หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต นิยาย บท 22

“ข้า... เผอิญไปเจอคนประหลาด..." ซ่งหวานหว่านยังคงเล่าแบบเดิม มีปัญหาก็โยนไปให้ ‘คนประหลาดชาวโปซือ’

เซี่ยซื่อถามอย่างฉงน “ไฉนแม่ไม่เคยได้ยินเจ้าเอ่ยถึงมาก่อน”

“นี่…เพราะตอนนั้นข้ายังเด็กเกินไปเจ้าค่ะ กลัวว่าหากท่านพ่อรู้เข้าจะถูกทุบตี”

เซี่ยซื่อนัยน์ตาดำมืด ไม่เอ่ยอะไรอีก

ท่านลุงรองเซี่ยเหวินชิงส่งเสียงเอ่ยขึ้นว่า “หว่านเอ๋อร์ ท่านตาเจ้าป่วยเป็นโรคอะไรหรือ”

“โรคกระหายน้ำเจ้าค่ะ” ซ่งหวานหว่านกำชับว่า “ต่อไปอาหารการกินของท่านตาต้องใส่ใจให้มาก กินหวานแต่น้อย อีกทั้งอาหารต้องเป็นไปตามเกณฑ์ ห้ามปล่อยให้ท้องหิวโดยไม่ทานอะไร”

ขณะซ่งหวานหว่านพูด ก็อธิบายข้อควรระวังมากมายไปด้วย จากนั้นถึงค่อยออกไปจากห้องนอน เว้นที่ให้เหล่าผู้อาวุโสได้คุยกัน

ขณะมองเงาหลังของนางเดินจากไป ในแววตาของเหล่าผู้อาวุโสล้วนเต็มไปด้วยความปลื้มใจ

อาภรณ์ที่นางสวมใส่เปลี่ยนมาเป็นสง่างามตามสมัยนิยมแล้ว อากัปกิริยาที่แสดงออกมาแลดูสุภาพเรียบร้อยเป็นเอกลักษณ์ ท่วงท่าในการจัดการเรื่องราวต่างๆ ก็มั่นอกมั่นใจเป็นพิเศษ นางเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ

“เหวินจวิน ได้ยินว่าเจ้าหย่าร้างกับซ่งเว่ยหลิงแล้ว?” นายท่านผู้เฒ่าเซี่ยถาม

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านพ่อ ลูกอยากจะหย่ากับเขามาตลอด เป็นเพราะหว่านเอ๋อร์ลูกถึงได้ทนมาจนถึงตอนนี้” เซี่ยเหวินจวินกล่าวอย่างเศร้าเสียใจอยู่บ้าง

“หย่าแล้ว ก็ดีเหมือนกัน” นายท่านผู้เฒ่าเซี่ยถอนหายใจกล่าว “เจ้าคนโฉดชั่วจิตใจเหมือนหมาป่าผู้นั้น เขาไม่คู่ควรกับเจ้า และไม่คู่ควรกับฐานะวงศ์ตระกูลของตระกูลเซี่ยเช่นเดียวกัน”

“ท่านพ่อ หนังสือหย่าฉบับนี้ของลูก แลกมาด้วยเลือดของหว่านเอ๋อร์เจ้าค่ะ มันแทบจะพรากชีวิตของนางไปครึ่งชีวิต…” ขณะเซี่ยเหวินจวินกล่าว น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างสุดจะกลั้น ภายใต้การเร่งรัดของคนตระกูลเซี่ย นางจึงต้องเล่าเรื่องดีๆ ที่ซ่งเว่ยหลิงทำออกมาจนหมดในคราวเดียว

พอคนตระกูลเซี่ยได้ยินก็พลันโกรธจัด

“ไอ้เดรัจฉาน! ช่างไร้มโนธรรมสิ้นดี! หว่านเอ๋อร์เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาแท้ๆ เขาทำเรื่องเช่นนี้ออกมา ไม่กลัวได้รับผลกรรมบ้างหรือ” นายท่านผู้เฒ่าเซี่ยโกรธจนสีหน้าเต็มไปด้วยความเดือดดาล

คนตระกูลเซี่ยที่เหลือก็ทั้งโมโหทั้งตกใจเช่นกัน

ฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยเอ่ยขึ้นเสียงสั่น “เจ้าคนสารเลวนี่! ทำร้ายลูกสาวข้าไม่พอ ยังกล้าทำร้ายหลานสาวข้าอีก มันจะรังแกกันเกินไปแล้ว! โชคดีที่หว่านเอ๋อร์ของเราวาสนาดี ไม่อย่างนั้นแล้วจะให้เหวินจวินมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร”

พี่ชายใหญ่เซี่ยเหวินซานเอ่ยขึ้นว่า “น้องสาว เจ้าย้ายกลับมาเถิด ตระกูลเซี่ยของเราสนับสนุนเจ้า!” 

