ซ่งหวานหว่านพักอยู่ที่จวนสกุลเซี่ยเป็นเวลาสามวัน และสามวันมานี้ก็ผ่านไปอย่างมีแก่นสารยิ่ง นอกจากตรวจโรคแล้ว ก็ยังตรวจสุขภาพให้กับทุกคนในจวนสกุลเซี่ยทั้งบนล่าง นอกจากนี้ก็ยังไม่ลืมนั่งบำเพ็ญฌานเช่นเดียวกัน
ฮูหยินแม่ทัพได้ถูกแม่ทัพเซียวรับกลับไปพักฟื้นที่จวนแม่ทัพแล้ว และซ่งหวานหว่านยังพาเซี่ยเจิ้นกลับจวนจ้านอ๋องไปพร้อมกับมารดาอีกด้วย
เพิ่งจะกลับถึงเรือนฮ่วนซี หลินชิงไต้ก็มาหานางแล้ว
“คารวะพี่สาวเจ้าค่ะ พี่สาว ท่านกลับมาได้เสียที”
“หาร้านค้าได้แล้วหรือ เห็นเจ้าท่าทางรีบร้อน”
“หาเจอแล้วเจ้าค่ะ อยู่แถวกลางถนนหรงชาง แต่ค่าเช่าค่อนข้างแพง ตกปีละสองร้อยหกสิบตำลึงเงิน ส่วนบ้านก็ดูอยู่หลายที่ บ้านตรงที่อยู่ทางทิศตะวันออกของจวนจ้านอ๋องก็ไม่เลวเจ้าค่ะ พี่สาวอยากไปดูหน่อยหรือไม่”
“ได้ เจ้าพักสักหน่อยก่อน ข้าจะไปเปลี่ยนชุด รอไปดูพร้อมกัน”
ทว่าเวลาเดียวกันนี้
ในห้องหนังสือของเจียงอู๋วั่ง เจียงเทากำลังยืนรายงานอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสืออย่างเคารพนบนอบ “นายท่าน หวางเฟยพาบุรุษกลับจวนมาคนหนึ่งขอรับ”
“หืม? บุรุษแบบไหนกัน” ในใจเจียงอู๋วั่งมีความไม่สบายใจเกิดขึ้นมาสายหนึ่ง
“ไม่แน่ชัด ข้าน้อยยังไม่ทันได้ไปสืบขอรับ หน้าตาดูคมคาย อายุอานามไล่เลี่ยกับหวางเฟย”
เจียงอู๋วั่งคิดในใจ ซ่งหวานหว่านเจ้าอดทนกับความเปลี่ยวเหงาได้เพียงเท่านี้เองหรือ เพิ่งจะมาจวนอ๋องแค่ไม่กี่วัน ก็พาบุรุษไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ากลับมาแล้ว เจ้าเห็นเปิ่นหวังเป็นของตายหรือไร
“ไป ไปดูกัน”
“ขอรับ”
เจียงอู๋วั่งนั่งอยู่บนรถเข็น ให้เจียงเทาเข็นเขาไปยังเรือนฮ่วนซี
ซ่งหวานหว่านเพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมกับสวมแพรโปร่งสีขาวปกคลุมใบหน้าอีกหนึ่งชั้นเสร็จ เตรียมจะพาเซี่ยเจิ้นออกไปดูร้านค้าด้วยกัน ก็เห็นเจียงอู๋วั่งมาถึงพอดี นางกับหลินชิงไต้จึงรีบย่อกายคารวะ
“ถวายบังคมท่านอ๋อง”
เจียงอู๋วั่งมองนางอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง โดยไม่พูดอะไร ก่อนจะหันไปมองเซี่ยเจิ้น
“ถวายบังคมท่านอ๋อง” พอเซี่ยเจิ้นได้ยินว่าเป็นยมบาลหน้านิ่งผู้นั้น ก็ตกใจจนรีบทำความเคารพแทบไม่ทัน
ซ่งหวานหว่านเอ่ยปากแนะนำ “ท่านอ๋อง ข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จักสักหน่อย นี่คือเซี่ยเจิ้นญาติผู้น้องของข้า เป็นคุณชายบ้านท่านลุงรองของข้าเอง”
“เขามาทำอะไรที่จวนอ๋อง”
เอ๊ะ ทำไมรู้สึกถึงกลิ่นน้ำส้มนิดๆ นะ ไหน้ำส้มตรงไหนถูกพลิกคว่ำกัน?
