจะถูก!”
“ฮ่าๆๆ ปากเล็กๆ นี้ของเจ้าจะหวานเกินไปแล้ว สวยขนาดนั้นที่ไหนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต
ไม่ต่อแล้วหรอออ...
5555555555...
ต่อไหมค่ะ...
สนุกมากกกค่ะ...