“ใช่แล้ว ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่เถอะ เจ้าอยู่ที่จวนจ้านอ๋องไปตลอดก็ไม่ใช่ที่ ตระกูลเซี่ยจะเป็นบ้านของเจ้าไปตลอดชีวิต”

“ขอบคุณท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่รองเจ้าค่ะ” เซี่ยเหวินจวินกล่าว “ข้ายังไม่ย้ายกลับมาชั่วคราว ข้าเตรียมจะซื้อบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียงกับจวนจ้านอ๋องไว้พักอาศัยแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปหากอยากกลับมาก็กลับมาได้ทุกเมื่อ รอวันข้างหน้าหว่านเอ๋อร์มีบุตร ข้ายังสามารถไปเยี่ยมหานางได้ตลอดเวลา ช่วยนางดูแลอีกแรง”

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” นายท่านผู้เฒ่าเซี่ยกล่าว “อย่างไรก็ตามเจ้าต้องจำไว้ว่า จวนเซี่ยคือบ้านหลังที่สองของเจ้าเสมอ”

“เจ้าค่ะ…ขอบคุณท่านพ่อ” เซี่ยเหวินจวินขณะพูดก็สะอื้นไห้ออกมาเล็กน้อย

“เอาล่ะ ไม่คุยกันเรื่องนี้แล้ว พวกเราออกไปดูยัยหนูหว่านเอ๋อร์หน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว นางเสียเลือดไปมากขนาดนั้น ข้ารู้สึกไม่วางใจ”

คนกลุ่มหนึ่งพากันเดินออกมา เวลานี้ซ่งหวานหว่านกำลังเล่นอยู่กับญาติผู้น้องตัวน้อยที่โถงด้านนอก เมื่อเห็นว่าพวกผู้อาวุโสออกมากันแล้ว ก็รีบเดินไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว

“ท่านตา ท่านออกมาทำไมเจ้าคะ ท่านควรพักผ่อนให้มากสักหน่อย!”

ซ่งหวานหว่านประคองเขานั่งลงบนเก้าอี้ พลางเม้มปากกล่าว

“เด็กโง่ ตาสบายดี รีบมาให้ตาดูหน่อยว่าร่างกายเจ้าฟื้นตัวไปถึงไหนแล้ว”

ซ่งหวานหว่านแววตาไหววูบ เงยหน้ามองมารดาเซี่ยเหวินจวินที่ดวงตาบวมแดง ก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว ท่านตาคงจะรู้เรื่องระหว่างนางกับซ่งเว่ยหลิงแล้ว

นางยิ้มพลางส่ายหัว กล่าวว่า “วางใจเถิดเจ้าค่ะ ท่านตา หว่านเอ๋อร์ไม่เป็นไรแล้ว ทั้งยังโชคดีในคราวเคราะห์ด้วยเจ้าค่ะ!”

ทุกคนต่างงุนงง ใบหน้าเผยความสงสัยออกมา

ซ่งหวานหว่านเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะ ก่อนจะยกมือดึงผ้าคลุมหน้าลง

รูปโฉมล่มบ้านล่มเมืองหาใดเปรียบปรากฏออกมาตรงหน้าผู้คน ทำเอาทุกคนตกตะลึงจนลมหายใจสะดุด นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น

นี่มันสวยเกินไปแล้วกระมัง เทียบกับเซี่ยเหวินจวินที่เป็นยอดหญิงงามในตอนนั้น ยังสวยกว่ามาก ทำให้คนทั้งตกตะลึงและหวั่นไหวในคราวเดียวกัน

ญาติผู้น้องตัวน้อยนามว่าเซี่ยเจิ้นอุทานอย่างตกตะลึง “ว้าว! พี่สาว! ท่านคือเทพธิดาบนสวรรค์นี่นา!” 

“ฮ่าๆๆ เยี่ยมมาก! รอยด่างดำบนใบหน้าของหลานสาวสุดที่รักของตาหายไปแล้ว กลายเป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งยุค! ช่างเป็นความโชคดีในคราวเคราะห์โดยแท้!” นายท่านผู้เฒ่าเซี่ยปรบมือหัวเราะร่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต