เวลานี้ ขอทานตัวน้อยอายุราวๆ สี่ห้าขวบ สวมใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นผมเผ้ากระเซอะกระเซิง แต่ใบหน้าเล็กกลับพอจะดูงดงามอยู่บ้างกำลังเดินเข้ามา
เสี่ยวเอ้อที่กำลังเก็บถ้วยชามตะเกียบอยู่นั้นรีบคว้าหมั่นโถวครึ่งลูกที่คนกินเหลือขึ้นมา แล้ววิ่งไปที่ข้างกายขอทานตัวน้อย พร้อมกับเอาหมั่นโถวครึ่งลูกยัดใส่มือขอทานตัวน้อย ก่อนจะผลักนางออกไปด้านนอก
“เจ้าเข้ามาทำไม ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามเข้ามาในร้านอาหาร รีบออกไปเร็ว ประเดี๋ยวข้าค่อยเอาของกินให้เจ้า แต่ห้ามเข้ามาอีกนะ”
“รอก่อน” ซ่งหวานหว่านเรียกเสี่ยวเอ้อให้หยุด
“คุณหนู ท่านมีสิ่งใดจะสั่งหรือขอรับ” เสี่ยวเอ้อตกใจจนหน้าถอดสี เกิดกลัวขึ้นมาว่าขอทานเข้ามาในร้านจะทำให้ลูกค้าไม่พอใจ
“พี่สาวท่านนี้ ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ ขอร้องท่านอย่าทำให้ท่านลุงหลัวลำบากใจเลย เขาเป็นคนดี” ขอทานตัวน้อยรีบกล่าวอ้อนวอน
ซ่งหวานหว่านโบกมือให้ขอทานตัวน้อยแล้วเอ่ยขึ้นว่า “สหายตัวน้อย เจ้ามาหาพี่สาวนี่ พี่สาวจะไม่ทำให้ท่านลุงหลัวของเจ้าลำบากใจ”
“จริงหรือ?” ขอทานตัวน้อยเดินไปสองก้าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“จริงสิ เข้ามาหาพี่สาวนี่”
“เสี่ยวเอ้อ นำชามกับตะเกียบมาให้นางหนึ่งชุด”
“อ่าๆ ข้าน้อยจะไปหยิบมาให้เดี๋ยวนี้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วหมุนกายกลับไปหยิบชามกับตะเกียบ
“สหายตัวน้อย เจ้าชื่ออะไรหรือ นี่เป็นของที่ผู้อื่นกินเหลือ เจ้าไม่อาจกินได้” ซ่งหวานหว่านคว้าหมั่นโถวครึ่งลูกในมือขอทานตัวน้อยไป แล้วโยนไปยังโต๊ะข้างๆ ที่ยังเก็บไม่เสร็จ
“พี่สาว ข้าชื่อเถาจื่อเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเอ้อถือชามตะเกียบเดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า “คุณหนู ท่านช่างเป็นคนดีจริงๆ เถาจื่อเด็กคนนี้ชะตาชีวิตลำบาก บิดาตาย มารดาหนีตามผู้อื่นไป เหลือเพียงย่าที่แก่ชราและป่วยหนักให้ต้องพึ่งพิง เจ้าของร้านเองก็เห็นพวกนางน่าสงสาร เลยให้ข้าน้อยส่งของกินไปให้พวกนางทุกวัน”
“เอ่อ พี่สาว ข้าต้องกลับไปดูแลท่านย่าแล้ว ท่านย่ากำลังป่วยเจ้าค่ะ” เมื่อพูดถึงท่านย่า เถาจื่อก็นึกถึงท่านย่าที่กำลังป่วยขึ้นมา จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนใจ
“ท่านย่าเจ้าป่วยหรือ นางป่วยเป็นอะไร” ครั้นเสี่ยวเอ้อได้ยิน ก็ถามขึ้นมาอย่างร้อนใจเช่นกัน
“ท่านย่าอาการไม่สู้ดีนัก ไออยู่เป็นประจำ เมื่อกี้ยังไอออกมาเป็นเลือดคำโตด้วย”
