หลังจัดการนักฆ่าชุดดำเสร็จ รถม้าก็เลี้ยวกลับสู่เส้นทางหลักมุ่งหน้าต่อไป
บนรถม้า ซ่งหวานหว่านอดถามเจียงอู๋วั่งไม่ได้ “ท่านอ๋อง นักฆ่าวิญญาณโลหิตเป็นองค์กรประเภทใด”
“นักฆ่าวิญญาณโลหิตเป็นนักฆ่ามือหนึ่งที่โหดเหี้ยมและมีชื่อเสียงที่สุดของยุทธภพฝ่ายอธรรมในปัจจุบัน พวกเขามาจากหอวิญญาณโลหิต มีอาชีพก็คือนักฆ่า วรยุทธที่ใช้น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ขอเพียงผู้จ้างวานเงินถึง ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงศักดิ์มาจากที่ใด พวกเขาล้วนสังหารเพื่อเงินทั้งสิ้น”
“โหดขนาดนี้เชียว! ท่านอ๋องรู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง?”
“รู้ นอกจากเขาแล้ว ยังไม่มีใครกล้าลงมือกับเปิ่นหวัง!”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปจ่ายเงินให้หอวิญญาณโลหิตอะไรนั่นเสียเลยสิ แล้วให้เจื๋อนเขาซะ?”
“เจ้าอยากยกเงินให้พวกเขาไปเปล่าๆ หรือไร”
“พวกเขาไม่ใช่ฆ่าคนเพื่อเงินหรอกหรือ เหตุใดถึงเสียเงินไปเปล่าๆ”
“เปิ่นหวังเคยสั่งให้องครักษ์เงาไปสืบมาแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ของหอวิญญาณโลหิตเป็นพระญาติของไทเฮา”
“เช่นนั้นก็เป็นการเสียเงินไปเปล่าๆ จริงๆ สู้ใช้ระเบิดสองสามลูกระเบิดเขาไปพร้อมกับวังหลวงเลยยังจะดีเสียกว่า”
“เป็นความคิดที่ดี เจ้าระเบิดวังหลวง จากนั้นก็ควักเงินตัวเองสร้างวังหลวงขึ้นมาใหม่ แล้วเปิ่นหวังค่อยช่วยผลักดันเจ้าเป็นจักรพรรดินีเป็นอย่างไร”
ซ่งหวานหว่านตกตะลึง หันศีรษะไปมองเจียงอู๋วั่งด้วยสายตาแปลกๆ
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือไร หรือน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกวิญญาณอื่นสิงร่างเหมือนกับนาง ถึงขั้นยิงมุกตลกออกมาเป็นครั้งแรก!
เจียงเทาและฮวาอิ่งสองคนที่อยู่นอกม่านรถมุมปากกระตุกอย่างแรง นี่ยังเป็นยมบาลหน้านิ่งผู้นั้น หรือยังเป็นท่านอ๋องที่พวกเขารู้จักท่านนั้นอยู่หรือไม่ สวรรค์ พวกเขาจะต้องกำลังฝันอยู่แน่ ช่วยเอาสายฟ้ามาผ่าปลุกพวกเขาให้ตื่นทีเถิด!
เจียงอู๋วั่งมองท่าทางราวกับเห็นผีของซ่งหวานหว่าน ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือดวงนั้นแสดงอารมณ์ออกมาหลากหลาย ดูไปแล้วน่ารักน่าชังนัก จู่ๆ เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาฉับพลัน มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน่ามอง
ซ่งหวานหว่านโดนตกเข้าเสียแล้ว นัยน์ตาทอประกายระยิบระยับดุจดาวดวงเล็กๆ ข้อศอกชันอยู่บนเข่า สองมือรองคางไว้ ขณะที่จมูกมีหยดเลือดสีแดงสดไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
เจียงอู๋วั่งชะงักไป ทันใดนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ......”
จู่ๆ
รถม้าก็หยุดลง ที่นอกม่านมีเสียง ‘โครมคราม’ ดังขึ้นมาสองเสียง
“มีอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ซ่งหวานหว่านได้สติกลับคืนมา เลิกม่านรถขึ้นถาม
เห็นเพียงเจียงเทาและฮวาอิ่งนอนคว่ำอยู่กับพื้นอย่างหมดท่า กำลังปีนกลับขึ้นมา
“ไม่มีอะไรๆ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ” เจียงเทารีบพูด
ตั้งแต่ติดตามท่านอ๋องมา เขาไม่เคยเห็นท่านอ๋องยิ้มมาก่อนเลย นับประสาอะไรกับหัวเราะเสียงดังเช่นนี้ เขาสามารถบอกได้หรือว่าเขากับฮวาอิ่งถูกเสียงหัวเราะของเจียงอู๋วั่งทำให้ตกใจจนตกรถม้า
คำตอบคือไม่ได้ มันน่าอายเกินไป!
“นายหญิง ไฉนท่านถึงเลือดกำเดาไหลเล่า เพราะอากาศร้อนหรือเจ้าคะ” ฮวาอิ่งที่ปีนกลับขึ้นมา เห็นเลือดที่จมูกซ่งหวานหว่าน จึงถามอย่างเป็นกังวล
“อ๊ะ! เมื่อกี้ไม่ทันระวังเลยโดนกระแทกเข้าน่ะ”
ซ่งหวานหว่านใช้มือเช็ดเลือดกำเดาออก ถอยกลับเข้าไปในรถม้า ก่อนเบียดตัวเข้าไปในมุมทำตัวเหมือนนกกระจอกเทศ
แงๆๆ น่าอายเกินไปแล้ว ถึงขนาดเห็นรอยยิ้มของเจียงอู๋วั่งจนเลือดกำเดาพุ่ง มีชีวิตมาสองชาติ นี่เป็นครั้งแรกที่ทำขายหน้าขนาดนี้ แถมยังเจาะจงมาขายหน้าในยุคโบราณนี้อีก
เจียงอู๋วั่งมองร่างเล็กขดตัวอยู่ในมุมรถม้าอย่างน่าเวทนานั้นแล้ว ก็อดที่จะหยอกเย้านางขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าวางแผนจะขุดรถม้าออกไปหรือ”
ย่ามันเถอะ ใครจะไปอดทนได้กัน ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าสารเลวนี่แท้ๆ ที่ไม่มีอะไรทำก็มาโปรยเสน่ห์ใส่กัน ยิ้มเสียจนล่มชาติล่มเมืองขนาดนั้น ทำเอาข้าขายหน้าจนได้
“ถังถังที่รัก ช่วยข้าด้วย” ซ่งหวานหว่านใช้ความคิดติดต่อกับของวิเศษถังถัง
“เจ้านาย ท่านอยากให้หนูช่วยทำอะไรเหรอ”
“เจ้าช่วยหั่นมะนาวให้ข้าสักสองซีก บีบมัสตาร์ดลงตรงกลาง แล้ววางไว้บนมือขวาข้าที”
พอหนูน้อยถังถังได้ยินก็รู้สึกฮึกเหิม เจ้านายจะทำโทษคนสินะ! แบบนี้ก็สนุกสิ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต
ไม่ต่อแล้วหรอออ...
5555555555...
ต่อไหมค่ะ...
สนุกมากกกค่ะ...