“ท่านอ๋อง ญาติผู้น้องของข้าอยากจะเรียนวรยุทธกับฮวาอิ่ง ข้าอยากอบรมสั่งสอนเขา เพื่อให้เขาทำงานอยู่ข้างกายข้า”
เจียงอู๋วั่งมองเซี่ยเจิ้นแล้วถามว่า “เจ้าอยากเรียนวรยุทธ?”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”
“ได้ แต่เจ้าไม่อาจเรียนกับฮวาอิ่งได้ ฮวาอิ่งต้องทำหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยให้พี่สาวเจ้า เปิ่นหวังจะให้เจียงเทาพาเจ้าไปฝึกฝนที่ค่ายฝึกองครักษ์เงา เจ้าเต็มใจหรือไม่”
“ผู้น้อยเต็มใจ ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงเมตตาสั่งสอน” เซี่ยเจิ้นรีบกล่าวคำขอบคุณอย่างดีใจ เขาเคยได้ยินว่าองครักษ์เงาของจวนจ้านอ๋องเก่งกาจอย่างมาก เป็นความใฝ่ฝันของเขามานานแล้ว เพียงแต่ติดที่ไม่มีลู่ทาง
“ท่านอ๋อง นี่...” ซ่งหวานหว่านรู้สึกอับจนคำพูดอยู่บ้าง ไฉนท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ถึงมาแย่งคนกับนางกันเล่า
“หลังจากฝึกฝนออกมาแล้ว เขายังติดตามเจ้าได้เช่นเดิม” เจียงอู๋วั่งมองออกถึงความแคลงใจในดวงตานาง จึงเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ!” เช่นนี้ซ่งหวานหว่านถึงค่อยกล่าวคำขอบคุณอย่างตื่นเต้นดีใจ
“นี่เจ้ากำลังจะไปที่ใด?”
“ท่านอ๋อง ข้าอยากไปดูร้านค้าเพื่อเตรียมเปิดเป็นโรงหมอเจ้าค่ะ จากนั้นค่อยไปซื้อบ้านให้มารดาสักหลัง”
“เจ้าไม่ต้องไปแล้ว”
“เพราะเหตุใด” พอซ่งหวานหว่านได้ยินว่าไม่ให้ไป ก็โกรธขึ้นมาทันควัน
“ข้าจะสั่งพ่อบ้านทำร้านค้าให้ว่างให้เจ้าสักแห่ง แล้วข้าก็มีบ้านหลังหนึ่งอยู่ตรงถนนตะวันออก ให้คนทำความสะอาดสักหน่อยค่อยให้มารดาเจ้าพักอาศัย”
“กรี๊ด! ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ!” ผ่านไปสักพักซ่งหวานหว่านถึงค่อยรู้สึกตัวกล่าวคำขอบคุณออกมา ที่แท้ก็ยังมีเรื่องดีๆ เช่นนี้ด้วย นางไม่ต้องเสียเงินเองแล้ว
เดิมทียังคิดจะใช้เงินหมื่นตำลึงที่ฮ่องเต้พระราชทานให้มาเป็นทุนรอนอยู่เชียว แต่ตอนนี้ประหยัดเงินซื้อบ้านเช่าร้านไปได้แล้ว สามารถประหยัดอะไรได้ก็ต้องประหยัด
“เจ้าไปเตรียมตัวสักหน่อย พรุ่งนี้เช้าต้องออกเดินทางไกลไปพร้อมเปิ่นหวัง”
“ไปไหนเพคะ”
“เขาอู่ไถ”
“ไปด้วยเรื่องอันใดเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต
ไม่ต่อแล้วหรอออ...
5555555555...
ต่อไหมค่ะ...
สนุกมากกกค่ะ...