“แต่ตอนนี้ลุงกำลังทำงาน เลยออกไปไม่ได้น่ะ ถ้าอย่างนั้นเจ้ากลับไปดูแลท่านย่าก่อนดีหรือไม่ หากลุงทำงานเสร็จแล้วจะรีบไปหาพวกเจ้าทันที” เสี่ยวเอ้อมองไปในร้านยังมีคนทานอาหารอยู่อีกมาก จึงได้แต่กล่าวอย่างจนปัญญา
“ท่านอ๋อง ข้าขอไปดูท่านย่าของเด็กคนนี้หน่อย ถ้าสามารถช่วยได้ก็จะช่วย”
“ไปเถิด ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
ซ่งหวานหว่านเข็นเจียงอู๋วั่งเดินตามเถาจื่อไปยังบ้านสุดแสนจะทรุดโทรมหลังหนึ่ง ในบ้านมีเพียงเตียงหนึ่งหลัง ม้านั่งยาวสองตัวและโต๊ะสี่เหลี่ยมในสภาพโงนเงนตัวหนึ่ง
เสี่ยวเถาจื่อวิ่งไปหยุดที่ข้างเตียงแล้วร้องเรียก “ท่านย่า ท่านย่าข้ากลับมาแล้ว มีพี่สาวแสนสวยกับท่านลุงรูปงามมาเยี่ยมท่าน”
หญิงชราบนเตียงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ในดวงตาขุ่นมัวเจือแววสดใส นางหันศีรษะเล็กน้อยมองมาทางซ่งหวานหว่านและเจียงอู๋วั่ง ครั้นเห็นคนทั้งสองแต่งกายหรูหราสูงศักดิ์ ก็พยายามจะลุกขึ้นมาแสดงความเคารพ ซ่งหวานหว่านจึงรีบเดินเข้าไปหาพลางยื่นมือประคองให้นางนอนลงไปใหม่
“ผู้อาวุโสไม่ต้องมากพิธี ข้าเป็นหมอ ขอข้าดูหน่อย”
ซ่งหวานหว่านใช้นิ้วมือแตะชีพจรของหญิงชรา จากนั้นหัวคิ้วก็ขมวดมุ่น หญิงชราเป็นไม้ใกล้ฝั่งไม่ต่างอะไรกับตะเกียงขาดน้ำมัน เพียงแต่ที่ยังเก็บลมหายใจเฮือกสุดท้ายไว้ คงเป็นเพราะยังเป็นห่วงเสี่ยวเถาจื่อเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้
“แม่นาง อย่าเสียแรงเปล่าเลย ร่างกายข้า ข้ารู้ดี ข้าไม่ไหวแล้ว เพียงแต่ยังปล่อยวางหลานสาวผู้น่าสงสารคนนี้ของข้าไม่ลง ยายแก่เห็นว่าท่านเป็นคนจิตใจดีงาม ขอร้องท่านช่วยเก็บเด็กคนนี้ไปเลี้ยงได้หรือไม่ รอนางโตอีกหน่อยค่อยให้นางเป็นสาวใช้ก็ยังได้ แค่กๆ…” หญิงชราพูดจบในชั่วอึดใจเดียว ก่อนจะไอจนตัวโยน
ซ่งหวานหว่านหยิบเข็มเงินออกมาฝังลงที่จุดเหอกู่ ว่ายกวน ฉื่อเสอและจุดอื่นๆ ในร่างกาย เพื่อบรรเทาอาการไอของหญิงชรา
“พรูด” หญิงชรากระอักเลือดสดๆ ออกมา สองมือคว้าจับมือซ่งหวานหว่านไว้แน่น แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขาดๆ หายๆ “แม่นาง ข้า ข้า ยายแก่ขอร้องท่านแล้ว!”
“ผู้อาวุโส ท่านใจเย็นๆ ข้ารับปากท่าน ข้าจะเก็บเถาจื่อไปเลี้ยง จะสอนนางท่องหนังสือเขียนอ่าน สอนวิชาแพทย์ให้นาง ไม่ให้นางเป็นสาวใช้” ซ่งหวานหว่านรีบพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต
ไม่ต่อแล้วหรอออ...
5555555555...
ต่อไหมค่ะ...
สนุกมากกกค่ะ...